-
@ Saltyman 🧂✨ | Virtual Podcaster
2024-03-24 16:25:06ผมมีโอกาสได้เคลื่อนไหวในฐานะของ VTuber มาราว ๆ สองปีแล้ว (ถ้านับช่วงที่ก่อนจะมีไลฟ์ Debut Announcement) และสาละวนอยู่กับความทุกข์ที่รู้สึกว่าการพยายามทำไลฟ์ของตัวเองนั้นยังไม่เป็นที่สนใจของคนเท่าที่ควร โดยเฉพาะช่วงปีก่อนที่ถึงกับจิตตกหนัก ๆ เพราะยอดคนดูเริ่มลดลงเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย (ซึ่งแม้จะทำใจมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ตัดสินใจทำแล้วแต่ก็ยังคงช็อคที่ตัวเลขมันลดหนักขนาดนี้)
ผมได้แต่หาคำตอบให้ตัวเองว่ามันเป็นเพราะอะไร ? เพราะเนื้อหาที่เราเอามาไลฟ์มันยากไป ? เพราะการนำเสนอของเรามันย่ำอยู่กับที่ ? เพราะเราไม่ได้ทำโมเดลใหม่อย่างที่คนอื่นเขานิยมเปลี่ยนกันทุกปี ? หรือถึงขั้นคิดไปว่าเพราะเรากำลังโดนแบนจากสังคมของ VTuber ประเทศไทยอยู่รึเปล่า…ทั้งที่ปีที่แล้วได้คุยกับคนในวงการแบบนับไม่เกินสองมือได้เลยด้วยซ้ำ
แม้ช่วงกลางปีจะได้มีโอกาสสัมผัสกับสังคมออนไลน์ทางเลือกมากมาย ทั้ง Mastodon ที่ตอนนั้นเป็นที่นิยมหนีตายจากแพลตฟอร์มเจ้าใหญ่ การได้เจอกับ Nostr ซึ่งเป็นโปรโตคอลสังคมออนไลน์แบบกระจายศูนย์อย่างแท้จริง รวมถึงล่าสุดที่ไปเคลื่อนไหวบนแอป Bluesky Social ที่พัฒนามายาวนานมากกว่าจะเปิดให้ใช้กันอย่างเสรีช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าจะที่ไหนผมก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศของโลกออนไลน์ที่ไม่มีอัลกอริธึมคอยเสิร์ฟเนื้อหาที่ไม่ได้อยากรู้เพราะคิดว่าเราน่าจะสนใจและไม่มีการโฆษณายัดเยียดสิ่งต่าง ๆ ทั้งพวก Scam หลอกเอาเงินผู้ใช้หรือพวกเว็บพนันออนไลน์ที่ตุกติกหวังฮุบเงินคนที่เข้ามาเล่น (ซึ่งใน Nostr มันมีแอคพวกนั้นมาเปิดโปรโมทอยู่นะ…และตายเรียบเพราะไม่ได้มีคนสนใจพวกนี้เท่ากับบนแพลตฟอร์มหลักที่ยัดเงินโฆษณาก็โกยคนเข้าไปติดกับได้เยอะแยะมากมาย ส่วนของ Mastodon กับ Bluesky ยังไม่แน่ใจว่ามีมั้ยเพราะไม่เคยเจอ) แต่เราก็ยังคงวนเวียนอยู่ในแพลตฟอร์มเดิม ๆ เพราะยังตัดใจไม่ขาดจากจำนวนผู้ติดตามที่เยอะกว่าที่อื่นและความที่เรายังสามารถ Keep in Touch กับผู้ติดตามบางส่วนได้ง่าย
จนกระทั่งการตัดสินใจครั้งสำคัญของผม… การตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงแนวทางการเคลื่อนไหวในสังคมออนไลน์ของ Saltyman ไปตลอดกาล
การตัดสินใจเลิกใช้ Twitter หรือ X เป็นแพลตฟอร์มหลัก
…
นับตั้งแต่นั้นผมก็สัมผัลได้ว่าชีวิตของตัวเองได้กลับมาเป็นตัวเองมากขึ้น มีเวลากลับมาใส่ใจกับการทำเนื้อหามากขึ้น ได้กลับมาเจอกับบรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่พบเจอกับการแข่งขันแย่งชิงยอด Engagement โดยไม่ใส่ใจว่าสิ่งที่นำเสนอออกมาจะระยำตำบอนหรือมอมเมาคนอื่นแค่ไหน และไม่ต้องพบเจอกับความอีหยังวะที่เกิดจากการได้รับรู้เรื่องราวดราม่าบ้าบอต่าง ๆ ที่นอกจากจะไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิตแล้วยังสร้างความเหนื่อยหน่ายกับสังคมว่ามันห่วยแค่ไหน
ที่ตลกคือ…การตัดสินใจนี้ไม่กระทบยอดคนดู (เพราะมันน้อยอยู่แล้ว) และยอดการมองเห็นในไลฟ์ของตัวเองเลย คนที่มาดูประจำก็มาเหมือนเดิม ยังรักษาบรรยากาศแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ดีโดยไม่ต้องมีกฎไลฟ์ยุ่บยั่บเหมือนเดิม และก็ยังได้โดเนทจากช่องทางต่าง ๆ เหมือนเดิม (ซึ่งก็น้อยเหมือยเดิมด้วย ฮา)
ผมค่อนข่างเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าการที่เราเลือกหันหลังให้กับแพลตฟอร์มพวกนั้นน่าจะทำให้ผมมี Productivity ที่มากขึ้น สร้างงานเพิ่มเติมได้มากขึ้น พัฒนาแนวทางของช่องได้มากขึ้น เหนื่อยหน่ายหมดไฟน้อยลง
…แต่ไม่เลย…
แม้การเลือกมาอยู่บนสังคมออนไลน์เหล่านี้จะทำให้มีความสุขขึ้นมาก แต่ผมเองก็กลับพบว่าเราก็ยังไม่ได้มีอะไรที่เยอะขึ้น ไม่ได้ทำคอนเทนต์ที่ตั้งใจไว้อย่างที่ควร ไม่ได้เข็นผลงานอะไรเพิ่มเติม และก็ไม่ได้มีใครให้ค่ากับผลงานที่เราทำทิ้งไว้ในอดีตอีกต่างหาก
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ Proof of Work ที่เกริ่นในหัวข้อบทความล่ะ ?
ต้องบอกว่าช่วงที่ผ่านมานี้ผมได้ยินคำว่า Proof of Work ค่อนข้างบ่อยมาก แม้จุดเริ่มต้นที่ได้ยินคำนี้จะมาจากประโยคที่พูดในรายการแบไต๋ไฮเทคสมัยที่ยังออกในรายการทีวีที่พูดถึง Bitcoin ช่วงปี 2015 แต่ผมเพิ่งจะมาเข้าใจคำนี้ในมุมมองอื่นที่ไม่เกี่ยวกับ Consensus Algorithm ในระบบของ Bitcoin เมื่อไม่ถึงปีนี้เอง และพอพยายามจะลองค้นหาความหมายของคำนี้ที่ไม่เกี่ยวกับ Cryptography ในอินเทอร์เน็ตจากแหล่งอื่น ๆ ก็พบว่าไม่มีเลย (เมื่อวานก็ลองค้นนะ แต่ก็ไม่มีเหมือนเดิม) ล่าสุดก็คือที่ได้เจอคำ ๆ นี้มาจากรายการไลฟ์รายการหนึ่งที่สมมุติว่าชื่อ สภายาส้ม (สมมุติแล้ว ไม่รู้หรอกเนาะว่าของช่องไหน) ที่ไลฟ์ไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมากับประเด็นที่ผมสนใจมากเป็นพิเศษที่หนึ่งในพิธีกรที่สมมุติว่าชื่อคุณ Tendou นำเสนอหัวข้อ “อินฟลูฯ ที่ไม่อินฟลูฯ ” และรายการก็ชี้ไปถึงเรื่องของ Proof of Work ด้วย และหลังจากผมดูจบแล้ววันรุ่งขึ้นผมก็ออกไปข้างนอก (เพราะเป็นทาสการตลาดของ HoYoVerse ก็เลยต้องรีบไปสอยของลิมิเต็ด Genshin Impact น่ะ ฮา) ซึ่งระหว่างนั้นผมก็ได้คิดทบทวนเกี่ยวกับคำว่า Proof of Work ตลอดทางเลยว่ามันยังไงกันแน่
เท่าที่ผมเข้าใจในตอนนี้ “Proof of Work” (ที่ไม่ใช่ Consensus Algorithm ของ Cryptography) มันก็ตรงตัวตามความหมายแปลไทยเลย นั่นก็คือ “หลักฐานการทำงาน” นี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสามารถติดตัว ทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจ อากับกิริยา สิ่งที่ต่าง ๆ ที่เราได้แสดงให้ผู้อื่นเห็น รวมไปถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ฯลฯ อะไรก็ตามเหล่านี้เป็นหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้เห็นว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง มีผลงานอะไร ได้ผ่านหรือฝากอะไรในโลกใบนี้มาบ้าง “Proof of Work” มันสะท้อนถึงฝีมือ คุณค่า (Value) ความน่าเชื่อถือไว้วางใจในตัวเราเมื่อมีใครมอบหมายให้ทำผลงานบางอย่าง ฯลฯ และมันจะทำให้เกิดผลที่ตามมาเป็นเงาสะท้อนถึงความจริงที่ว่าเราเป็นใครหรือตัวอะไร(?)ในระบบสังคมหรือในแวดวงวิชาชีพเหล่านั้นอย่างแท้จริง
แม้สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่คำนิยามหรือความเข้าใจเกี่ยวกับ “Proof of Work” ที่ตรงกับคนอื่น ๆ แต่นี่ก็เป็นสิ่งตกตะกอนทางความคิดจากมันสมองที่มีปัญญาอันน้อยนิดของผมจะกลั่นกรองออกมาได้
…
ในช่วงที่เดินทางกลับบ้านจะมีจังหวะหนึ่งที่ผมจะแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรดื่ม ก็พบว่า ณ เวลานั้นเงินสดติดตัวได้หมดลงจนไม่มีเงินจ่ายค่ารถประจำทางกลับบ้านต่อสุดท้าย ก็เลยถามพนักงานร้านสะดวกซื้อเพื่อไปกดเงินออกมาจ่าย…ซึ่งตู้ที่ใกล้ที่สุดมันช่างไกลลลลลลล…ไกลเหลือเกิน ระหว่างนั้นผมก็เดินไปครุ่นคิดเรื่อง Proof of Work ไปเรื่อย ๆ แม้แดดจะร้อนฉิบหายวายป่วงก็ตาม จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งแล้งก็ได้ถึงบางอ้อ…
…ผมว่าผมรู้ปัญหาของตัวเองแล้วล่ะว่าทำไมคนอื่นไม่ได้ให้น้ำหนักต่อผลงานของเราในช่วงที่ผ่านมามากขนาดนั้น
เราน่าจะยังมี Proof of Work ไม่มากพอว่ะ
…
แม้ถ้าดูจากการทำช่องของผมในฐานะ Saltyman ที่ทุกสิ่งอย่างในช่องมันทำด้วยตัวเองจริง ๆ (แล้วผมก็เอามีมจากโฆษณามาใส่ Soundboard และหากินกับมีมนี้จนถึงทุกวันนี้นั่นแหละ) เผื่อใครยังไม่ทราบเรื่องนี้…โซล (คำในวงการ VTuber ที่ใช้เรียกแทนตัวตนที่เคลื่อนไหวหลังจอของ VTuber) ของผมวาดรูปออกแบบโมเดลตัวละครที่คุณเห็นขึ้นมาเอง ตัดเส้นลงสีเอง นำภาพไปแยกส่วนแล้ว Rig จนกลายเป็นโมเดล Live2D ด้วยตัวเอง ออกแบบโลโก้ประจำช่องเอง ออกแบบ Overlay หน้าไลฟ์ด้วยตัวเอง ทำ Transition ไลฟ์เอง ดีไซน์ภาพปกไลฟ์ด้วยตัวเอง ตั้งระบบไลฟ์ด้วยตัวเอง และแน่นอน…คอนเทนต์แต่ละอย่างก็เป็นคนสรรหาหัวข้อเรียบเรียงตอนไลฟ์ด้วยตัวเองเหมือนกัน ถึงกระทั่งออกแบบสินค้าแล้วไปนั่งขายด้วยตัวเองแบบปกปิดตัวตน ถ้าไม่นับเรื่องที่ว่าบางปกไลฟ์ใช้ภาพ Asset จากแหล่งที่เป็น Free for Commercial Use กับเสียงประกอบไลฟ์ที่ไปใช้บริการที่เขามีให้ (เพราะไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเลย) ทั้งหมดนี้โซลของผมทำเองจริง ๆ …(ซึ่งไม่ได้จะอวดว่าตัวเองเก่งเพราะมันเคยมีคนหาว่าผมอวดเก่งจากเรื่องนี้ แต่ที่ต้องทำหมดนี่เพราะไม่มีเงินจ้างแค่นั้นแหละ ถ้ามีจะทำเองเพื่ออออ)
และจริง ๆ ผมเองก็พอมีสกิลการเขียนในระดับหนึ่ง คือไม่ได้เขียนเก่งอะไร แต่พอจะเขียนได้บ้าง เล่าเรื่องได้ เขียนได้ทั้งยาวและสั้น แถมโซลของผมก็เคยมีประสบการณ์ทำหนังสือทำมือมาก่อนทั้งแบบที่เป็นนิยายและเรื่องสั้น
แต่ถ้าลองมานั่งพิจารณาอีกที แล้วไหนหลักฐานประจักษ์ที่คนอื่นจะรับรู้ได้ว่าเรามีความสามารถเหล่านี้ล่ะ ?
ผลงานวาดภาพ ? มีนะ เห็น ๆ กันอยู่…แต่น้อยมาก งาน Live2D Rig ล่ะ ? มีแต่โมเดลตัวเอง (กับเคยริกให้งานหนึ่งที่ล้มเลิกโครงการไปแล้ว) Goods ล่ะ ? ออกปีละครั้ง มีแค่ 6 ชิ้น ไม่มีอะไรในระหว่างปีเลย ออกน้อยด้วย บทความล่ะ ? …นี่เพิ่งบทความที่สองที่คนเห็นในฐานะ Saltyman แถมอันแรกก็เป็นบทความสั้นด้วย (บทความอื่นของโซลหายไปแล้วเพราะเว็บที่เคยเขียนมันปิดไปแล้ว) นิยาย/เรื่องสั้นล่ะ ? ในฐานะของ Saltyman ก็ยังไม่มีผลงานพวกนี้ให้เห็นอีก (โซลมี แต่ขอไม่เปิดเผย)
ยังไม่นับที่ว่าไลฟ์ที่ทำตอนนี้มีคนไม่ค่อยเห็นจนไม่ได้มีคนให้ความสนใจขนาดนั้นอีก… ไหนจะรายการ Podcast ที่สัญญาว่าจะทำแล้วก็ยังไม่ออกมาซักตอนอีก…
…
นั่นแหละครับที่ตระหนักได้ระหว่างเดินไปกดเงิน… ที่แท้เรามีความสามารถนะ แต่มันไม่มีหลักฐานมากพอที่คนอื่นจะให้ค่าขนาดนั้น
Proof of Work ของเรามันยังไม่มากพอจริง ๆ ด้วย งั้นก็ไม่แปลกหรอกที่เราอยู่ในสภาพนี้…
…
ระหว่างเดินทางกลับบ้านด้วยรถประจำทางต่อสุดท้าย ผมก็ได้นั่งเหม่อมองข้างทางไปพร้อมกับคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Proof of Work ของตัวเองให้มากขึ้น ในเมื่อเราไม่มีหลักฐานความสามารถของเรามากพอ มันก็มีแต่ต้องทำเพิ่มให้มากพอ ต้องทำให้คนรู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง มีผลงานอะไรบ้าง มีแนวคิดอย่างไรบ้าง ไม่มีทางลัดอื่นใดมากกว่านี้อีกแล้ว แม้ในแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์เจ้าดัง ๆ จะยังสามารถหาวิธีโกงยอด Engagement ได้ อาศัยเกาะกระแสให้ตัวเองโดนลากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Eyeballs ของคนอื่นได้ แต่สิ่งที่เราเห็นกันมาตลอดก็คือพวกเขาเหล่านี้ก็จะล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา เพราะเขาไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากพออย่างแท้จริง ไม่มีผลงานอะไรที่เป็นที่ประจักษ์อย่างแท้จริง
แม้ว่าจุดหมายของคำว่า “มากพอ” มันไม่มีประมาณหรือระยะเวลาที่ตายตัว แถมยังต้องอยู่ในสภาวะที่มีโอกาสเหมาะสมด้วย แต่การที่สร้างผลงานเป็นหลักฐานเอาไว้ก็ไม่ต่างจากเรื่องราวในหนังสือที่ผมเคยอ่านเล่มหนึ่ง มันชื่อว่า Good Luck ที่ว่าด้วยเรื่องของสองเพื่อนในวัยชรามานั่งคุยเปรียบเทียบความสำเร็จในชีวิตของตัวเองกัน แล้วหนึ่งในเพื่อนก็เล่านิทานที่เกี่ยวกับอัศวินสองคนที่พยายามตามหาใบโคลเวอร์สี่แฉกที่พ่อมดเมอร์ลินทำนายว่ามันจะปรากฎขึ้นในอาณาจักร ณ บริเวณที่ไม่มีต้นไม้ปลูกขึ้นมาแสนนาน ซึ่งอัศวินคนหนึ่งเลือกที่จะเสาะหาถามคนอื่นไปทั่วว่าใบโคลเวอร์สี่แฉกอยู่ไหน แต่อัศวินอีกคนกลับเลือกที่จะไปเตรียมดินบริเวณตามคำทำนายให้อุดมสมบูรณ์มากพอที่จะปลูกอะไรได้ จนกระทั่งเมล็ดของต้นโคลเวอร์สี่แฉกก็มางอกอยู่ตรงดินที่เตรียมไว้จริง ๆ
ผมถึงตระหนักได้ในที่สุดว่าการสร้าง Proof of Work มันก็เหมือนกับการเตรียมดินในนิทานของหนังสือ Good Luck นี่เอง เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าโอกาสมันจะมาตอนไหน แต่ถ้าเรารู้จักเตรียมตัวเองให้พร้อม สร้างหลักฐานการทำงานของตัวเองขึ้นมาว่าเราทำอะไรได้บ้าง เก็บ Portfolio (ที่ไม่ใช่พอร์ตการเงินการลงทุน) ไปเรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์และพัฒนาความสามารถของตัวเองจนกระทั่งมีใครสักคนมาเห็นและสนใจสิ่งที่เราทำอยู่ นั่นแหละคือเวลาที่ Proof of Work ของเราจะผลิดอกออกผลเป็นใบโคลเวอร์สี่แฉกออกมาจริง ๆ เป็นความโชคดีแบบที่นิทานในหนังสือบอกไว้จริง ๆ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อวานก่อนที่จะลงบทความนี่เอง จากวันธรรมดาที่เราแค่จะไปซื้อของพรีเมียมเกมที่เรารัก แต่มันกลับให้อะไรกับเรามากมาย มันทำให้ผมได้เห็นถึงปัญหาเรื้อรังของตัวเอง ปัญหาที่ว่าเราไม่มีหลักฐานผลงานของตัวเองมากพอจริง ๆ และผมก็ตัดสินใจที่จะเขียนเล่าเรื่องของตัวเองเรื่องนี้ออกมาเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ เผื่อว่าใครที่กำลังหลงทางสับสนกับชีวิตอยู่ในตอนนี้ว่าทำไมเราทำอะไรไปก็ไม่มีใครสนใจจะได้ตาสว่างแบบที่ผมตาสว่างบ้าง
จากนี้ก็มีแต่ต้องสร้างผลงานออกมาให้สม่ำเสมอ สร้างหลักฐานว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง และพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่ามันมี VTuber อิสระชาวไทยคนนึงที่พูดได้อย่างเต็มปากว่า “ผมทำด้วยตัวเองมาตลอด (จนมากพอจริง ๆ )”
…
ได้เวลาลงมือสร้าง Proof of Work แล้วล่ะนะ
Saltyman | Virtual Podcast ที่วาดรูปและเขียนได้นิดหน่อย