-
@ HereTong
2025-04-15 02:12:45หลังจากเราดูเรื่อง UPOV กันไปแล้ว วันนี้เรามาดูกันครับว่า ผู้ที่ต่อต้าน เจออะไรกันบ้าง
ในหลายประเทศทั่วโลก เสียงของเกษตรกรรายย่อยที่เคยเงียบงัน กำลังดังขึ้นท่ามกลางการรุกคืบของข้อตกลงระหว่างประเทศที่พยายามกีดกันสิทธิการใช้เมล็ดพันธุ์แบบดั้งเดิมของพวกเขา การก้าวเข้ามาของ UPOV 1991 ไม่ต่างอะไรกับการเขียนกฎหมายใหม่ให้บริษัทข้ามชาติมีสิทธิ “จดทะเบียน” พันธุ์พืชที่เคยเป็นสมบัติสาธารณะ แล้วเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์จากเกษตรกรแม้จะปลูกเพื่อกินเองก็ตาม
แต่โลกนี้ไม่ได้เงียบ…
กรณีศึกษา อินเดีย หนึ่งในเสียงชัดเจนที่สุดมาจากดร.วันดานา ชิวา (Vandana Shiva) นักฟิสิกส์และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในอินเดีย ผู้ก่อตั้งองค์กร Navdanya ซึ่งมีภารกิจหลักในการปกป้องเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านและเกษตรกรรมแบบยั่งยืน
Navdanya สร้างธนาคารเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง โดยไม่ยอมรับระบบ UPOV ใด ๆ เลย องค์กรนี้ทำงานร่วมกับชุมชนพื้นเมืองทั่วอินเดียเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมมากกว่า 2,000 สายพันธุ์ พร้อมกับปลูกฝังแนวคิดว่า “เมล็ดพันธุ์ไม่ใช่สินค้า แต่เป็นชีวิต”
อินเดียเอง แม้จะมีแรงกดดันจากการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ก็ยังไม่ยอมรับ UPOV 1991 อย่างเป็นทางการ พวกเขาเลือกเขียนกฎหมายของตนเองชื่อว่า The Protection of Plant Varieties and Farmers' Rights Act, 2001 ซึ่งกล้าหาญมาก เพราะเป็นกฎหมายที่คุ้มครอง “สิทธิของเกษตรกร” เคียงคู่ไปกับ “สิทธิของนักปรับปรุงพันธุ์” โดยยืนยันว่า เกษตรกรมีสิทธิในการบันทึก เก็บ ใช้ แลกเปลี่ยน และขายเมล็ดพันธุ์ของตนเอง โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใคร ผลคืออะไร? แรงกดดันจากต่างประเทศมาเต็ม โดยเฉพาะจากยุโรปและสหรัฐฯ ที่หวังให้อินเดีย “อัปเกรด” เข้าสู่ UPOV 1991 ให้ได้ เพราะจะทำให้บริษัทเมล็ดยักษ์ใหญ่สามารถเข้ามาจดทะเบียนพันธุ์พืชในอินเดียและเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ได้ แต่รัฐบาลอินเดียยังยืนหยัด ด้วยเหตุผลว่า “การให้สิทธิเฉพาะผู้ถือพันธุ์พืชเชิงพาณิชย์คือการทำลายฐานเกษตรกรรมพื้นบ้านทั้งหมด” แถมยังใช้ Navdanya Network ที่เก็บพันธุกรรมพื้นบ้านทั่วประเทศเป็นโล่กันอีกชั้น
เอธิโอเปีย เอธิโอเปียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยเฉพาะพืชอาหารท้องถิ่นอย่าง Teff (เทฟ) ที่ใช้ทำขนมปัง Injera อันเป็นหัวใจของวัฒนธรรมอาหารเอธิโอเปีย บริษัทสัญชาติดัตช์เคยพยายามจดสิทธิบัตรในยุโรปว่าเป็นเจ้าของพันธุ์เทฟ และเอธิโอเปียต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ้าจะส่งออก สิ่งที่เกิดขึ้นคือการตอบโต้จากฝั่งเอธิโอเปียและชาวแอฟริกันใต้ว่า “คุณจะเป็นเจ้าของพันธุ์พืชที่เราใช้มาเป็นพันปีได้ยังไง?” การเคลื่อนไหวนี้รุนแรงถึงขั้นมีการฟ้องร้องและถอนสิทธิบัตรออกจากหลายประเทศในยุโรป รัฐบาลเอธิโอเปียจึงเลือกไม่เข้าร่วม UPOV 1991 โดยเด็ดขาด และประกาศให้ Teff เป็น "ทรัพยากรของแผ่นดิน" ใครก็เอาไปจดสิทธิไม่ได้
อิหร่าน อิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศที่ปฏิเสธการเข้าเป็นสมาชิก UPOV ทุกฉบับอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเลือกปกป้องความมั่นคงด้านอาหารของตนเองโดยการสร้างระบบเก็บเมล็ดพันธุ์ชุมชนทั่วประเทศ และไม่ยอมให้บริษัทข้ามชาติเข้าครอบงำระบบเกษตรกรรม
อาร์เจนตินา แม้อาร์เจนตินาจะอนุญาตให้ใช้ GMO บางประเภท แต่พวกเขากลับยังไม่เข้าร่วม UPOV 1991 เพราะชาวนาอาร์เจนตินาหลายล้านรายออกมาคัดค้านหนักมาก ประเด็นหลักคือ “Seed Saving” หรือการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเกษตรกรรายย่อย หากเข้าร่วม UPOV 1991 เมื่อใด การกระทำเช่นนี้อาจถือว่าผิดกฎหมาย รัฐบาลอาร์เจนตินาจึงเลือกเดินทางสายกลาง โดยให้ชาวนารายย่อยยังมีสิทธิพื้นฐานในการเก็บเมล็ดไว้ปลูกต่อได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ แม้จะมีแรงกดดันจาก Monsanto และ Dow Chemical ก็ตาม
เสียงเล็กๆ ที่รวมกันเป็นพายุ ในหลายประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขบวนการคัดค้าน UPOV 1991 กำลังขยายตัว แม้เสียงจะยังไม่ดังเท่าบริษัทข้ามชาติ แต่ก็เริ่มส่งผลชัดเจนในเชิงนโยบาย หลายประเทศกำลังทบทวนข้อเสนอ FTA ใหม่ โดยใส่เงื่อนไขการปกป้องสิทธิของเกษตรกรรายย่อยเป็นหัวใจหลัก
ประเทศที่ปฏิเสธ UPOV 1991 มักโดนกดดันผ่าน “เข็มฉีดยาทางการค้า” ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใน FTA, การกีดกันทางภาษี หรือแม้แต่ถูกลดเครดิตในเวทีโลก เช่น - สหภาพยุโรปมักใส่เงื่อนไขให้ประเทศคู่เจรจา FTA ต้อง “ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับ UPOV 1991” เสมอ - องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ก็เป็นกระบอกเสียงสำคัญที่กดดันให้ประเทศต่าง ๆ เข้า UPOV เพื่อ “สร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี”
การไม่ยอมเข้า UPOV มักถูกตีความว่าเป็น “ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ” แต่จริง ๆ แล้วมันคือ การเลือกปกป้องฐานรากของประเทศตนเอง ต่างหาก
นี่คือยุคที่ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่า… ทำไมเมล็ดพันธุ์ต้องถูกจดลิขสิทธิ์? ใครกันแน่ที่ควรมีสิทธิต่อเมล็ดพันธุ์ คนที่ปลูกมันมาเป็นร้อยปี หรือบริษัทที่ใส่ชื่อบนฉลาก?
ในศตวรรษที่ 21 ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี พันธุกรรม และ AI ยังมีคนอีกมากที่ยืนอยู่บนผืนดิน และหว่านเมล็ดด้วยมือของพวกเขาเอง โดยหวังว่าอาหารบนโต๊ะจะยังคงเป็นผลผลิตจากผืนแผ่นดิน ไม่ใช่จากใบอนุญาต
และนี่แหละคือสงครามที่แท้จริง สงครามของเมล็ดพันธุ์ และสิทธิในการกินอาหารที่ “ไม่ได้ถูกจดทะเบียนโดยใครสักคน” #pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก