-
@ HereTong
2024-10-31 02:50:27ตะเกียงฟักทองที่เห็นกันในวันฮัลโลวีน หรือที่เรียกกันว่า Jack O’ Lantern ถือกำเนิดมานานหลายร้อยปี โดยมีรากฐานมาจากตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ว่าด้วยเรื่องของ “แจ็กจอมขี้เหนียว หรือ แจ็กจอมตืด” ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และมีหลายเวอร์ชัน แต่เวอร์ชันที่แพร่หลายที่สุดเล่าว่า แจ็กเป็นชายที่เจ้าเล่ห์มาก ถึงขั้นสามารถหลอกลวงซาตานได้
เรื่องเริ่มต้นเมื่อแจ็กเชิญซาตานมาดื่มเหล้าด้วยกัน แต่แทนที่จะจ่ายเงินเอง แจ็กกลับวางแผนให้ซาตานแปลงร่างเป็นเหรียญเพื่อจ่ายค่าเหล้า ซาตานยินดีทำตามแผนนี้ แต่แจ็กกลับนำเหรียญใส่ไว้ในกระเป๋าที่มีไม้กางเขนอยู่ ซาตานจึงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้
หลังจากการเจรจา แจ็กยอมปล่อยซาตาน โดยมีข้อตกลงว่าซาตานจะต้องไม่ยุ่งกับเขาเป็นเวลา 1ปี และเมื่อแจ็กตาย ซาตานจะไม่มีสิทธิ์ครอบครองวิญญาณของเขา
เมื่อครบหนึ่งปี ซาตานกลับมาหาแจ็กอีกครั้ง คราวนี้แจ็กใช้กลอุบายใหม่ หลอกให้ซาตานปีนขึ้นไปเก็บแอปเปิ้ลบนต้นไม้ แล้วจึงสลักกางเขนไว้บนต้นไม้ ทำให้ซาตานลงมาไม่ได้ แจ็กจึงต่อรองเพิ่ม โดยซาตานต้องสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับเขาอีกเป็นเวลา 10ปี
แต่เมื่อแจ็กเสียชีวิต วิญญาณของเขากลับไม่ถูกต้อนรับเข้าสวรรค์ เนื่องจากพฤติกรรมหลอกลวงที่เขาทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ และแม้ว่าเขาจะลองไปหาที่พึ่งในนรก ซาตานก็ปฏิเสธการรับวิญญาณของเขาเช่นกัน ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้
สุดท้ายแจ็กจึงต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน โชคดีที่ซาตานยังปราณีทิ้งก้อนถ่านที่เรืองแสงให้แจ็กไว้ส่องทาง แจ็กจึงคว้านหัวผักกาด เจาะช่องแสงแล้วใส่ถ่านลงไป เพื่อใช้เป็นตะเกียงนำทาง
ชาวไอริชจึงตั้งชื่อ “แจ็กกับตะเกียง” ว่า Jack of the Lantern ก่อนจะเพี้ยนกลายเป็น Jack O’ Lantern ในเวลาต่อมา และธรรมเนียมนี้ก็แพร่หลายในหมู่ชาวไอริชและสกอตแลนด์ ผู้คนนิยมแกะสลักหัวผักกาดหรือหัวมันฝรั่งให้ดูน่ากลัว จากนั้นใส่ไฟด้านใน แล้วนำไปวางที่หน้าต่างหรือประตูเพื่อป้องกันวิญญาณเร่ร่อนอย่างแจ็กไม่ให้เข้ามารบกวนในคืนฮัลโลวีน
ส่วนฟักทองที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้น เพิ่งถูกนำมาใช้หลังจากที่ผู้อพยพจากยุโรปเดินทางไปยังอเมริกา เนื่องจากฟักทองเป็นพืชที่หาง่ายและมีขนาดใหญ่ ทำให้ง่ายต่อการแกะสลัก คนอเมริกันจึงเริ่มใช้ฟักทองแทนหัวผักกาดหรือมันฝรั่งในการทำตะเกียง Jack O’ Lantern