-
![](https://i.nostr.build/0Qnn.jpg)
@ Right Shift
2023-08-05 10:44:08
เราเคยอยู่กับคำว่าบิตคอยน์เป็น ***Store of Value (SOV***) มานานแค่ไหนกันแล้วครับ? อำนาจอธิปไตยทางการเงินนั่นอีก..
ในกลุ่มคนที่ตระหนักถึงปัญหาภายในระบบ มักจะยอมรับบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่จะเก็บรักษามูลค่าผ่านกาลเวลาให้พวกเขาได้ คำถามก็คือคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากแค่ไหนในสังคม? สังคมที่เราเรียกว่า Matrix นั่นน่ะ..
ใช่ครับ.. มันยังมีน้อย
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการเก็บอย่างไรให้ปลอดภัย นั่นยังน้อยลงไปได้อีก เราจะเห็นได้ว่าดีมานด์ในฝั่งที่ต้องการยอมรับบิตคอยน์ในอดีตนั้นหลักๆ มีเพียง 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่ม SOV อีกกลุ่มคือนักเก็งกำไร กลุ่มอื่นๆ ยังมีอยู่เพียงแค่ประปรายเท่านั้น
ในต้นปี 2022 ที่ราคาบิตคอยน์เริ่มเปลี่ยนเป็นขาลง ผมเองก็จินตนาการไม่ได้เหมือนกันว่าดีมานด์ในระลอกถัดไปจะมาจากอะไรได้บ้าง ผมรู้แค่ว่าในขาลงนั้น บิตคอยน์มักจะมีพัฒนาการใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเสมอ
ผมหมายถึง.. ความอยากได้บิตคอยน์มาไว้เป็นของตัวเองนะ ไม่ได้หมายถึงดีมานด์ในการซื้อขายที่จะทำให้ราคาพุ่งขึ้นอะไรแบบนั้น
จนกระทั่งถ้าผมจำไม่ผิด คงจะเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2022 นั่นเอง.. กระแสความมหัศจรรย์ของ ***Lightning Network ***ก็เริ่มอุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มสังคมชาวบิตคอยน์ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในไทยที่เราเองก็มีส่วนช่วยกันผลักดันมาจนถึงวันนี้ (ความจริงมันมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยเฉพาะหลังจากอีเว้นท์ใหญ่ที่เอลซัลวาดอร์ แต่ก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าใดนัก)
https://i.imgur.com/t0sJ4ju.png
Lightning ทำให้โลกของบิตคอยน์เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ จากเงินนิ่งๆ ถือไว้รอรวย เงินสะสมไว้ให้ลูกให้หลานที่โดนตราหน้ามาตลอดว่าซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยก็ยังไม่ได้ กลายเป็นเงินสะดวกจ่ายที่ในวันนี้เริ่มติดอกติดใจกันทั่วบ้านทั่วเมือง (ก็หมายถึงในกลุ่มคนที่ยอมรับบิตคอยเนอร์นั่นแหละนะ)
บิตคอยน์เคยเป็น ***"ของยาก"*** สำหรับทุกคน จะโอนเข้า-โอนออกแต่ละทีเล่นเอาปวดหัว มือไม้สั่นกันเลยทีเดียว แต่วันนี้พวกเราหลายคนรู้แล้วว่า เราสามารถเอาหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดของมันมาส่งต่อให้กันได้ ไม่ว่าจะส่งกันเล่นๆ ส่งแทนใจ จีบกัน หรือซื้อ-ขายของ ฯลฯ ก็อย่างที่ได้เห็นกันในงาน BTC2023 ใช่ไหมครับ
มันติดอยู่อย่างเดียว.. ถ้าไม่นับเรื่องการใช้งานในฐานะคนทั่วไปที่ทำได้ง่ายๆ หมูๆ แล้ว การบริหารจัดการระบบ หรือรันโหนดบิตคอยน์ไลท์นิ่งมันทำให้พวกเรารู้สึกว่าคงต้องเป็นระดับเทพเท่านั้นที่ทำกันได้ การทำความเข้าใจกับกลไกการทำงานของมันก็เป็นเรื่องไม่ง่ายเช่นเดียวกัน
พอเป็นแบบนี้ผมก็นึกในใจว่า.. อืม... มันคงต้องใช้เวลาอีกไม่มากก็น้อยให้คนได้ค่อยๆ เรียนรู้ ทำความเข้าใจและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ให้มากกว่านี้
แต่ผมก็เชื่อนะ.. นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันไม่ได้ยากขนาดนั้น ที่เราต้องการคือ*** "วิธี หรือ แนวทาง"*** ในการนำเสนอ หรือ เผยแพร่ความรู้ที่คนทั่วไปจะเข้าถึงและจับต้องมันได้ง่ายกว่านี้
**Right Shift **ถูกผลักดันการดำเนินงานไปในทิศทางนั้น ทิศทางที่จะทำให้** "ตัวเลือก"** ในการยอมรับบิตคอยน์เป็นรูปเป็นร่างเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง นั่นคือ "การนำบิตคอยน์มาใช้งานจริง" ในยูสเคสลักษณะที่บิตคอยน์จะกลายเป็น *****"Means of Payment"***** การใช้จ่ายทางเลือกใหม่สำหรับคนที่มีหัวใจอิสระนั่นเอง
เราประสานงานร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในหลายๆ ส่วน รวมถึงพี่น้องของเราภายในคอมมูนิตี้ด้วย นอกจากคุณค่าที่จะไม่หายไปง่ายๆ ตามกาลเวลาแล้ว คุณค่าในการที่เรานำมันมาใช้ได้จริงๆ ก็ดีต่อใจพวกเราเหลือเกิน คนที่ได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเองคงจะไม่มีอะไรมาเถียงผมได้มากนักในเรื่องนี้
แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกมาตลอดว่า.. แค่นี้มันยังไม่พอ
การมอบทางเลือกเพื่อให้คนปรับเปลี่ยนมายเซตที่เคย "หวง" บิตคอยน์ยิ่งกว่าไข่ในหินก็เรื่องนึง เรื่องความเป็นส่วนตัวหรือ Non-KYC ก็เรื่องนึง การเริ่มต้นที่ต้องใช้บริการ Custodial ไปก่อนก็เรื่องนึง การให้ความรู้ก็ว่ายากแล้ว การทำให้เกิดดีมานด์-ซัพพลายที่สมดุลกันนั้นมันยากยิ่งกว่า
เราเคยทำให้มีกิจการรองรับ Lightning กันมากโขในช่วงหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าจะเอา Lightning จากไหนมาซื้อของ แล้วจะซื้อมันยังไงล่ะ?
พอมีคนเริ่มทำได้ พวกเขามองหาที่ซื้อ ปรากฏว่าซัพพลาย ผู้ประกอบกิจการยังโตตามไม่ทัน ติดๆ ขัดๆ และต้องการความช่วยเหลือในการเริ่มต้นอีกพอสมควร ไหนจะเรื่องกฏหมาย บัญชี ภาษีนั่นอีก.. เห็นหรือเปล่าครับ งานของพวกเราไม่ได้มีแค่ถ่ายทำคลิปแน่ๆ
https://i.imgur.com/hd1FJYK.png
ถ้ามองให้ครอบคลุมทั้งองคาพยพ งานนี้ใหญ่และยาวกว่าที่พวกเราคิดกันเอาไว้มากเลยล่ะ (เราในที่นี้ผมหมายถึงทุกคนในคอมมูนิตี้ที่มิงเป้าหมายเดียวกัน)
เราเองจึงมีความคิดกันว่า ในช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเรากลุ่มพาร์ทเนอร์หลักๆ Right Shift, LATES, BOB และ Chitbeer และอีกมากมาย น่าจะต้องใช้เวลาในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนและเผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้กันต่อไป โดยเราก็หวังว่าคงจะได้รับความร่วมมือร่วมใจจากเพื่อนๆ ในคอมมูนิตี้ของเราเป็นอย่างดี
เรากำลังวางแผนที่จะ ออนทัวร์ ไปยังสถานที่ต่างๆ อาจจะเป็นมหาวิทยาลัย สถานศึกษา ห้างร้าน ตจว ฯลฯ ที่ไหนก็แล้วแต่ที่ต้องการศึกษาบิตคอยน์ จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนออนไซต์ในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นทราเอลซัลวาดอร์ จัดอีเว้นท์ให้คนได้นำบิตคอยน์มาลองใช้ และยินดีมากๆ ที่จะได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครที่มีใจจะผลักดันร่วมกับเรา..
แต่แล้ววันนี้..
เมื่อไม่นานมานี้เอง.. ผมก็พบทางเลือกที่สาม
ถ้าการเริ่มต้นความสนใจจากฝั่งการลงทุน การเก็บออม เก็บรักษาหรือการนำบิตคอยน์มาสะสม นำมาใช้ มันเหมือนจะยากเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่
ถ้าเราลองมาปรับเลี่ยนมุมมอง โดยเริ่มจากสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เข้าถึงได้ง่ายและสนุกกับมันได้ก่อนล่ะ.. การยอมรับจะง่ายขึ้นและสมเหตุสมผลมากขึ้นที่จะกระโจนลงสู่หลุมกระต่ายต่อไปหรือเปล่า?
ผมไม่ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความสงสัยนานเกินไป ว่าแล้วผมก็ลงมือสัมผัสมันด้วยตัวเองในทันที.. และคำตอบที่ได้คือ.. มันใช่จริงๆ ด้วย
เราแค่เปลี่ยนจากสื่อโซเชียลมีเดียเมนสตรีมที่กำลังทำให้เราต้องปวดกันมากขึ้นทุกวัน ๆ ไปอยู่บนสังคมใหม่ที่เป็นเหมือนรากเหง้าของสังคมออนไลน์ที่แท้จริง แบบนี้มันดูจะเดินต่อกันได้ง่ายกว่า..
ทำไมผมคิดแบบนั้น?
สังคมบนโปรโตคอลกระจายศูนย์ มันมอบอิสระให้เราในฐานะผู้ใช้แทบทุกด้าน เอาเข้าจริงๆ แล้วมันไม่ได้ยากไปกว่าการเปิดกระเป๋า Lightning ที่เราเคยทำกันมาแล้วแม้แต่นิดเดียว
วันนี้พวกเราหมื่นกว่าคนรวมกันกดไลค์บนเฟซบุ๊กไปกี่ครั้ง เพื่อแสดงความพึงพอใจต่อผลงานของครีเอเตอร์ หรือโพสต์ของเพื่อนเรา ที่บางทีเราจะเต็มใจทำมันหรือเปล่าก็ไม่รู้
ถ้าเปลี่ยนจากไลค์ มาเป็น Zap! ล่ะ?
มูลค่าทางเศรษฐกิจที่หมุนเวียนอยู่บนนั้นจะมากมายขนาดไหน (ปัจจุบันมีการ Zap รวมกันไปมากกว่า 12 BTC แล้วบนนอสเตอร์) มันไม่ใช่แค่เราที่ต้องไปคอย Zap คนอื่นเขา ถ้าคุณทำได้ดี ทำประโยชน์ต่อชุมชน เอาแค่เสียงหัวเราะก็ยังได้ คนอื่นก็พร้อมที่จะ Zap ให้คุณตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
คุณสามารถใช้งานมันโดยไม่ต้องผูกกับกระเป๋าไลท์นิ่งก็ได้ คำถามคือคุณจะได้รับประสบการณ์ในการแสดงความพึงพอใจหรือรับเอามันมาแบบในทันทีเป็นมูลค่า Satoshi ได้อย่างไร?
ใช่แล้วครับ.. ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว มันเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับบิตคอยน์และไลค์นิ่ง อย่างน้อยก็ในระดับเบสิค
https://i.imgur.com/0jzG9mh.png
แต่คราวนี้แรงจูงใจของพวกเขาไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งหรือความรำรวย ไม่ใช่อธิปไตยทางการเงิน หรือความเก่งกาจทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว
มันจะมาจากความต้องการในการได้มีส่วนร่วมกับสังคมที่พวกเขาอยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย มาจากความต้องการที่จะขอบคุณหรือชื่นชอบผลงานของใครสักคนที่ได้มอบประโยชน์ให้กับเขาบนนอสเตอร์ มาจากความสนุกเพลิดเพลินกับชีวิตที่เป็นอิสระบนดินแดนแห่งใหม่ ฯลฯ
ในขณะที่ฝั่งครีเอเตอร์... แทนที่จะขาดทุนทั้งเงินทองและเวลารวมถึงแรงกายไปกับการนั่งคิดคอนเทนต์ข้ามวันข้ามคืน การหาทางทำให้คนได้เห็นโพสต์ของตัวเอง แล้วรอรับเงินที่แพลตฟอร์มอาจจะเบี้ยวเอาได้ในอีกเดือนถัดไป คอยหลบเลี่ยงอัลกอริทึมที่น่ารำคาญ สารพัดความเปลี่ยนแปลงที่ต้องปรับตัวตามให้ทัน
คราวนี้พวกเขาเพียงแค่ทุ่มเทคุณค่าลงไปในคอนเทนต์อย่างเต็มที่ โพสต์ออกไปให้คนที่ติดตามเขาได้เห็นกันแน่ๆ และรับเอาคำขอบคุณมาเป็น Sats ได้แบบวินาทีต่อวินาที
พวกเขาสามารถนำเสนอเนื้อหาแค่ทีละส่วนได้โดยไม่ต้องรอให้ทำเสร็จ พวกเขาสามารถนำเสนอเนื้อหารูปแบบใดก็ได้บนนั้น.. ผู้ใช้ก็เช่นกัน นี่คือกิจกรรมการส่งต่อคุณค่าให้กันที่เรียกว่า ***"Value for Value" ***บนนอสเตอร์
เมื่อ V4V กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ พวกเขาจะเริ่มหันมาให้ความสนใจอย่างลงลึกในบิตคอยน์มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะอยากครอบครองมันเพิ่มขึ้น มันจะเป็นอย่างไรได้อีก อย่างมากเขาก็แค่ไม่ชอบและมองหาทางเลือกอื่นในการยอมรับมันเท่นั้นเอง
เอาล่ะ.. คราวนี้คุณคิดว่า Network effect บนนอสเตอร์ กับในชีวิตจริงแบบไหนจะปรี๊ดปร๊าดแข็งแกร่งได้เร็วกว่ากัน?
เอาจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องเลือกหรอกครับ ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจว่าพวกเราจะผลักดันการยอมรับไปในทิศทางไหน..
จะเก็บออม จะให้ความรู้ นำมันมาใช้งานบ้างหรือจะผ่านการใช้ชีวิตใหม่บนสังคมโซเชียลมีเดียอย่างนอสเตอร์
เราควรจะผลักดันมันไปพร้อมๆ กันในทุกๆ ทาง เพราะมันต่างก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมบิตคอยน์ของพวกเราทั้งนั้น มันเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่จะได้ลองสัมผัสมัน และเป็นประโยชน์ต่ิผู้คนในรุ่นถัดๆ ไป
Bitcoinization ที่เคยเป็นเพียงแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ กำลังจะเกิดขึ้นได้จริงในเวลาไม่นานนับจากนี้ คราวนี้ผมเริ่มตอบความสงสัยของตัวเองในตอนแรกได้บ้างแล้ว ดีมานด์ควรจะมาจากเรื่องอะไรได้บ้าง มันก็ควรจะเริ่มต้นมาจากความสนใจของพวกเราก่อนนี่แหละครับ
สนใจมากพอที่จะลองเข้าไปสัมผัสมันในทุกด้าน
หยิบเอาเงินเฟียตเน่าๆ บนหลังตู้เย็นของคุณไปเปลี่ยนเป็น Lightning สักตับนึง แล้วพามันลงไปโลดแล่นบนนอสเตอร์กันดูครับ
ปี 2023 ทางเลือกของพวกเรา ทางเลือกของคนทั้งโลกไม่ได้อยู่แค่เพียง SOV หรือ Lightning อีกต่อไป.. ซึ่งไม่ว่าทางไหนมันก็ดีต่อบิตคอยน์ทั้งนั้น
มันกำลังเปิดกว้างกว่าที่พวกเราคิด
.
.
// Author by: Jakk Goodday