-
@ RK Lectio
2025-01-10 03:44:54
## เมื่อวานนี้ผมฟังคลิปของ 9Arm เรื่อง “หาหมอในอเมริกาทำไมแพง” จนถึงขั้นล้มละลาย
เป็นประสบการณ์เปิดโลกครั้งแรกสำหรับผม
### โดยสรุปใจความสำคัญที่ผมจับประเด็นได้ก็คือ
บ้านเขามีราคากลาง (charge master) ที่เป็นราคาที่เหมาะสม โรงพยาบาลไม่ขาดทุน ได้กำไรระดับนึง
อย่างเช่น มาเจาะเลือดจ่ายเท่าไหร่ , มาทำ Xray จ่ายเท่าไหร่
แต่ charge master นี้ถูก mark up ขึ้น 3 - 4 เท่าจนแพงหูดับ เอื้อผลประโยชน์ให้แก่คนบางกลุ่ม เช่นบริษัทประกัน
การมีประกันทำท่า**เหมือนจะ**ช่วย buffer ค่าใช้จ่ายคนไข้ แต่ความจริงมีการเล่นแร่แปรธาตุภายใน ทำให้บริษัทประกันกำไรทุกๆไตรมาส
บริษัทประกันมีอำนาจเหนือการรักษาของหมอ หมอคุยกับคนไข้ว่าต้องใช้ยาตัวนี้ หรือผ่าตัดวิธีนี้ช่วยให้คนไข้หายได้ แต่ต้องให้บริษัทประกัน approve ก่อน ถ้าหากไม่ approve ก็จบตรงนั้น (เข้าใจว่าถ้าคนไข้ต้องการ go on ตามแผนการรักษาของหมอ ก็ต้องควักเนื้อจ่ายเอง)
เมื่อเข้าไปรักษาเสร็จสิ้น ยังไม่ต้องจ่ายเงินตอนนั้น ไม่ทราบค่าใช้จ่าย แต่ทางโรงพยาบาลจะส่งบิลเรียกเก็บมาที่บ้านทีหลัง และบิลมาไม่พร้อมกัน ทำให้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายไม่ได้เลย มันช่วยตอบข้อสงสัยผมว่าทำไมชาวอเมริกาถึงกลัว hospital bill มากขนาดนั้น
### *ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมค่ารักษาหรือค่ายาที่บ้านเขามันถึงถูก mark up เยอะขนาดนั้น*
เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา เห็นชัดเจนเลยว่าระบบบริการสาธารณสุขบ้านเรา โคตรดี เมื่อเทียบกับหลายๆประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
- สิทธิ์ 30 บาท
- ประกันสังคม
- เบิกราชการกรมบัญชีกลาง
- เบิกรัฐวิสาหกิจ
- กองทุนทดแทนตามเงื่อนไขต่างๆ
- ประกันชีวิตส่วนบุคคล
ช่วงม.ต้น แม่ผมเป็นมะเร็ง เข้ารับการรักษาที่รพ.จุฬา สภากาชาติ พ่อผมทำงานรัฐวิสาหกิจ สามารถเบิกได้ทั้งหมด แม่ผมนอนรพ.เป็นเดือน ในยา chemo หลายขนาด ไม่ต้องจ่ายตังค์เลย
ในช่วงสุดท้ายของแม่ผมรักษาตัวที่รพ.รัฐบาลใกล้บ้าน ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
***เรียกได้ว่าระบบรักษาพยาบาลของอเมริกามีปัญหาเรื้อรังจริงจังยาวนาน จะเรียกว่าเป็นการปล้นประชาชนอีกทางนึงก็เป็นไปได้***
ปัจจุบันมีสิ่งที่ผมกลัวคือ โรงพยาบาบเอกชนชั้นนำในประเทศไทย จะทำระบบคุณภาพรับรองมาตรฐานสากลของอเมริกา ที่รู้จักกันในชื่อ **JCI**
อันนี้เป็นยาขมของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล แต่เป็นสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสนใจและลงทุน
กล่าวโดยสรุปตามความเข้าใจของผมเกี่ยวกับระบบ JCI คือ
- โรงพยาบาลจะต้องปรับกระบวนการภายในทั้งหมด ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับอเมริกา ถึงจะถือว่าผ่าน (เรียกว่า JCI accredit)
- JCI มีการ update ข้อมูลใหม่เรื่อยๆ โรงพยาบาลไหน under JCI มีหน้าที่ต้อง update ตามให้ทัน
- กระบวนการทำให้เป็นมาตรฐานบางอย่าง เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับคนไข้โดยไม่จำเป็น
- JCI มีการ survey ทุกๆ 3 ปี เพื่อดูว่ายังรักษามาตรฐานได้ไหม (เรียกว่า JCI recredit)
- การ accredit หรือ recredit เป็นเรื่องยาก ต้องมีการจ้างบริษัท “ที่ปรึกษา JCI” ในการเข้ามาทำงานให้พร้อมก่อนทีมจากอเมริกาเข้ามาตรวจคุณภาพ แค่ค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาก็หลักล้านแล้ว
- เมื่อทีมเยี่ยมสำรวจ (JCI surveyor) เดินทางมา ไม่รู้ว่าทางโรงพยาบาลจะต้องจ่ายตังค์อีกกี่ล้านให้กับองค์กร JCI นี้
### สิ่งที่ผมมอง JCI มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลให้กระบวนการภายในดีขึ้น ปลอดภัยแก่คนไข้มากขึ้น
แต่ข้อเสีย คือ มันเหมือนเรายอมตกเป็นอาณานิคมอเมริกายังไงยังงั้น
[Linkรายการของ9Armครับ](https://youtu.be/1H5yGn52Ytg?si=kpG0_YlkoLsCP3tR )