-
@ Just So Be It
2025-03-20 14:03:27“สุขเวทนา” ที่แท้ก็คือ “มายา”
เป็นเหมือนลูกคลื่นลูกหนึ่ง
ที่เกิดขึ้นเพราะน้ำถูกลมพัด
เดี๋ยวมันก็แตกกระจายไป
หากต้องการจะมีชีวิตอย่างเกษมแล้ว
ก็ต้องอาศัยความรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้สมบูรณ์
มันจะต่อต้านกันได้กับอารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่มากระทบ
ไม่ให้ไปหลงรัก หรือหลงเกลียดเรื่องวุ่นวายมีอยู่ ๒ อย่างเท่านั้น
- ไปหลงรัก อย่างหนึ่ง
- ไปหลงเกลียด อย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุให้หัวเราะและต้องร้องไห้
ถ้าใครมองเห็นว่า หัวเราะก็กระหืดกระหอบ มันเหนื่อยเหมือนกัน
ร้องไห้ก็กระหืดกระหอบ เหมือนกัน
สู้อยู่เฉย ๆ ดีกว่า อย่าต้องหัวเราะ อย่าต้องร้องไห้
นี่แหละ! มันเป็นความเกษมเราอย่าได้ตกไปเป็นทาสของอารมณ์
จนไปหัวเราะหรือร้องไห้ตามที่อารมณ์มายั่ว
เราเป็นอิสระแก่ตัว หยุดอยู่ หรือเกษมอยู่อย่างนี้ดีกว่า
ใช้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นเครื่องมือกำกับชีวิต
- รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็น มายา เป็น illusion
- "ตัวกู-ของกู" ก็เป็น illusion
- เพราะ "ตัวกู-ของกู" มันเกิดมาจากอารมณ์
- "ตัวกู-ของกู" เป็นมายา อารมณ์ทั้งหลายก็เป็นมายา
เห็นได้ด้วยหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
...ความทุกข์ก็ไม่เกิด
เราจะตัดลัดมองไปดูสิ่งที่เป็น “สุขเวทนา”
สุขเวทนา คือ ความสุขสนุกสนาน เอร็ดอร่อย
ที่เป็นสุขนั้นเรียกว่า “สุขเวทนา”แต่สุขเวทนา เป็นมายา
เพราะมันเป็นเหมือนลูกคลื่นที่เกิดขึ้นเป็นคราว ๆ
ไม่ใช่ตัวจริงอะไรที่พูดดังนี้ก็เพราะว่า
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงในโลกทั้งหมดทุกโลก
ไม่ว่าโลกไหน มันมีค่าอยู่ก็ตรงที่ให้เกิดสุขเวทนาลองคิดดูให้ดีว่า...
- ท่านศึกษาเล่าเรียนทำไม?
- ท่านประกอบอาชีพ หน้าที่การงานทำไม?
- ท่านสะสมทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง พวกพ้องบริวารทำไม?มันก็เพื่อสุขเวทนาอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น แปลว่า อะไร ๆ มันก็มารวมจุดอยู่ที่สุขเวทนาหมดฉะนั้น ถ้าเรามีความรู้ในเรื่องนี้
จัดการกับเรื่องนี้ให้ถูกต้องเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
ทุกเรื่องมันถูกหมดเพราะฉะนั้น จึงต้องดูสุขเวทนาให้ถูกต้องตามที่เป็นจริงว่า
มันก็เป็น “มายา” ชนิดหนึ่งเราจะต้องจัดการให้สมกันกับที่มันเป็นมายา
ไม่ใช่ว่า จะต้องไปตั้งข้อรังเกียจ เกลียดชังมัน
อย่างนั้นมันยิ่ง บ้าบอที่สุดถ้าเข้าไปหลงรัก หลงเป็นทาสมัน
ก็เป็นเรื่อง บ้าบอที่สุดแต่ว่าไปจัดการกับมันอย่างไรให้ถูกต้อง
นั้นแหละเป็นธรรมะ
เป็น ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า
ที่จะเอาชนะความทุกข์ได้ และไม่ต้องเป็น โรคทางวิญญาณ
สุขเวทนา ที่แท้ก็คือ มายา
มันก็ต้องทำโดยวิธีที่พิจารณาให้เห็นว่า
“สุขเวทนา” นี้ ที่แท้ก็คือ “มายา”เป็นเหมือน ลูกคลื่นลูกหนึ่ง
ที่เกิดขึ้นเพราะ น้ำถูกลมพัดหมายความว่า
เมื่อ รูป เสียง กลิ่น รส ฯ เข้ามา
แล้ว ความโง่ คือ อวิชชา โมหะ ออกรับ
กระทบกันแล้วเป็นคลื่นกล่าวคือ สุขเวทนาเกิดขึ้นมา
แต่ เดี๋ยวมันก็แตกกระจายไป
ถ้ามองเห็นอย่างนี้แล้ว
เราก็ไม่เป็นทาสของสุขเวทนา
เราสามารถ ควบคุม จะจัด จะทำกับมันได้
ในวิธีที่ ไม่เป็นทุกข์- ตัวเองก็ไม่เป็นทุกข์
- ครอบครัวก็ไม่เป็นทุกข์
- เพื่อนบ้านก็ไม่เป็นทุกข์
- คนทั้งโลกก็ไม่พลอยเป็นทุกข์
เพราะมีเราเป็นมูลเหตุ
ถ้าทุกคนเป็นอย่างนี้
โลกนี้ก็มีสันติภาพถาวร
เป็นความสุขที่แท้จริงและถาวรนี่คือ อานิสงส์ของการหายโรคโดยวิธีต่าง ๆ กัน
ไม่เป็นโรค “ตัวกู” ไม่เป็นโรค “ของกู”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : คำบรรยายชุด “แก่นพุทธศาสน์”
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๔
ครั้งที่ ๑
หัวข้อเรื่อง “ใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา”
ณ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๐๔