-

@ Fastingfatdentist
2024-07-18 03:43:39
**"ผลกระทบของน้ำยาบ้วนปากต่อจุลชีพในช่องปากและร่างกาย: มุมมองใหม่จากการวิจัยล่าสุด"**
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา น้ำยาบ้วนปากได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลสุขภาพช่องปากของคนจำนวนมาก โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อลดกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ และรักษาสุขภาพเหงือก อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดได้เผยให้เห็นถึงผลกระทบที่ไม่คาดคิดของการใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศของจุลชีพในช่องปากและร่างกาย

การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medical Microbiology เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2024 โดย J.G.E. Laumen และคณะ ( https://www.microbiologyresearch.org/content/journal/jmm/10.1099/jmm.0.001830 )ได้ศึกษาผลของการใช้น้ำยาบ้วนปาก Listerine Cool Mint เป็นประจำทุกวันต่อจุลชีพในช่องปากและลำคอ

ผลการวิจัยพบว่าการใช้ Listerine เป็นเวลา 3 เดือนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในองค์ประกอบของจุลชีพในช่องปากและลำคอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มขึ้นของแบคทีเรีย Fusobacterium nucleatum และ Streptococcus anginosus ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพหากมีปริมาณมากเกินไป

โดยเชื้อทั้งสองตัวนั้นมีผลต่อสุขภาพดังนี้
Fusobacterium nucleatum:
เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ตามปกติในช่องปาก แต่หากมีปริมาณมากเกินไปจะก่อให้เกิดปัญหาได้
มีความเกี่ยวข้องกับโรคปริทันต์ (โรคเหงือกอักเสบ)
มีการศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อนี้กับมะเร็งลำไส้ใหญ่
มีส่วนในการกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับโรคทางระบบอื่นๆ
Streptococcus anginosus:
เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Streptococcus milleri ซึ่งพบได้ในช่องปาก ลำคอ และทางเดินอาหาร โดยปกติไม่ก่อโรค แต่ในบางกรณีอาจกลายเป็นเชื้อฉวยโอกาส
สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก เช่น ฝีในช่องปาก
ในกรณีที่รุนแรง ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือฝีในอวัยวะภายใน เช่น สมอง ปอด หรือตับ
ผลการวิจัยนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับกลไกการทำงานของน้ำยาบ้วนปากและผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ เมื่อพิจารณาส่วนประกอบหลักของ Listerine Cool Mint (รวมถึง น้ำยาบ้วนปากอื่นๆด้วย) ซึ่งประกอบด้วย
1. น้ำ (เป็นส่วนประกอบหลัก)
2.แอลกอฮอล์ (มักจะอยู่ที่ประมาณ 21.6%)
3.น้ำมันหอมระเหยจากพืช ได้แก่:
Eucalyptol (น้ำมันยูคาลิปตัส)
Menthol (เมนทอล)
Thymol (ไทมอล)
Methyl salicylate (เมทิลซาลิไซเลต หรือ น้ำมันวินเทอร์กรีน)
4.สารให้ความหวาน (มักใช้ซอร์บิทอล)
5.กรดเบนโซอิก (สารกันบูด)
6.สารให้สี (อาจใช้สีเขียว)
7.โซเดียมซักคาริน (สารให้ความหวาน)
8.โซเดียมเบนโซเอต (สารกันบูด)

จะพบว่าแต่ละสารมีส่วนทำให้เกิดการเสียสมดุลของจุลชีพในช่องปาก:
1. แอลกอฮอล์และน้ำมันหอมระเหย:
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่รุนแรง ทำลายทั้งแบคทีเรียที่เป็นโทษและเป็นประโยชน์ เปิดโอกาสให้เชื้อบางชนิดเติบโตได้มากขึ้น
2. สารกันบูด:
ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บางชนิดมากกว่าชนิดอื่น
3. สารให้ความหวาน:
เป็นแหล่งอาหารสำหรับแบคทีเรียบางชนิด หรือเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในช่องปาก
ผลการวิจัยนี้ได้ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำยาบ้วนปาก ในอดีต น้ำยาบ้วนปากถูกส่งเสริมว่ามีประโยชน์ในการลดกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ และช่วยรักษาโรคเหงือก อย่างไรก็ตาม การค้นพบใหม่นี้บ่งชี้ว่า ประโยชน์ระยะสั้นเหล่านี้อาจไม่คุ้มค่ากับผลเสียที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว การเสียสมดุลของจุลชีพในช่องปากอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ทั้งในช่องปากและระบบอื่นๆ ของร่างกาย เช่น โรคปริทันต์ มะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่ รวมถึงโรคทางระบบอื่นๆ
บทความนี้เน้นย้ำความสำคัญของการพิจารณาอย่างรอบคอบในการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพช่องปาก และ ผู้บริโภคควรตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลของจุลชีพในช่องปากและพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ในการดูแลสุขภาพช่องปากที่อาจมีผลกระทบน้อยกว่าต่อระบบนิเวศของจุลชีพ เช่น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ การใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก

ซึ่งการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่องปาก เป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพฟันและเหงือก รวมถึงการรักษาสมดุลของจุลชีพในช่องปากและร่างกายด้วย ซึ่งประกอบด้วย:
**อาหารธรรมชาติที่มีการแปรรูปน้อย
อาหารที่มีโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์
ช่วยรักษาสมดุลของจุลชีพที่ดี เช่น โยเกิร์ต คีเฟอร์ กิมจิ ชีส
อาหารที่กระตุ้นการหลั่งน้ำลาย:
น้ำลายช่วยชะล้างแบคทีเรียและเศษอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ไข่
นอกจากนี้ การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดและใช้เวลาในการรับประทานอาหารช้าๆ ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลายและส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีอีกด้วย
น้ำเปล่า:
ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอช่วยชะล้างช่องปากและรักษาความชุ่มชื้น**
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดคือ
** อาหารและเครื่องดื่มที่มีแป้ง/น้ำตาลสูง ซึ่งส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุ และการอักเสบ รวมถึงอาหารที่ผสมสารต่างๆที่กล่าวมาก่อนหน้า**
การรับประทานอาหารที่สมดุลและหลากหลายไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพช่องปากเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของร่างกายอีกด้วย
หากยังต้องการใช้น้ำยาบ้วนปาก ควรพิจารณาใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น ไม่ใช้เป็นประจำทุกวัน และอาจเลือกน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงสารต่างๆอย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า
ในท้ายที่สุด การวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ โดยไม่พิจารณาหลักฐานใหม่ทางวิทยาศาสตร์ และวิธีการดูแลสุขภาพที่คำนึงถึงระบบนิเวศของจุลชีพมากขึ้น