-
@ HereTong
2025-04-17 02:15:32วันนี้มาเล่าเรื่อง animal base บ้างครับ เพราะหลายๆคนบอกว่า ดีนะฉันกินสัตว์ ฉันคิดว่าไขมันสัตว์ดีที่สุด รวมถึง plant base ที่ตัดสินฉาบฉวยว่าผม anti plant วันนี้มาเล่าข้อมูลเรื่องต่อไปกันครับ เพื่อให้เห็นว่า โลกของผู้ล่า มันไม่เลือกฝั่งครับ คำถามคือ เหยื่อจะเตรียมตัวอย่างไรมากกว่า เพราะเหยื่อยังทะเลาะกันเองอยู่เลย 55555
sub item ของ fiat food มีอย่างนึงที่เรียกว่า fake food ครับ ถ้าถามว่า “โปรตีนจากเซลล์” หรือ lab-grown meat ที่โฆษณาว่าเป็นทางเลือกแห่งอนาคตนั้น ภาพที่คนทั่วไปนึกถึงคืออะไร? คำตอบน่าจะไม่พ้น -เนื้อที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ -โปรตีนสะอาด ไร้มลพิษ -เทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อสิ่งแวดล้อม
เชื่อไหมว่าความจริงนั้นมันอาจจะตรงกันข้ามกับทุกข้อที่ตอบมาเลยครับ
มันมาจากไหน?
"เนื้อเทียมจากห้องแล็บ" คือการเอาเซลล์สัตว์มาเพาะเลี้ยงในจานเพาะเลี้ยง โดยให้อาหารกับเซลล์พวกนั้นด้วยน้ำเลี้ยง (growth medium) เพื่อให้มันแบ่งตัวกลายเป็นกล้ามเนื้อ ฟังดูเหมือนปลอดภัยใช่ไหม? แต่ที่หลายคนไม่รู้คือ…
น้ำเลี้ยงที่ใช้ส่วนใหญ่มาจาก Fetal Bovine Serum (FBS) หรือ ซีรั่มจากลูกวัวที่ถูกฆ่าขณะอยู่ในครรภ์แม่ มันคือ คือการเจาะหัวใจลูกวัวที่ยังไม่เกิด เพื่อเอาเลือดมาเลี้ยงเนื้อเทียม แน่นอนว่าการให้ข้อมูลนั้นเขาจะบอกว่า เก็บเกี่ยวเลือดจากตัวอ่อนของวัวหลังจากที่นำตัวอ่อนออกจากวัวที่ถูกเชือด ตัวอ่อนจะตายจากการขาดออกซิเจนโดยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยของมดลูกเป็นเวลาอย่างน้อย 15-20 นาทีหลังจากวัวตายและแน่นอนว่าต้องให้ข้อมูลว่ามีการเก็บมาภายใต้การดูแลจริยธรรม
และถ้าจะไม่ใช้ FBS ก็ต้องใช้น้ำเลี้ยงสังเคราะห์ที่อัดแน่นด้วย growth factor สังเคราะห์, ยาปฏิชีวนะ, ฮอร์โมน และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตแบบเข้มข้น มันคือ Frankenstein Protein เลยก็ว่าได้
ราคาที่แท้จริงไม่ใช่แค่เงิน แต่คืออำนาจต่างหากครับ
เบื้องหลังของ lab-grown meat คือบริษัททุนใหญ่ เช่น Eat Just (เจ้าของ Good Meat) Upside Foods Believer Meats CUBIQ Foods และเบื้องหลังอีกชั้นคือ VC ยักษ์ เช่น SoftBank, Temasek, Bill Gates, Tyson Foods ฯลฯ เริ่มเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับ
ทุกเจ้ากำลังเร่งวิจัยเพื่อ “จดสิทธิบัตร” กระบวนการผลิต และพันธุกรรมของเซลล์สัตว์ ใช่จ้ะ… พันธุกรรมของวัว หมู ไก่ หรือแม้แต่ปลา ถูกดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้เพาะง่าย โตไว อยู่ได้นาน และตอบโจทย์การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
ใครจะเลี้ยงวัวเองแล้วทำเนื้อกินเอง อาจโดนฟ้องในอนาคตว่าไปละเมิดพันธุ์สิทธิบัตรที่บริษัทครอบครอง
ต่อไปนี้ถ้าอยากขายเนื้อ ต้องเป็นเจ้าของห้องแล็บถึงแม้บริษัทเหหล่านี้จะบอกว่า “เราจะ democratize protein” คือทำให้ใครๆ ก็เข้าถึงโปรตีนได้ แต่ความจริงคือ ทุกกระบวนการตั้งแต่เซลล์ต้นแบบ อาหารเลี้ยงเซลล์ ยันเครื่องมือในแล็บ ล้วนมีสิทธิบัตร ใครที่ไม่มี license ก็ผลิตไม่ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ…
“ของกินที่โตจากเซลล์ในอนาคตจะต้องมีใบอนุญาตจากบริษัท” ไม่มีแผ่นดินไหน ปลูกเอง กินเอง ได้อีกต่อไป
แล้วมันดีต่อสิ่งแวดล้อมจริงไหม? บริษัทแสนดีต่างๆชอบบอกว่าเนื้อแล็บช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากฟาร์มปศุสัตว์ แต่งานวิจัยของ Oxford, UC Davis และมหาวิทยาลัย Wageningen ชี้ว่า การผลิตเนื้อในห้องแล็บใช้พลังงานสูงกว่าปศุสัตว์จริง หลายเท่า และถ้าไม่ใช้พลังงานหมุนเวียน ก็จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการเลี้ยงวัวแบบดั้งเดิมเสียอีก
ตกลงมันคือ Clean Meat หรือ Clean Lie? Clean Meat ที่เขาโฆษณา อาจจะสะอาดแค่ “ภาพ” แต่องค์ประกอบข้างในคือ… -เซลล์สัตว์ที่ดัดแปลงยีนให้โตเร็ว -น้ำเลี้ยงเซลล์ที่มีสารกระตุ้นการเติบโต, ฮอร์โมน, ยาปฏิชีวนะ -ความไม่โปร่งใสเรื่องกระบวนการผลิต -ไม่มีฉลากบอกผู้บริโภคชัดเจน -ยังไม่มีการทดลองระยะยาวว่า “ปลอดภัยหรือไม่”
พรุ่งนี้ที่ไม่มีเกษตรกรจะเป็นยังไง ถ้าโปรตีนทั้งหมดผลิตในแล็บ แล้วเกษตรกรล่ะ? คนเลี้ยงสัตว์ล่ะ? คนเลี้ยงเป็ดไก่หลังบ้านล่ะ? คนปลูกผัก เลี้ยงวัว ทำฟาร์มแบบพื้นถิ่นล่ะ? ทุกคนจะตกขบวนอาหารของโลกใหม่ เพราะเกมนี้ไม่ได้วัดกันที่คุณภาพ แต่วัดกันที่ “ลิขสิทธิ์”
เรากำลังกินอนาคตที่เราไม่ได้เลือก ในชื่อของ “เทคโนโลยี” ในคราบของ “ทางเลือก” ในความนิยมของ "super food" แต่แท้จริงแล้ว เราอาจกำลังแลก สิทธิการควบคุมอาหาร ไปกับ “คำสัญญาว่าโลกจะดีขึ้น” ไม่ต่างอะไรจากการเอาอาหารไปวางไว้ในห้องแล็บ และล็อกประตูเอาไว้ให้คนไม่กี่คนถือกุญแจ
not your key, not your free เหมือนเพลงที่ผมเขียนไว้ในอัลบั้ม orange cafe ครับ https://youtu.be/k5jUpFXI6Gg?si=4GXOXjYbOpqX9kRb
#pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก