-
@ HereTong
2025-05-06 01:06:54เมื่อวานนี้เรารู้เรื่อง Meat Free Monday ของท่านเซอร์พอลกันแล้ว วันนี้เรามาต่อเนื่องกับแสงสีกันอีกนิดครับ
Anne Hathaway กับ The EVERY Company จากเจ้าหญิง The Princess Diaries สู่ราชินีโปรตีนไร้ไก่ ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงไม่เคาะประตู แต่มาถีบประตูบ้านเข้าใส่เลย บรรดาเซเล็บฮอลลีวูดก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ แค่ใส่กระโปรงขึ้นพรมแดงหรือไปเล่นหนังรางวัลเท่านั้น แต่บางคน เช่น Anne Hathaway ก้าวเข้ามาอยู่เบื้องหลังระบบอาหารโลกในรูปแบบที่เงียบ…แต่เขย่าพื้นโลกได้เหมือนกัน
ใช่จ้ะ... Anne Hathaway คนเดียวกับที่เฮียเคยเห็นใน The Devil Wears Prada หรือเจ้าหญิง Mia ใน Princess Diaries ได้ลงทุนแบบเอาจริงกับบริษัทเทคโนโลยีอาหารสุดล้ำที่ชื่อว่า The EVERY Company ซึ่งพัฒนาโปรตีนจากไข่ที่ไม่ใช้ไก่ ไม่ต้องมีฟาร์ม ไม่ต้องฟัก และไม่ต้องฟูมฟักศีลธรรมให้สั่นไหวด้วยการฆ่าสัตว์เลยแม้แต่นิดเดียว
ทบทวนกันจากสัปดาห์ที่แล้วครับ The EVERY Company เดิมชื่อ Clara Foods ก่อตั้งในกลางยุค 2010s ณ ใจกลางซิลิคอนวัลเลย์ แหล่งรวมจินตนาการและเงิน VC ที่ไม่รู้จะเอาไปลงกับอะไรดี บริษัทนี้ไม่ได้เลี้ยงไก่ ไม่ได้ใช้ถาดไข่ แต่ใช้ “Precision Fermentation” ซึ่งก็คือการเอา DNA ที่เป็นรหัสของไข่ขาว (Ovalbumin) ไปใส่ในจุลินทรีย์สายพันธุ์เฉพาะ แล้วเลี้ยงด้วยน้ำตาลในถังหมัก สุดท้ายมันก็ผลิตโปรตีนออกมาที่มีโครงสร้าง “เหมือนของจริงเป๊ะ”
มันคือการทำไข่จาก “ยีสต์” ไม่ใช่จาก “แม่ไก่”
การลงทุนของ Anne ครั้งนี้ ถือเป็น B2B investment ครั้งแรกในชีวิต และดูจะไม่ใช่แค่ลงทุนแบบเซ็นเช็คเฉยๆ แล้วไปจิบไวน์ที่คานส์นะ เพราะเธอให้สัมภาษณ์ว่า
“It’s clear that our food system needs a change. EVERY is one part of a beautiful future.” (มันชัดเจนว่าระบบอาหารเราต้องเปลี่ยนแปลง EVERY คือส่วนหนึ่งของอนาคตที่งดงามนั้น)
แม้ไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินหรือสัดส่วนหุ้นอย่างเป็นทางการ แต่สื่ออุตสาหกรรมอาหารอย่าง Food Navigator USA ก็ชี้ว่า เธอเป็นอีกแรงที่ช่วยดันชื่อเสียงของบริษัทให้ “กลายเป็นไวรัล” ในหมู่นักลงทุน และอาจเปิดประตูสู่การยอมรับของตลาดผู้บริโภคได้ในวงกว้าง
The EVERY Company ไม่ได้หวังจะแค่ขาย “ไข่” ในซูเปอร์มาร์เก็ตแบบธรรมดาๆ แต่เริ่ม “แทรกซึม” จากเบื้องหลังในอุตสาหกรรมอาหารอย่างแยบยล จะเปลี่ยนระบบอาหารโดยใช้แนวทาง “B2B only” คือผลิตขายให้เชฟ ร้านอาหาร และโรงงานเท่านั้น (ยังไม่วางจำหน่ายปลีกทั่วไป เพราะบางตัวอย่าง EVERY Egg ยังรอรับรอง GRAS จาก FDA)
เคยมีการร่วมงานกับเชฟมิชลิน Dominique Crenn จากร้าน Atelier Crenn ในนครซานฟรานซิสโก ซึ่งเธอยืนยันว่า EVERY Egg เป็นตัวเปลี่ยนเกม ที่ทำให้เธอสามารถสร้างเมนูใหม่ที่ “ไร้สัตว์” ได้โดยไม่เสียความสร้างสรรค์หรือรสชาติ
แม้ Anne จะไม่มีตำแหน่งในบอร์ดบริหาร แต่การที่เธอลงทุนใน The EVERY Company ทำให้หลายองค์กรจับตามอง และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ “โปรตีนสังเคราะห์จากจุลินทรีย์” ให้ดูหรู ดูสะอาด และเหมาะกับสายสุขภาพ-มังสวิรัติ ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันคือ “ผลิตภัณฑ์โรงงานที่ผ่านกระบวนการขั้นสูงมาก”
The EVERY Company ยังได้รับเงินลงทุนจากกลุ่มใหญ่อย่าง Temasek (กองทุนจากสิงคโปร์) และ Prosperity7 Ventures ที่เป็นแขนของ Saudi Aramco ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นน่าคิด…ว่าพลังทุนที่อยู่เบื้องหลัง “ไข่ไม่ใช้ไก่” นี้ มาจากหลายทิศหลายทาง ทั้ง Silicon Valley, ตะวันออกกลาง และ Hollywood
การที่ Anne Hathaway ลงทุนใน EVERY ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เป็นหมุดหมายที่น่าสนใจในยุคที่ “อาหาร” ไม่ใช่แค่เรื่องอิ่มท้อง แต่กลายเป็นการเมือง วิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ และการสร้างภาพลักษณ์ของคนดังในคราวเดียวกัน
ไข่ที่ไม่มีไก่ โปรตีนที่ไม่มีฟาร์ม…ดูเหมือนจะสวยงาม แต่ถ้าเรามองให้ลึก บางครั้งอาหารก็อาจไม่ใช่เรื่อง “ของกิน” อย่างเดียวอีกต่อไป
เรื่องบางเรื่อง คนในบางสังคม คนในบางกลุ่มเท่านั้น ที่จะมีโอกาสเลือกก่อน กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็แบบนี้ครับ #pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก #siamstr