-
@ Jakk Goodday
2025-01-09 10:11:08ผมจำได้ว่าหัวใจเต้นแรงแค่ไหนตอนเปิดประตูเข้าไปในสตูดิโอ RightTalk สิ่งแรกที่ปะทะตาคือแสงไฟเจาะลงมาเป็นวงใหญ่ ไม่ต่างจากเวทีคอนเสิร์ต
ผมรู้สึกได้ทันทีว่าความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องส่งไม่ได้ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายสักเท่าไหร่ ตอนนั้นผมพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่มันยากเอาเรื่องเมื่อคิดว่ามีคนดูทางบ้านอีกมากรอติดตาม
คุณซุป พิธีกรของรายการ เดินมาทักผมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมค่อย ๆ ตั้งสติได้ เขาเชื้อเชิญให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ตรงกลางฉาก
แถวหลังมีทีมงานเดินขวักไขว่ จิงโจ้, อาร์ม, เทนโด้ และอีกหลายๆ คนที่คุ้นตากันดี
บรรยากาศออกกึ่งกันเองกึ่งเป็นทางการ ผมไม่ได้อธิบายอะไรมาก ก่อนที่เสียงผู้กำกับจะให้สัญญาณเริ่ม
คุณซุปหย่อนคำถามเล็ก ๆ ให้ผม “พร้อมนะครับ?” ผมพยักหน้านิด ๆ คิดในใจว่ามันคงไม่มีคำว่า “พร้อมจริง” ได้หรอก แต่ยังไงก็ต้องไปต่อ...
“คุยทุกเรื่องที่ใช่กับ RightTalk”
นั่นคือประโยคแรกที่ผมได้ยินในหูฟัง ขณะไฟสปอร์ตไลต์สาดสว่างทั่วเวทีอีกครั้ง คุณซุปเอ่ยแนะนำตัวผมว่าเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ สงคราม Blocksize มาตั้งแต่ยุคเปลี่ยนผ่าน และพ่วงด้วยข่าวว่าตอนนี้ราคา Bitcoin ทะลุหลักแสนดอลลาร์แล้ว
ผมยืดหลังเพื่อกลั้นความตื่นเต้น แต่ก็ไม่วายตัวเกร็งเล็กน้อย เขาหันมาทางผมพลางกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“คุณแชมป์ PIGROCK สบายดีไหมครับ?"
"รู้สึกยังไงบ้างครับกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มันต่างจากสมัยก่อนลิบลับ?”
ผมเผลอกัดริมฝีปากเพราะความประหม่าหลุดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผมยังคุมโทนได้ จึงตอบไปว่า
"ผมชื่อแชมป์ครับ.. เป็นแค่นักวาดดิจิทัลธรรมดา ๆ ที่จู่ ๆ ก็ได้อยู่ข้าง ๆ Jakk Goodday พี่ชายจอมยิงใยผู้เปลี่ยนชีวิตผม ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ผมคงไม่รู้จักคำว่า UASF หรือ SegWit ขนาดนี้"
ผมเห็นคุณซุปยิ้มมากขึ้น แล้วก็พยักเพยิดให้ผมพูดต่อ “ว่ากันว่าตอนนั้น Bitcoin มีแนวโน้มแตกออกเป็นหลายสาย เล่าหน่อยสิครับ ว่าพี่อยู่ในจุดไหน?”
ผมถือไมโครโฟนแน่นขึ้นตอบตามจริงว่า จุดเริ่มต้นมาจากความขัดแย้งว่า Blocksize ควรจะใหญ่ขึ้นหรือไม่ จนกลายเป็นสงครามขนาดย่อมบนฟอรัม Bitcointalk และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเลย แต่โชคดีตรงที่เจอ Jakk คอยเปิดแผนที่ให้เห็นภาพรวมว่าใครอยู่ฝ่ายไหน
ผมยังเล่าให้ผู้ชมฟังว่า... ครั้งแรกที่ได้ยินคำว่า UASF ก็ยอมรับว่างงอยู่เหมือนกัน แต่มันก็เป็นจุดที่ทำให้ผมเข้าใจว่า Bitcoin ไม่ได้มีเจ้าของเป็นตัวบุคคล
แถมยังเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นประชาชนโหนดรายย่อยจะมาคุมเกมสั่งนักขุด “ถ้าไม่รองรับ SegWit ก็ไม่รับบล็อกกันเลย” ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้
ซุปหันไปมองกล้องด้วยสีหน้าน่าสนใจ พร้อมสรุปสั้น ๆ ก่อนพักเบรกว่า “โอเค.. งั้นตอนหน้ามาคุยกันเรื่อง UASF และ SegWit กันชัด ๆ ว่ามันเปลี่ยนแปลงชุมชน Bitcoin ได้ขนาดไหน ห้ามพลาดนะครับ!”
ผมก็ยิ้มรับแล้ววางไมค์ คิดในใจว่ายังมีอีกเยอะที่ผมอยากเล่า—ทั้งความวุ่นวายของปี 2017 และเรื่องราวของ Jakk ที่เป็นแหล่งข้อมูลล้ำค่าในชีวิตผม
ผมกลับเข้ามานั่งบนเก้าอี้ในสตูดิโอ RightTalk อีกครั้งหลังพักเบรกสั้น ๆ พิธีกรซุปมองสบตาผมราวกับบอกเป็นนัยว่า.. ตอนนี้ได้เวลาเล่าช่วงสำคัญที่ทุกคนรอคอย
ผมสูดลมหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ถึงจะไม่ใช่นักเทคนิคโดยกำเนิด แต่ผมก็พร้อมจะบอกสิ่งที่ประสบมาในช่วงปี 2017 ซึ่งในตอนนั้น แค่ได้ยินคำว่า UASF ครั้งแรกผมยังสับสนแทบแย่ว่ามันคืออะไร
“พี่ว่า UASF เหมือนการปฏิวัติครับ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่กล้องจับภาพเต็มจอ
“ตอนนั้นกลุ่มโหนดรายย่อยลุกขึ้นมาประกาศชัด ๆ ว่า ถ้านักขุดไม่สนับสนุน SegWit พวกเขาจะไม่รับบล็อกเหล่านั้นอีกต่อไป เป็นภาพที่พี่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า... เสียงของคนตัวเล็ก ๆ จะดังได้ขนาดนี้ เหมือนชาวบ้านรวมตัวท้าทายอำนาจจักรวรรดิไม่มีผิด”
ผมหันไปเห็นประกายตาในคุณซุป เขาขยับไมโครโฟนเล็กน้อย
“แบบนี้ก็ต้องมีเรื่องขัดแย้งกับพวก Hashrate ใหญ่ใช่ไหมครับ ผมได้ยินชื่อ Bitmain กับ Roger Ver โผล่มาบ่อยมากตอนนั้น”
ผมพยักหน้าแล้วหัวเราะน้อย ๆ “ใช่ครับ พวก Big Block มองว่าต้องขยาย Blocksize สายตรงไปเลย จะได้จุธุรกรรมได้เยอะ ค่าธรรมเนียมไม่โหด"
"ส่วนอีกฝั่งยืนยันว่าควรใช้ SegWit มาช่วยแทนโดยไม่ต้องขยายบล็อกจริง ๆ ประเด็นนี้ใหญ่พอจะทำให้เกิดการแตกสายกลายเป็น Bitcoin Cash ในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 นั่นแหละครับ”
ผมเล่าย้อนภาพในหัว...
ช่วงนั้น Jakk บอกไว้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “พวกเขาคงแยกตัวได้ แต่อย่าหวังว่าจะมาแทน BTC หรืออะไรใหญ่โตนัก รอดูไปเถอะ เดี๋ยวก็เห็นเอง”
มันฟังดูเหมือนคำทำนายที่ห้าวหาญ แต่สุดท้ายก็เป็นจริง ที่ผมตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ SegWit เองก็ไม่ใช่แค่จัดการปัญหา Transaction Malleability หากยังเปิดทางให้เทคโนโลยีในอนาคตอย่าง Lightning Network เกิดขึ้นมาได้อีก
ตอนแรกหลายคนเรียกกันว่าเป็นแค่ ‘ไอเดียบนกระดาษ’
แต่ตอนนี้ (ปี 2025) กลับกลายเป็นเลเยอร์สำคัญที่ทำให้ผมโอนเงินข้ามประเทศได้แทบจะฟรีในเสี้ยววินาทีจริง ๆ
“พี่เองยังคิดไม่ถึงว่ามันจะสำเร็จขั้นนั้น” ผมหัวเราะก่อนบอกต่อ
“ตอนแรกที่ SegWit เปิดใช้งาน คนจำนวนหนึ่งยังสงสัยด้วยซ้ำว่ามันจะแก้ปัญหาได้ไหม แต่พอมี UASF โหนดรายย่อยก็กดดันนักขุดจนต้องยอม มันเป็นความเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นว่าคนมีอำนาจโหวตแบบไร้ศูนย์กลางมากจริง ๆ”
“แล้วเรื่องราคา Bitcoin ในปีนั้นล่ะครับ?” ซุปจับจังหวะได้ดี
“2017 ถือเป็นปีที่ราคา BTC แตะสองหมื่นดอลลาร์ครั้งแรกเลยใช่ไหม แล้วตอนนี้ทะลุแสนไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ผมยกไหล่แล้วยิ้ม “ตอนนั้นพี่ก็ตื่นเต้นสุด ๆ ครับ เหมือนรถไฟเหาะกันทั้งตลาด แต่ใครจะคิดว่ามันจะไปได้สูงกว่านั้นอีกหลายเท่าตัว บางคนก็ปรามาสว่าเป็น ‘ฟองสบู่แตกแน่ ๆ’ ส่วนคนเชื่อก็เชื่อสุดใจ"
"ไม่ต่างจากประเด็นว่า BCH จะแทน BTC ได้ไหม ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว ทุกวันนี้ BCH ก็ยังอยู่ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงหรือเชียร์แรง ๆ เหมือนในอดีต หลังเวลาผ่านไป ตลาดเลยเหมือนตัดสินว่า BTC ยังเป็นตัวหลักมากกว่า”
“พี่รู้สึกอย่างไรกับคำทำนายของ Jakk ที่ว่า BCH ไม่น่ารอดยาว?” ซุปถามแทรก มุมปากมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ เหมือนอยากได้คำตอบที่สะใจ
“พี่ขอเรียกเขาว่าเป็นคนมองขาดละกัน”
ผมยิ้มพลางนึกหน้าตายของ Jakk “แกเป็นคนที่มองเกมเชิงเทคนิคและปรัชญาของ Bitcoin ได้คมมากนะครับ แกจะบอกเสมอว่า ‘ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin แท้จริงหรอก ตราบใดที่ชุมชนทั้งหมดไม่ยอมรับ ก็จบ’ "
"จนถึงตอนนี้ พี่ยังรู้สึกทึ่งว่าทำไมแกถึงทำนายถูกหลายเรื่อง”
ผมเห็นเวลาในหูฟังบอกใกล้หมดช่วงแล้ว จึงตบท้ายว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันสอนให้ผมรู้เรื่องประชาธิปไตยในระบบไร้ศูนย์กลาง
ทุกฝ่าย—ไม่ว่าจะนักขุด โหนด หรือผู้ใช้—ต่างมีสิทธิ์ Fork ได้ แต่ไม่มีใครการันตีว่า Fork นั้นจะไปรอด
ท้ายที่สุด ตลาดต้องเป็นผู้ตัดสินเอง และนั่นคือเสน่ห์ของ Bitcoin ที่ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เข้าไปเห็นด้วยตาตัวเอง
ซุปพยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง หันไปมองกล้อง “โอเคครับ คุณผู้ชม วันนี้เราคุยกันเรื่อง UASF, SegWit, BCH, Lightning Network และความผันผวนของตลาดในปี 2017 ที่ต่อยอดมาถึง 2024 แบบพอหอมปากหอมคอ"
"ต้องขอบพี่แชมป์ ‘PIGROCK’ ที่มาให้มุมมองสนุก ๆ พร้อมแง่คิดที่น่าสนใจมาก ๆ ไว้เจอกันใหม่ใน RightTalk กับผมและแขกรับเชิญท่านอื่น ๆ ไม่นานนี้”
เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ ขณะที่ไฟบนเวทีค่อย ๆ หรี่ลงอีกครั้ง
ผมปลดไมค์ออกจากเสื้อ สูดลมหายใจโล่ง ๆ พร้อมกล่าวขอบคุณทุกคน แล้วคิดถึงคำพูดของ Jakk ในวันวานที่ฝังอยู่ในหัว
“สงคราม Blocksize แค่งานวอร์มอัพ โลกคริปโตฯ ยังมีอะไรให้ลุ้นอีกเยอะนะน้องชาย”
ผมยิ้มเงียบ ๆ คิดว่ามันคงจริงอย่างที่แกว่า เพราะถ้า Bitcoin ไม่ใช่ของใครคนเดียว เราก็คงเห็นการเคลื่อนไหวอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ
ซุปทำท่าเกริ่นรอบสุดท้าย สบตากับผมแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ชวนให้ผมรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดที่เพิ่งเล่ามา
“แล้วพี่คิดว่า... สิ่งที่ Bitcoin Cash กับ SegWit สอนเราเกี่ยวกับ Bitcoin คืออะไรครับ?”
ผมยิ้มบาง ๆ สูดหายใจแล้วลองเรียบเรียงคำตอบในหัว ผมคิดถึงภาพที่ผ่านมา... ทั้งช่วงที่โหนดรายย่อยลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิ์ UASF ทั้งวันที่ BCH แยกตัวอย่างอลังการ ตลอดจนเวลาที่ SegWit เปิดทางให้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้น
ผมรวบทุกประสบการณ์ไว้ในประโยคเดียวก่อนพูด
“สำหรับพี่นะ... สงคราม Blocksize หรือจะเรียกว่าการแตกแยกครั้งนั้น มันสอนให้เห็นว่าระบบนี้ไม่เคยเป็นของใครคนเดียวเลยนะครับ"
"นี่แหละคือ การกระจายอำนาจ อย่างแท้จริง ใครจะฟอร์ก ใครจะทำอะไรก็ได้ แต่สุดท้ายตลาดและชุมชนทั้งหมดนี่ล่ะที่เป็นคนตัดสินว่าเส้นทางไหนจะอยู่หรือไป"
"เรื่องนี้ทำให้พี่ตระหนักว่าบางที... การขัดแย้งก็พาให้เทคโนโลยีมันพัฒนาไปอีกขั้นเหมือนกัน ตราบใดที่เราไม่ลืมสารตั้งต้นว่ามันคือ ระบบเปิดที่ทุกคนเข้าถึงได้ ”
ซุปนิ่งฟังแล้วผงกศีรษะเบา ๆ เหมือนยอมรับในประเด็นที่ผมว่า เขาหันไปทางกล้องและปิดรายการด้วยสไตล์ที่คนดูคุ้นเคย
“วันนี้เราคุยกันหลายแง่มุมเลยนะครับ ตั้งแต่ UASF กับปัญหาความขัดแย้ง ไปจนถึงผลลัพธ์ของ SegWit, BCH และ Lightning Network"
"ต้องขอบคุณพี่แชมป์ ‘PIGROCK’ มาก ๆ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์อันเป็นประโยชน์ หวังว่าทุกคนจะได้ไอเดียกลับไปไม่มากก็น้อยนะครับ และนี่คือ RightTalk คุยทุกเรื่องที่ใช่ เจอกันตอนหน้าครับ!”
เสียงดนตรีประจำรายการดังขึ้นอัตโนมัติ เป็นสัญญาณว่าการถ่ายทอดสดสิ้นสุดลง
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งอกอย่างไม่ปิดบัง ทีมงานบางคนเดินเข้ามาขอบคุณพร้อมจับมือเบา ๆ ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอกที่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่เคยแบกไว้มานาน
ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคบล็อกเชน แต่เป็นการขบคิดด้วยว่า ในโลกที่ทุกคนเรียกหาเสรีภาพทางการเงิน ไม่มีชัยชนะของใครที่จีรังได้นาน ถ้าผู้ใช้ทั้งหมดไม่ยอมรับ
ผมเผลอมองขึ้นไปบนไฟสปอร์ตไลต์อีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้รู้สึกว่ามันจ้าจนแสบตาเหมือนช่วงเริ่มรายการ แต่กลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นดี
ผมยิ้มให้ตัวเองเล็กน้อย ทบทวนว่านี่คงเป็นบทเรียนที่ดีว่าถึงเราจะเป็นเพียงโหนดเล็ก ๆ หรือผู้ใช้งานตัวเล็ก ๆ แต่ในระบบกระจายอำนาจแบบ Bitcoin มันก็มีสิทธิ์เปล่งเสียงได้
และบางครั้งก็อาจเปลี่ยนกระแสทั้งโลกได้เลย ถ้านั่นไม่ใช่คำจำกัดความของ “เสรีภาพ” ผมก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรแล้วล่ะ
End credit
ผมนั่งพักหลังกองอัดรายการแทบไม่ได้หายใจเป็นชิ้นเป็นอัน พิธีกรสุดกระตือรือร้นอย่างซุป เดินดุ่ม ๆ มาหาผมพร้อมแววตาวิ้งวับ ก่อนจะรั้งเก้าอี้มาเบียดติดข้างผม
ถึงแม้ไฟสปอตไลต์จะดับไปแล้ว แต่เขายังดูเหมือนพร้อมลุยถามต่อไม่หยุด
“พี่แชมป์” เขาเอ่ยชื่อผมแบบลากเสียงยาว
“คอผมมันคันยุบยิบ มีเรื่องต้องเม้าท์ต่อจริง ๆ นะพี่ ผมกั๊กไว้ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มรายการละ”
ผมเลยหัวเราะพลางเท้าคาง “ไหนว่ามาสิวะ ซุป ใจคอนายจะไม่ให้พี่ไปเข้าห้องน้ำเข้าห้องท่าก่อนเลยเหรอวะ?” ผมพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกกึ่งประชด
“ฮ่า ๆ โทษทีพี่ ผมนี่มันขี้สงสัย” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“คือเรื่อง ‘The One Who Claims to Be Satoshi’ น่ะ… ก็ Craig Wright ไงล่ะพี่ ผมสตั๊นกับเขามานาน เห็นว่าฟ้องชาวบ้านเขาไปทั่ว เห็นมีข่าวว่าขู่ฟ้องใครก็ตามที่พูดว่าเขาไม่ใช่ Satoshi ผมล่ะขำไม่ไหว!”
ผมยักไหล่ “เอาตรง ๆ นะ... พี่มองว่าเขาเป็น ราชาสายปั่นของแท้ รู้จักดึงกระแสเก่งเป็นบ้า ส่วนจะเป็น Satoshi จริงหรือเปล่า? พี่ไม่เชื่อเลยสักเสี้ยว ยังไงพี่ก็ว่ามันดู ‘เฟค’ ไปหมด”
ซุปตบโต๊ะเบา ๆ “โอ๊ย! ใช่เลยพี่! ผมก็ดูละครฉาก ‘พิสูจน์ Private Key’ แล้วแทบขำกลิ้ง"
"แต่พี่รู้ไหม? ตอนแรกดราม่าก็แรงเพราะหลายคนคิดว่าบางทีแกอาจจะเป็นจริง ๆ แต่หลักฐานไม่ชัด สุดท้ายคนในชุมชน ‘กระซวก’ จนหลุดหมดว่าใช้เทคนิคปลอมลายเซ็น”
ผมพยักหน้า “ยิ่งไปกว่านั้นนะ... ตอนเขาแยกสายไป Bitcoin SV อ้างว่าสานต่อ ‘Satoshi’s Vision’ นายลองดูตอนนี้สิ มีกี่คนพูดถึง BSV... "
"แทบไม่มี... มันก็ตลกดีนะ โลกคริปโตนี่ ถ้าไม่มีคนยอมรับ ต่อให้เป็น Satoshi ยังไงก็แพ้ตลาด”
“โอ้โห.. พี่พูดได้ถูกใจมาก” คุณซุปแหงนหน้าหัวเราะลั่น “นี่ถ้าพี่คนนี้อยู่ต่อหน้าคงเถียงเขาร้อนเป็นไฟเลยนะ แต่เอาจริง ถ้าอยู่ดี ๆ เขาพิสูจน์ได้ว่าเป็น Satoshi ขึ้นมาจริง ๆ พี่ไม่ช็อกเหรอ?”
ผมยิ้มพลางยักคิ้ว “ช็อกนิดหน่อยนะ… แต่มันคงไม่เปลี่ยนอะไรหรอก เพราะ Bitcoin น่ะไปไกลเกินกว่าตัวบุคคลแล้ว ใครจะเป็น Satoshi ก็เรื่องของเขา พี่ถือคติว่า BTC ไม่ต้องการ ‘เจ้านาย’ อีกแล้ว ตอนนี้มันเป็นของทุกคนบนโลกต่างหาก”
"We're all Satoshi เคป่ะ?"
“สุดยอด!” ซุปตบมือถูกใจใหญ่
“ผมก็คิดเหมือนกัน ผมแอบยกให้พี่เป็นปรมาจารย์ทางความคิดเรื่องนี้เลยนะเนี่ย”
"มึงก็อวยเกินไป.. ไอ้นี่" ผมรีบปัดคำชมบ้า ๆ นั่นไปทันที
พูดจบเขาก็กำลังจะบอกอะไรต่อ แต่ทันใดนั้นประตูสตูดิโอเปิดออกแผ่ว ๆ เผยให้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง คิ้วไม่เข้มเท่าไหร่ แต่งตัวไม่เป็นทางการสีเข้ม ก้าวเข้ามาแบบไม่รีบร้อน
“ตายล่ะพี่แจ็ก!” คุณซุปอุทานเบา ๆ ก่อนสะดุ้งตั้งท่าเหมือนเจอลูกพี่ใหญ่ ผมเองก็ตาโตนิดหน่อย “โผล่มาเงียบ ๆ ระวังผมช็อกตายนะ”
คนที่เข้ามาคือ Jakk Goodday ที่ผมเคารพและเกรงใจมาตลอด.. และใช่เลย เขาคือ Co-founder ของ Right Shift ตัวจริง เสียงจริง
“โย่ สองหนุ่มเม้าท์อะไรกันอยู่ กลิ่นดราม่าลอยมาถึงนอกห้องเลยนะ” เขายิ้มยั่ว พร้อมวางแก้วคราฟท์เบียร์ของเขาบนโต๊ะใกล้ ๆ
“พี่แจ็ก ขอโทษครับ ผมก็แค่คันปากเรื่อง Craig Wright” ซุปรีบบอก พยายามวางมาดพิธีกรสายยียวนเหมือนเดิม แต่ผมเห็นหลังตาเขายังกระพริบบ่อยแปลก ๆ
“ซุปเอ๊ย.. ขี้เม้าท์ตั้งแต่สมัยฝึกงานจนตอนนี้เป็นพิธีกรระดับประเทศก็ไม่เปลี่ยน” Jakk ยักคิ้ว เขามีเสียงเรียบแต่น่าฟัง
“แต่ดีนะ... เรื่อง Craig Wright"
"เนี่ย... พี่เองก็ขำทุกทีที่ได้ยินว่าพยายามฟ้องคนนู้นคนนี้ว่า ‘เธอดูถูกว่าฉันไม่ใช่ Satoshi’ โอ๊ย มุกนี้แม่งใช้มากี่ปีแล้วก็ไม่รู้”
ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ “ถ้าพี่ว่าแล้วมันไม่หยาบไป ก็ช่วยกัดเพิ่มให้หน่อย ผมว่าต้องมีคำเจ็บ ๆ ของพี่แจ็กแน่ ๆ”
Jakk หรี่ตาเล็กน้อย...
“ถ้าผมพูดแบบเจ็บ ๆ จริงก็เกรงจะโดนฟ้องเหมือนกันนะ” เขาทำท่ายกแก้วเก๊กฮวยลึกลับขึ้นจิบ
“แต่เอาเป็นว่า… ตลาดไม่เคยโกหกใคร โค้ดก็ไม่เคยโกหกใคร ใครที่เรียกตนเองเป็น Satoshi หรือพระเจ้าคนไหนก็ตาม ถ้าทำให้คนยอมรับไม่ได้ มันก็จบตรงนั้นละ”
ซุปหัวเราะก้าก “ว้าว! ตรงกว่าผมอีก! 5555"
"นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ถึงเป็นหัวโจกได้ใช่ไหม สายบวกแบบตอกหมุดเลย”
Jakk หันมาทางผม “แต่เอาจริง พี่ก็ respect ในความปากแจ๋วของคุณซุปเค้านะ ถ้าเจอ Craig Wright ตัวเป็น ๆ เมื่อไหร่ บางทีอาจจะสนุกกว่าที่คิด”
ผมกับคุณซุปหันมาสบตากันแล้วระเบิดหัวเราะพร้อมเพรียง “ไม่เอา ไม่เจอดีกว่า ผมขอความสงบสุขในชีวิต!” คุณซุปว่า
Jakk วางแก้วเก๊กฮวยลงบนโต๊ะ กระตุกยิ้มตรงมุมปากอย่างคนมั่นใจ “ขอจบด้วยโควทหนึ่งละกัน ใครอยากเป็น Satoshi ก็เชิญเป็น แต่จำไว้ว่า…"
"ผู้ชนะที่แท้จริง ไม่ได้ชนะเพราะได้สวมมงกุฎ หากแต่ชนะเพราะผู้คนยอมรับให้เขาสวม และ Bitcoin ก็แสดงให้เราเห็นแล้วล่ะ ว่าตัวตนแท้ ๆ ของมันไม่ต้องพึ่งใครมาคุมบังเหียนสักคนเดียว”
ผมกับคุณซุปนิ่งไปครู่สั้น ๆ ก่อนหัวเราะเบา ๆ รับคำพูดคมคายเสียดสีในแบบของ Jakk Goodday “โอเคครับพี่แจ็ก นี่สินะ Signature Quote ที่เราคอยตามหา!” คุณซุปพูดตบท้าย ท่ามกลางเสียงเก็บอุปกรณ์ของทีมงานที่ใกล้จะเลิกงานเต็มที
ผมเองยักไหล่แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “เอ้า! ปิดสตูแล้วดีกว่า เดี๋ยวเราจะโดนปิดไฟตัดน้ำไม่รู้ตัวนะครับพี่แจ๊ก”
“เออ ๆ รีบปิดสตูเถอะ” Jakk ตอบเรียบ ๆ แต่สายตายังฉายแววเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ
“ไว้เจอกันรอบหน้า อย่าเผลอไปปั่นจนโดนฟ้องกันเองล่ะ ฮ่า ๆ”
และนั่นก็เป็นฉากสั้น ๆ ที่สามเราปิดท้ายกันแบบเฮฮาและมีสาระนิด ๆ ทิ้งประเด็นว่าบางครั้งในโลกคริปโต คำพูดของใครสักคนอาจสั่นสะเทือนได้
แต่ตอนจบจริง ๆ ก็ต้องดูว่าชุมชนยอมรับมากน้อยแค่ไหน… Craig Wright จะอ้างตัวเป็น Satoshi กี่ครั้งก็ได้ แต่ถ้าโลกไม่เชื่อ...
นั่นก็อาจเป็นเพียงเรื่องตลกในตำนานคริปโตเท่านั้นเอง
ลำดับเหตุการณ์สงคราม Blocksize (Blocksize War)
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง (2015–2016)
ปัญหาความแออัดของเครือข่าย Bitcoin:
- การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมทำให้บล็อกขนาด 1 MB ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมสูงและการยืนยันธุรกรรมล่าช้า
ชุมชนเริ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่ม:
-
Big Block (ขยายบล็อกใหญ่ขึ้น): ต้องการเพิ่ม Blocksize ตรง ๆ เช่น 2 MB หรือมากกว่านั้น
-
Small Block (คงขนาดบล็อกเดิม): เน้นการแก้ปัญหาผ่านวิธีอื่น เช่น Segregated Witness (SegWit)
การพัฒนาของ SegWit (2016)
Segregated Witness (SegWit):
-
เสนอโดย Pieter Wuille และทีม Bitcoin Core
-
แก้ปัญหา Transaction Malleability และเพิ่มพื้นที่ธุรกรรมในบล็อกโดยย้ายข้อมูลลายเซ็นออกจากธุรกรรมหลัก
Hong Kong Agreement (2016):
-
ความพยายามประนีประนอมระหว่างกลุ่ม Big Block และ Small Block
-
ตกลงว่าจะเพิ่ม Blocksize เป็น 2 MB และเปิดใช้งาน SegWit แต่ไม่สำเร็จจริง
UASF และ SegWit Activation (2017)
UASF (User-Activated Soft Fork):
-
เสียงของโหนดรายย่อยลุกขึ้นกดดันนักขุดให้รองรับ SegWit ผ่าน BIP 148
-
เส้นตาย: 1 สิงหาคม 2017 ถ้านักขุดไม่รองรับ SegWit โหนด UASF จะไม่ยอมรับบล็อกของนักขุดเหล่านั้น
SegWit Activation:
-
นักขุดยอมรับ SegWit เพื่อหลีกเลี่ยงการแยกเครือข่าย
-
SegWit เปิดใช้งานสำเร็จในวันที่ 24 สิงหาคม 2017
การเกิด Bitcoin Cash (1 สิงหาคม 2017)
Hard Fork ครั้งใหญ่:
-
กลุ่ม Big Block นำโดย Roger Ver และ Jihan Wu สร้าง Bitcoin Cash (BCH)
-
BCH เปิดตัวด้วย Blocksize ขนาด 8 MB และโปรโมตว่าเป็น “เงินสดดิจิทัลที่แท้จริง”
ผลกระทบ:
-
ชุมชน Bitcoin แตกเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน
-
BCH ได้รับความนิยมในช่วงแรก แต่ไม่สามารถแทนที่ BTC ได้ในระยะยาว
การพัฒนาของ Lightning Network (2017–2018)
Layer 2 Solution:
-
Lightning Network (LN) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องหลัง SegWit เปิดใช้งาน
-
ลดความแออัดในเครือข่ายหลักและทำให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้น
การใช้งานจริง:
- LN เริ่มทดสอบใน Testnet และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2018
ราคา Bitcoin พุ่งสูงสุด (ปลายปี 2017)
-
Bitcoin แตะ $20,000 ครั้งแรก:
-
ช่วงปลายปี 2017 ตลาดคริปโตเข้าสู่ช่วงเฟื่องฟู (Crypto Boom)
-
BCH ก็พุ่งสูงสุดที่มากกว่า $3,000 แต่เริ่มลดลงในปีถัดมา
ความแตกแยกใน Bitcoin Cash (2018)
Hard Fork อีกครั้ง:
-
เกิดความขัดแย้งในชุมชน BCH เรื่องแนวทางการพัฒนา
-
นำไปสู่การแยกตัวเป็น Bitcoin SV (BSV) นำโดย Craig Wright
ผลกระทบ:
-
BCH และ BSV สูญเสียส่วนแบ่งตลาด
-
BTC ยังคงเป็นผู้นำในตลาดคริปโต
การยอมรับ SegWit และการเปลี่ยนแปลงตลาด (2018–ปัจจุบัน)
SegWit Adoption:
-
เมื่อผู้ใช้งานเริ่มใช้ SegWit มากขึ้น ค่าธรรมเนียมธุรกรรมลดลง และความแออัดในเครือข่ายลดลง
-
Bitcoin กลายเป็น Store of Value:
-
BTC ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์เก็บออม” มากกว่า “เงินสดดิจิทัล”
BCH และ BSV:
- ตลาดของทั้งสองสายลดลง และไม่สามารถทดแทน BTC ได้
https://v.nostr.build/pxBuxtiSVNbisYMv.mp4