-
@ ZhongLi
2025-03-20 04:15:12" ไขคำตอบผ่านมุมมอง Ethereum vs Solana" คุณเคยสงสัยไหมว่า... ทุกวันนี้แฮ็กเกอร์ระดับโลกอย่างกลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือเลือกโจมตีคริปโตผ่านช่องทางไหน? ทำไมเราถึงเห็นข่าวแฮ็กเหมือง Blockchain สุดอื้อฉาวบ่อยครั้ง ทั้งที่เครือข่ายบล็อกเชนถูกออกแบบมาให้ปลอดภัย? คำตอบอาจซ่อนอยู่ใน "จุดอ่อน" ของระบบนิเวศคริปโตเอง โดยเฉพาะสองยักษ์ใหญ่อย่าง Ethereum (ETH) และ Solana (SOL) ที่ต่างมีทั้งจุดแข็งและช่องโหว่ให้โจรไซเบอร์จ้องจับตาฉกตังคุณ!
ทำไม Ethereum ถึงเป็นอาหารจานโปรดของแฮ็กเกอร์?
1. "เงินมันเยอะ... ดึงกิเลสใจให้อยาก"
Ethereum คือศูนย์กลาง DeFi ที่มีเงินไหลเวียนมหาศาล มูลค่าทั้งระบบ (TVL) สูงกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ แค่คิดภาพว่าแฮ็กเกอร์เจาะระบบได้ครั้งเดียวก็รวยเป็นเศรษฐี แถมยังมี dApps มากมายให้เลือกโจมตี ไม่แปลกที่เป้าหมายแรกจะพุ่งมาที่ ETH!
2. สัญญาอัจฉริยะ... มันคือ ดาบสองคมแหละ
Smart Contract บน Ethereum ใช้ภาษา Solidity ที่มีความยืดหยุ่น แต่ก็เป็นดาบสองคม! แค่โค้ดผิดพลาดนิดเดียวก็สร้างความเสียหายมหาศาล เหมือนเหตุการณ์ Ronin Bridge ที่ถูกเจาะจนสูญเงิน 625 ล้านดอลลาร์ หรือการโจมตีแบบ Reentrancy ที่เคยทำให้ DAO ล่มในปี 2016
3. สะพานข้ามเชน... กับดักล่อแฮ็กเกอร์
ทุกวันนี้ Ethereum เชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นผ่าน Bridge และ Layer 2 อย่าง Optimism/Arbitrum ซึ่งสะพานเหล่านี้คือจุดอ่อนชั้นดี! เพราะต้องเก็บเงินสำรองจำนวนมาก ยิ่งถ้า Audit ไม่รอบคอบ แฮ็กเกอร์ก็ฉกเงินออกได้สบาย เหมือนกรณี Poly Network ที่ถูกขโมย 611 ล้านดอลลาร์ในปี 2021
Solana ปลอดภัยกว่า จริงหรือ?
1. เร็วแต่เสี่ยง... ปัญหาที่ซ่อนในระบบ
Solana ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว 65,000 TPS และค่าธรรมเนียมถูก แต่ความเร็วอาจมาพร้อมความเสี่ยง! การใช้เทคนิค Parallel Processing อาจมีช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกพบ เช่น กรณี Wormhole Bridge ถูกเจาะจนสูญ 326 ล้านดอลลาร์ในปี 2022
2. ระบบนิเวศเพิ่งเกิดไม่นาน... เหมือนบทเรียนที่ยังไม่ครบหลักสูตร
dApps บน Solana ส่วนใหญ่ยังใหม่และขาดการตรวจสอบ (Audit) ที่เข้มงวด เมื่อเทียบกับ Ethereum ที่ผ่านสนามรบมานาน โครงการใหม่ ๆ อาจมีช่องโหว่หลงเหลือให้แฮ็กเกอร์เสาะแสวงหา
3. Validator น้อย... เป้าสำหรับโจมตี
Solana มี Validator เพียง 1,000+ โหนด เทียบกับ Ethereum ที่มีถึง 5 แสนโหนด! ตัวเลขนี้ทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ 51% มากกว่า แม้จะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นจุดที่นักพัฒนาต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
เปรียบเทียบแบบเห็นภาพ: Ethereum vs Solana ใครเสี่ยงกว่า?
- เงินในระบบ → Ethereum ชนะขาด (แต่ก็เป็นเป้าหมายใหญ่)
- ช่องโหว่ Smart Contract → ทั้งคู่มีปัญหา แต่ Solana อาจเสี่ยงกว่าเพราะ Audit น้อย
- จุดอ่อนเครือข่าย → Ethereum มีปัญหา Bridge ส่วน Solana กลัวระบบล่ม
- ภาษาโปรแกรม → Solidity (Ethereum) ยืดหยุ่นแต่ซับซ้อน vs Rust (Solana) ปลอดภัยกว่าแต่ยังใหม่
สรุปแบบตรงไปตรงมา
- Ethereum คือ "หมีตัวใหญ่" ที่แฮ็กเกอร์อยากล่า เพราะเงินมาก แม้จะป้องกันดี แต่มีจุดให้โจมตีหลายชั้น
- Solana คือ "เหยื่อดาวรุ่ง" ที่ถ้าเกิดช่องโหว่ร้ายแรง อาจถูกโจมตีแบบถล่มเละได้ง่าย
แฮ็กเกอร์อย่างกลุ่ม Lazarus ไม่ได้สนใจว่าเครือข่ายไหนเก่งกว่า แต่พวกเขามองหา "ช่องโหว่ที่ทำเงินได้เร็ว" มากกว่า! ตอนนี้ Ethereum ยังครองแชมป์เป้าหมายยอดนิยม แต่ถ้า Solana เติบโตเร็วโดยไม่แก้จุดอ่อน วันหนึ่งอาจกลายเป็นเหยื่อรายใหญ่ได้ไม่ยาก
วิธีป้องกันตัวให้รอดจากมือแฮ็กเกอร์
สำหรับนักลงทุนทั่วไป
- อย่าเก็บเงินไว้ใน Exchange นาน เปลี่ยนมาใช้ Hardware Wallet อย่าง Ledger/Trezor
- เช็กประวัติการ Audit ของโปรเจกต์ผ่านเว็บไซต์อย่าง CertiK หรือ Hacken ก่อนลงทุน
สำหรับนักพัฒนา
- ทดสอบ Smart Contract อย่างน้อย 3 รอบ และจ้างบริษัท Audit มืออาชีพ
- ใช้ Oracle จากหลายแหล่ง เพื่อป้องกันการป้อนข้อมูลผิดพลาด
สำหรับโปรเจกต์คริปโต
- สร้างกองทุนประกัน (Insurance Fund) เผื่อถูกแฮ็ก
- อัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Real-Time ตลอดเวลา
สุดท้ายนี้... อย่าลืมว่า "ไม่มีระบบไหนปลอดภัย 100%"
ไม่ว่า Ethereum หรือ Solana ก็ตาม การรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองคืออาวุธที่ดีที่สุด ติดตามข่าวสารความปลอดภัยสม่ำเสมอ และอย่าวางใจระบบใดระบบหนึ่งแบบสุดใจ — เพราะแฮ็กเกอร์ก็อัปเกรดตัวเองทุกวันเช่นกัน!
แล้วคุณล่ะ... คิดว่าเครือข่ายไหนน่ากังวลที่สุด? แชร์ความเห็นไว้ได้เลย!