-
![](https://image.nostr.build/cbe071870aa64b6e6729a203e891749f21584b1805f4f6b3d555f3d350330318.gif)
@ Jakk Goodday
2023-09-29 10:00:00
มิถุนายน 2022 กลุ่ม Discord ที่เราเริ่มกันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่หลังจากนั้นเพียงไม่ถึง 2 เดือน เรากลับพบว่าตัวเองต้องเมาเละ ท่ามกลางบิตคอยเนอร์นับร้อยคน ณ โรงเบียร์มิตรสัมพันธ์!!
ผมอยากจะเขียนถึงเหตุการณ์คราวนั้นก่อนที่ความทรงจำของผมจะหายไป (เฉพาะในมุมตัวเอง) ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มเลือนลางไปเรื่อยๆ บ้างแล้วล่ะ.. สิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ไม่ลืม คือ ผมเมาหนักมากในคืนนั้น ระดับที่ อ.ตั๊ม ไม่ยอมให้ผมกลับเอง แกต้องขับรถไปส่งผมจนถึงที่นอน.. เมาจนจำไม่ได้ว่าดื่มไปมากขนาดไหน.. คุณก็คิดเอาเองละกันว่าผมไม่ยึดถือตัวตนแม้แต่น้อย ไม่กลัวด้วยว่า อ.ตั๊ม ที่ได้เจอผมครั้งแรกจะคิดกับผมยังไง ก็กูจะเมา 555
คุณลองนึกภาพคนไม่ถึงสิบคนที่ไม่สนิทกันเท่าไหร่นัก (พึ่งรู้จักกันเลยล่ะ) ซึ่งอาจหาญอาสาเป็น Founder ของกลุ่ม Discord ที่ขนานนามตัวเองว่าเป็น "บ้านหลังใหม่" ของชาวบิตคอยน์กันดูสิ มันเป็นอะไรที่ท้าทายและเลอะเทอะเอามากๆ ซึ่งสมาชิกหลายๆ ท่านไม่เคยใช้ Discord กันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ น้องๆ อีก 5-6 คนที่ตามผมมาก็เต็มไปด้วยความสงสัยเหมือนกัน.. พี่พาพวกผมมาเล่นอะไรเนี่ย?
ผมเริ่มเป็นคนพูดมากก็จากตอนนั้นเลย เพราะผมต้องนั่งอธิบายคอนเซ็ปต์ทั้งหมดในหัวว่าผมหวังจะพาพวกเค้าทำอะไรกันต่อ ทั้งตัวโปรแกรม Discord มันใช้งานยังไง ชุมชนที่เราสร้างขึ้นจะขับเคลื่อนไปทางไหน ไปยังไง แต่ละคนจะมีบทบาทอะไรบ้าง ฯลฯ สารพัดเรื่องราวที่จัดว่าเป็นของใหม่เกือบหมดสำหรับพวกน้องๆ แต่หลายๆ ไอเดียก็มาจากพวกเขาเช่นกัน ผมไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อนเลยว่าได้ยึดตามแนวทางของตลาดเสรีมาตั้งแต่ตอนนั้น
บรรยากาศในช่วงเริ่มต้นของกลุ่ม Discord ในตอนนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจาก Nostr ในตอนนี้ ผมพยายามผลักดันและแนะนำให้น้องๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ขิง, อาร์ม, บอส, ตั๋ง, กาย และน้องแฮ่ม ออกไปมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกใหม่แบบเดียวกับที่ผมพยายามแนะนำพวกเราในตอนนี้ แค่ต่างบริบทต่างวาระกันเท่านั้นเอง
เราลองใช้ห้องเสียง เพื่อเปิดเวทีพูดคุยสัพเพเหระ ขิง อาจจะเป็นคนเดียวที่พอจะมีทักษะในการพูดในที่สาธารณะมากหน่อย ส่วนพวกที่เหลือก็ล้วนไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อนเลย แต่ทุกคนก็เริ่มจากความไม่ชำนาญด้วยกันทั้งหมด เอาว่า อาร์ม ยังพูดไม่ค่อยได้ และออกจะพูดไม่ค่อยชัดอยู่เลยในตอนนั้น ใครอยู่กับเราใน Discord มาตั้งแต่ยุคแรกคงจะพอนึกภาพออกว่าแต่ละคนเป็นยังไง ผมออกแรงค่อนข้างเยอะในช่วงแรกตามระเบียบ แต่ก็พยายามให้น้องๆ ทุกคนได้เวทีเพื่อฝึกฝนตัวเองไปพร้อมๆ กัน จากตรงนั้นผ่านเวลามาเป็นปี ทุกคนกลายเป็นพวกต่อยหอยในรายการสภายาส้มกันไปแล้ว
![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1695979717576-YAKIHONNES3.jpg)
ผมอยากจะชี้ตรงนี้ให้เห็นตรงนี้ว่า แม้ในตอนต้นเราจะยังโนเนมหรือแทบไม่เคยทำอะไรกันมาก่อนเลย แต่การเรียนรู้ เพิ่มพูนทักษะ การฝึกฝนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเอาจริงเอาจัง จะพาให้เราพัฒนาจนกลายเป็นอีกคนได้เมื่อเวลาผ่านไป นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนและจับต้องได้มากที่สุดที่มาจากผลของความตั้งใจและความอุตสาหะ ถ้าคุณฝึกมันมากพอ วันหนึ่งคุณก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
กลุ่ม Discord และสังคม Siamese เริ่มทำให้คอมมูนิตี้เราเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ ผมได้สมาชิกคนสำคัญอีก 2-3 คนเข้ามาในทีมนั่นคือ หมอนิว, น้องนิ่มและน้องอิสร จากใน Discord นี่เอง เราได้ค้นพบพี่เดชา ซึ่งตอนแรกอิทฤทธิ์ของแกก็ทำเอาน้องๆ ต้องแตกกระเจิงกันมากทีเดียว ก็เป็นผมนี่เองที่ต้องคอยเข้าชนกับแกอยู่บ่อยๆ เป็นระยะๆ มันใช้เวลากว่าคนรุ่นเราจะเริ่มเข้าใจกันกับคนอย่างรุ่นพี่เดชาได้ จนกระทั่งความสัมพันธ์ของพวกเราได้กลายเป็นอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ หลังจากนั้นก็มีพี่จิมที่คอยจดๆ จ้องๆ อยู่นานสองนานตามเข้ามาสมทบด้วยอีกคน
มีสมาชิกหลายท่านที่แอคทีฟกันมากในช่วงนั้น แต่ก็ห่างหายกันไปบ้าง หลายคนอ้างว่ากลุ่มของเราฮาร์ดคอร์และ Toxic กันมากเกินไป มีคนมาขอให้ผมช่วยทำอะไรบางอย่างกับวัฒนธรรมภายในนั้น ผมเลือกที่จะปฏิเสธ ผมไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงวิถีของชุมชนเพราะผมเชื่อในกลไกตลาด มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันเป็นผมรวมของการกระทำของทุกคน ผมยอมรับได้ที่จะมีใครคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นั่นและเลือกที่จะเดินจากไป นั่นคือกลไกของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ผมไม่คิดว่าผมจะต้องไปเปลี่ยนแปลงหรือควรแทรกแซงแต่อย่างใด
ผมก็ต้องยอมรับว่าเป็นพี่เดชานี่เองที่ทำให้ชุมชนของเราตื่นตัวกันเรื่อง Lightning Network มากขึ้นในเวลาต่อมา มากเสียจนผมต้องเอามันมาขยายผล เราเริ่มเข้าใจว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และเราก็เริ่มเผยแพร่มันอย่างจริงจัง จนปัจจุบันมันเกือบจะกลายเป็นเรื่องเบสิคของชาวคอมมูเราไปแล้ว ต้นตอก็มาจากพี่เดชาและความบ้าของพวกผมนี่เอง
![](https://i.nostr.build/L9vQ.png)
>ใครยังจำภาพนี้กันได้บ้าง?
ย้อนกลับไปในเดือน กรกฎาคม 2022 หนึ่งเดือนให้หลังจากเริ่มก่อตั้งกลุ่ม Discord ในหัวของผมมันเริ่มอยากจะนัดให้ทุกคนได้เจอกันจริงๆ ดูสักครั้ง การพบกันบนโลกความจริงเจอกันตัวเป็นๆ ของบิตคอยเนอร์ไทยคือฝันของผมตั้งแต่ต้น และในที่สุดการพบกันครั้งแรกของ อ.ตั๊ม พี่ชิต พี่เดชา และพี่จิม ก็เกิดขึ้นจนได้ที่ Bob spaces จุดเริ่มต้นมันก็มาจากกลุ่ม Discord ของเรานี่เอง นั่นคือครั้งแรกที่คนทั้ง 4 ได้มาเจอกันจริงๆ ซึ่งมันก็ตามมาด้วยโจทย์ที่ยากมากขึ้นสำหรับพวกเรา เพราะทั้ง 4 คนดันอยากจัดอะไรที่ใหญ่กว่าเดิม ตั้ม กับน้องๆ ไปหาวิธีทำให้มันเกิดขึ้นมาให้ทีสิ..
ให้ตายเถอะ เราไม่เคยมีใครได้จัดงานอะไรแบบนี้กันมาก่อน ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเริ่มก่อหวอดมันยังไง รู้เพียงว่าเราใช้เวลาถกเถียงกันนานพอสมควรกับกลุ่มน้องๆ และเพื่อนๆ สมาชิกภายใน Discord เราเลือกสถานที่เป็นโรงเบียร์มิตรสัมพันธ์ของพี่ชิต เราประกาศรับคนเข้าร่วมงานประมาณ 80 คน (ซึ่งก็บานไปเกิน 100 คนในภายหลัง) ตั๋วราคา 380 บาท ถูกขายหมดในเวลาไม่นานมากนัก เราคำนวณแล้วว่าเอาแค่ไม่เจ๊ง ไม่เข้าเนื้อพวกที่จัดงานก็พอใจแล้ว
ใครล่ะที่จัดงาน? ก็ผมกับน้องๆ ทีม Mod ใน Discord ทุกคนนั่นแหละครับ
เรื่องนี้ทำเอาเราตึงกันพอสมควร การศึกษาความเป็นไปได้ วางแผน แบ่งงาน แบ่งบทบาท ประชาสัมพันธ์ เอกสาร อุปกรณ์ ประสานงาน ทำอะไรต่างๆ ค่อนข้างวุ่นวายมากด้วยความที่เราล้วนอยู่กันคนละทิศละทาง มีสัมพันธ์ทางออนไลน์กันเป็นหลัก เราได้บทเรียนค่อนข้างเยอะจากคราวนั้น โดยเฉพาะเรื่องระบบการขายตั๋วที่เราเลือกจะทำกันแบบ Manual ความไม่เคย และความไม่พร้อม รวมทั้งความไม่รู้ในหลายๆ ด้านของพวกเราเอง เราไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกได้ครบทุกคน แม้จะมีหลายท่านที่ชื่นชอบงานนั้นมากๆ ก็ตาม แต่ก็ยังมีบางท่านที่รู้สึกไม่ซาบซ่ากับมันเท่าไหร่นัก ซึ่งบทเรียนในคราวนั้นก็ทำให้เราทำกันได้ดีขึ้นมาหน่อยกับงานคอนเฟอเรนซ์ในเวลาต่อมา
ผมถือคติว่า ถ้าเราเอาแต่กลัว เอาแต่ไม่กล้า เราจะไม่มีวันได้เรียนรู้อะไรเลย สุดท้ายเราก็จะกลายเป็นคนไม่รู้อะไรแบบนั้นไปตลอด.. เราแค่ต้องทำ ลงมือ และเทคเอาบทเรียนที่ได้รับมาปรับปรุง ถ้าเราอยากพัฒนาตัวเอง อยากเป็นคนที่มีความสามารถมากขึ้น เราต้องกล้า เราไม่มีทางเลือก นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่เคยปฏิเสธความท้าทายอะไรเลยและบ้าพอที่จะทำมัน
เอาล่ะ.. ผมปูมายาว ก็เพื่อจะหาทางเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น เท่าที่ยังพอเหลืออยู่ในความทรงจำของผมบ้างนับจากนี้..
## เหตุการณ์ในวันเมา
ผมนอนบนรถไฟไปในคืนก่อนวันงาน ผมไปถึง กทม. ในตอนเช้าตรู่.. นั่นแหละคือปัญหา ผมต้องเดินเตร็ดเตร่เพื่อรอเวลาเช็คอินเข้าโรงแรมก็คือนู่นเลยตอนบ่าย 2 ซึ่งกรุงเทพในเวลานั้นมันช่างอ้างว้าง (ช่วงโควิดยังไม่จาง) ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยเหมือนกัน ผมเดินวนหาร้านซัดกาแฟ นั่งเล่นเกมรอเวลาจนกาแฟหมดไป 2 แก้ว.. เอาวะ ผมตัดสินใจไปหาพี่ชิตดีกว่า ไม่งั้นผมคงต้องเบื่อตายแน่ๆ กว่าจะถึงเวลาเข้าที่พัก
นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้เดินทางไปที่บาร์เต่า ข้ามเจ้าพระยาไปที่ร้านชิตเบียร์ ผมบอกพี่ชิตไว้ก่อนแล้วว่าผมจะไปที่นั่น เรานัดกันหลวมๆ และผมก็ไปถึงก่อนเวลา กว่าพี่ชิตจะมาถึงผมก็หมดไปแล้วราวๆ 2-3 แก้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองคราฟท์เบียร์อันเลื่องชื่อ โอ้... ไม่เคยแดกเบียร์รสชาติดีขนาดนี้มาก่อนเลย มันเพลินจนไหลไปเรื่อยๆ เนื้อหนัง กลิ่น ความละมุนละไมมาครบ..
จนกระทั่งพี่ชิตเดินทางมาถึง มันเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันแม้จะเคยคุยกันมานานแล้ว ผมยังจำสีหน้าของพี่ชิตได้.. อ่อ ไอ้ตั้มหน้าตามึงเป็นอย่างนี้เองหรอกเหรอ แกคงจะคิดในทำนองนั้น.. สภาพผมที่ไม่ได้จัดการตัวเองเลยนับจากลงรถไฟในตอนตรู่ก็ดูไม่จืดสักเท่าไหร่หรอก บทสนทนาของเราในช่วงแรกยังคงเต็มไปด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัย เรายังคงเคอะเขิลกันอยู่พอสมควร เมื่อเราเริ่มละลายพฤติกรรมกันได้แล้ว เราก็เหมือนนักปรัชญาสองคนที่ได้มาเจอกัน แม้จะเริ่มกันอย่างเนิบๆ แต่กลับลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด เราต่างก็สัมผัสได้ว่าเราสองคนมีหลายๆ แนวคิดที่มีท่วงทำนองคล้ายๆ กัน
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็เริ่มจะหัวโยกแล้ว เพราะพี่ชิตแกกดเบียร์มาเติมให้ผมไม่ยอมหยุด ถึงจะให้ฟรีผมก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่เพราะชักจะเมาแล้ว ตอนนั้นคิดว่าน่าจะดื่มไปราวๆ สัก 7-8 แก้วได้.. เล่นเอาผมเริ่มเมาได้ที่ตั้งแต่ช่วงกลางวันแสกๆ ในหัวก็คิดอยู่เหมือนกันว่าวันนี้กูจะรอดไหม แต่อย่ากระนั้นเลย.. เราน่าจะต้องร่ำลากันไปก่อนแล้วค่อยไปเจอกันที่งาน เรานัดหมายกันตามสมควรเพราะทางผมก็พ่องาน ส่วนพี่ชิตก็เป็นเจ้าของสถานที่ร่วม ตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปเช็คอินเข้าที่พักก่อนจะต้องเดินทางไปต่อยังสถานที่จัดงาน..
![](https://i.nostr.build/MK76.png)
น้องๆ เริ่มแชทส่งข่าวกันเข้ามาเรื่อยๆ บางคนไปถึงที่หมายกันก่อนล่วงหน้าแล้ว ผมในตอนนั้นกำลังต้องตัดสินใจทำบางอย่างที่ค่อนข้างเสี่ยง แอลกอฮอล์มันเริ่มแผลงฤทธิ์ ผมเริ่มหนักหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติผมจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยถ้าไม่เจอกับคนที่รู้ใจ ผมจึงไม่ใช่คอทองแดงแบบตอนสมัยยังเป็นวัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว
ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะไม่ไหวแล้วในตอนนั้น มีทางเดียวคือผมต้องนอนซึ่งก็กลัวจะไม่ตื่น แล้วถ้าไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะงามไส้กันน่าดู เวลาก็เหลือไม่มากเท่าไหร่นักก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ผมไม่มีทางเลือกมากนักเพราะไม่อย่างงั้นคงไปไม่ไหวแน่ ผมโทรไปบอกให้น้องๆ ช่วยโทรมาปลุกผมด้วยเพราะจะขอ Snap สักครึ่งชั่วโมง ชีวิตมันก็มีเรื่องให้เราต้องตื่นเต้นอยู่เสมอแบบนี้สินะ ในที่สุดผมก็นอนหลับไปแบบเมาๆ
ผมไม่กล้าหลับ ผมรู้ว่าตัวเองหลับลึก ผมแค่นอนลงให้โลกหยุดหมุน หลับตาให้แอลกอฮอล์มันเริ่มสบายบนความสลึมสลือ ผมตื่นมามาอาบน้ำและเดินทางต่อไป..
จากที่พักจนถึงสถานที่จัดงานมันใช้เวลาไม่มากนัก ผมขอให้แท็กซี่จอดตรงปากซอย ผมชอบที่ตะเดินซึมซับบรรยากาศและเก็บเรื่องราวตามรายทางเองมากกว่า ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดถนัด… ผมไม่คิดว่าในซอยนั้นจะมีคนบ้าเลี้ยงหมาเป็นสิบๆ ตัว ให้ตายเถอะ แล้วมันเป็นจังหวะที่เจ้าของเอาหมาทั้งฝูงออกมาเดินเล่นพอดี ใช้คำว่าฝูงน่ะถูกแล้ว…
ความลับก็คือ.. ผมกับหมาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เข้ากันได้ดีสักเท่าไหร่.. อาจเป็นเพราะผมคอยโดนหลอกให้ยัดเนื้อหมาลงท้องในตอนเด็กๆ หรือเปล่าไม่ทราบได้ ที่แน่ๆ ชีวิตนี้เคยโดนหมากัดอย่างงงๆ มา 2 รอบละ.. ผมเดินมาถึงที่หมายในบรรยากาศที่ยังไม่พร้อมกันเท่าไหร่นักในตอนนั้น ทั้งสถานที่ที่เหมือนจะงงๆ กันอยู่ กลุ่มน้องๆ ที่มาถึงกันก่อนที่ก็ยังไม่รู้ว่าควรทำอะไรกันดี พวกเขานั่งอยู่ในร้านมีเบียร์ประดับโต๊ะกันคนละแก้ว.. นั่นคือครั้งแรกที่ทุกคนได้เจอกับ Jakk Goodday
![image](https://i.nostr.build/JQdW.jpg)
จากทางซ้าย ขิง, แฮ่ม, ผม และขวาสุดคือตั๋ง (ตอนที่ยังตุ้ยนุ้ยอยู่) สภาพผมคือ.. พวกมึงจะคุยอะไรกันก็คุยไปกูขอเอนหลังหน่อยละกัน จะร่วงไม่ร่วงแหล่อยู่ละ น้องๆ น่าจะยังเกร็งที่ Jakk Goodday อาจไม่ได้เป็นแบบที่คิด สีหน้าตั๋งเหมือนจะอยากถามว่าตกลงผมเสพหรือขายกันแน่.. ผมอยากจะบอกว่าผมแค่วิ่งเต้นเส้นสายให้เท่านั้น.. ผ่าม! เราคุยทำความรู้จักกันบนโลกฟิสิคัลพอหอมปากหอมคอ จากนั้นผมก็เริ่มให้ทุกคนกระจายกันออกไปทำตามหน้าที่เมื่อใกล้เวลาเริ่มงาน.. (ใช่.. ผมน่าจะกดไปอีก 1-2 แก้วเป็นอย่างน้อยๆ ในระหว่างนั้น)
![image](https://i.nostr.build/rjkV.jpg)
ตั๋งกับน้องอิสร คือ 2 คนที่ต้องกลายเป็นผู้เสียสละในวันนั้น.. ทั้งคู่มีหน้าที่ต้องไปประจำจุดลงทะเบียนหน้างานที่ก็ทุลักทุเลกันพอสมควร เจ้าขิงเห็นสภาพเรื้อนๆ ของผมคงรู้สึกไม่ค่อยวางใจ ว่าแล้วก็เลยเดินไปดูแลความเรียบร้อยตามจุดต่างๆ ด้วยตัวเอง มันก็ต้องแบบนี้สิวะ จะให้พี่ทำทุกเรื่องได้ยังไง พี่เมา!
ปัญหาที่เจอนอกจากขั้นตอนการลงทะเบียนแบบไร้ Ai แล้วก็คือแขกหลายท่านที่มาร่วมงานไม่ได้มีตั๋วกันมาก่อน ทำนองพวกมากลากมาหรืออาจจะรู้ช้าแล้วก็อดใจไม่ไหว ก็นั่นสินะ.. นี่คืองานพบปะครั้งแรกของชาวบิตคอยเนอร์ไทยเลยเชียวนะ งานแรกที่จะได้เจอ 4 เสาหลัก ใครจะอยากพลาดถ้าไม่ติดธุระจำเป็นกันจริงๆ ผมทำอะไรไม่ได้แล้วในตอนนั้นนอกจากปล่อยให้เหตุการณ์ต้องเลยตามเลย คงไม่มีใครอยากผิดหวังถูกไล่กลับบ้านไปหรอกใช่ไหม..
เกี่ยวกับสถานที่ในช่วงแรกยังคงสับสนวุ่นวาย จัดที่นั่งกันค่อนข้างไม่ลงตัว แขกหลายท่านมาก่อนเวลาก็เลือกที่จะนั่งบริเวณลานด้านนอกร้านกันก่อน บางคนไม่ได้ต้องการมาล่าลายเซ็นค์หรือคุยกับคนดังอะไรขนาดนั้น พวกเขาเพียงแค่อยากเป็นหนึ่งในสักขพยานของงานเล็กๆ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชุมชนเราในครั้งนี้ พวกเขาจับกลุ่มกันเอง สั่งเบียร์ เดินซื้อกลับแกล้มจากรถด้านนอกร้านมานั่งคุยกันเองตามอัธยาศัย แม้จะดูไม่เข้าร่องเข้ารอยมากนัก ผมแสกนภาพทั้งหมดแล้วก็อดภูมิใจไปกันมันไม่ได้เช่นกัน.. นี่สินะ.. ภาพที่เราอยากเห็น มันกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว
และนี่คือภาพของความวุ่นวายบริเวณทางเข้างานที่เกิดขึ้นในวันนั้น…
![image](https://i.nostr.build/ZaE8.jpg)
หลังจากนั้นพี่ใหญ่ทั้ง 3 ท่านก็มาถึง พี่จิม, พี่เดชา ตามด้วยพี่ชิต ทั้ง 3 ท่านกับผมโผเข้ากอดกันจนมันกลายเป็นธรรมเนียมระหว่างเราไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องพูดกันมาก เราสื่อสารกันผ่านเจตนารมณ์และความรู้สึก พี่ชิตมาถึงเลทไปนิดหน่อยพร้อมกับยกมือขอโทษขอโพยทุกๆ คนกับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในช่องแรก.. ไม่มีใครโกรธพี่หรอกครับ การปรากฏตัวของพี่ทำให้ทุกสายตาจับจ้อง บรรยากาศในบริเวณนั้นกลับมามีชีวิตชีวากันอีกครั้ง ในเวลานั้นพี่ชิตคือไอดอลเบอร์ต้นๆ ที่ใครๆ ก็อยากเจอ ผมเดินเข้าไปพูดคุยรายละเอียดต่างๆ ที่พวกเราต้องรีบทำให้เสร็จก่อนแขกจะล้นกันไปมากกว่านี้
![image](https://i.nostr.build/OAlE.jpg)
![image](https://i.nostr.build/elB3.jpg)
![image](https://i.nostr.build/aePQ.jpg)
พี่เดชามีบุคลิกที่ชัดเด่นเห็นมาแต่ไกล หลายคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าไปทักทายแก แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับผม ผมเดินดุ่ยๆ เข้าไปสวมกอดในขณะที่พี่เดชาตั้งตัวยังไม่ค่อยทัน ผมไม่รีรอรีบชวนแกคุยทันทีแบบเนียนๆ ก่อนที่แกจะแจกหอยให้ผมเสียก่อน สรุปว่าผ่านไปได้ด้วยดี
![image](https://i.nostr.build/9P7Q.jpg)
ภาพบางส่วนเหล่านี้ที่คุณเห็นนี้ เป็นฝีมือของอาร์ม Notoshi (เป็นเหตุผลที่ผมหาภาพของคนสำคัญอย่างอาร์มในงานไม่เจอ) หะแรกที่เจอหน้าผมไม่รู้จะเรียกน้องว่าทรงอะไรดี แต่นี่คือเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูและดูเรียบร้อยมารยาทดีกว่าที่คิด ต่างจากผมที่ห่ามและเซอร์ได้ใจจนน้องๆ หลายคนแอบจะแขยงอยู่เหมือนกัน
หมอนิวเดินมากับน้องนิ่มในชุดสบายๆ ท่าทางเรียบร้อย สมกับเป็นพวกเค้า ทั้งคู่ให้เกียรติผมมาก ทุกวันนี้นับถือผมเป็นพ่อไปแล้ว หลายๆ ท่านเริ่มทะยอยกันเข้ามาในงาน ผมสังเกตุได้ถึงรอยยิ้ม เสียงพูดคุยกันเอะอะจอแจ บางท่านจับกลุ่มสนทนากันเองได้ บางท่านไม่ไปไหน เอาเก้าอี้มานั่งฟังพวก Right Shift กับพวกพี่ใหญ่เค้าคุยกัน พวกเค้าก็มีความสุขกันได้.. ก็แปลกดีอยู่เหมือนกัน ผมในตอนนั้นเริ่มเห็นภาพทุกอย่างเลือนลางเต็มทีแล้ว สติเริ่มโดนพรากไปจากตัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ๆ ๆ
![image](https://i.nostr.build/5gVZ.jpg)
![image](https://i.nostr.build/V7DA.jpg)
มันไม่แปลกที่จะมีบางคนสนุกไปกับบรรยากาศภายในงาน บางคนรู้สึกเหงาและต้องปลีกวิเวกไปนั่งในมุมเล็กๆ ของตัวเอง ก็นี่มันคือครั้งแรกที่สังคมของกลุ่มคนที่พยายามจะรักษา Privacy ต้องยอมออกมาเปิดเผยตัวตนและเจอหน้ากัน ณ สถานที่แห่งนั้นเราต่างไม่เคยมีใครรู้จักกัน เราไม่เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือเรากลับคุยกันได้อย่างถูกคอเมื่อใช้ภาษาเดียวกัน นั่นคือ ภาษาบิตคอยน์
![image](https://i.nostr.build/gW9Q.jpg)
![image](https://i.nostr.build/K6oy.jpg)
เวลาล่วงเลยมาจนตะวันคล้อย.. ในที่สุดพระเอกของงานก็เดินทางมาถึง ผมเดาว่า อ. ก็คงจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่จะได้เจอกับอะไรแบบนี้และคงจะนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่างานจะออกมาหน้าตายังไง (ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ด้านในก็เริ่มเละเทะกันแล้วล่ะ) ผมเดินออกไปรับ อ. ด้วยตัวผมเองถึงที่จอดรถ ผมอยากให้ทุกคนนึกภาพตามว่า.. นั่นคือครั้งแรกจริงๆ ที่เรา 2 คนได้เจอกัน คนที่ทำงานร่วมกันผ่านทางออนไลน์มาสักระยะหนึ่งแล้ว จับมือกันอย่างงงๆ จนเกิดเป็น Right Shift สำหรับ อ. แล้ว.. แกคงจะกังวลกับการเจอตัวเป็นๆ ของผมอยู่ไม่น้อย
ผมเป็นพวกหน้าด้านยกกำลังหมื่น ผมเดินไปถึงตัวและประครองมือโอบหลัง อ. ราวกับว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานแรมปี (ผมต้องการจะแกล้งแก) อ. ทำหน้าเลิ่กลั่กวางตัวไม่ค่อยถูก พยายามจะพูดอะไรสักอย่างกับผมเป็นการแก้เขิล แต่ขอโทษนะ.. ผมไม่ฟังหรอก ผมขาดสติไปมากแล้วในตอนนั้น อย่างมากก็เออออห่อหมกตามน้ำไปพอเป็นพิธี และกลิ่นละมุดตามตัวผมก็คงจะหึ่งเตะจมูกแกอยู่ไม่น้อย..
![image](https://i.nostr.build/R2DZ.jpg)
เรื่องของเรื่องก็คือผมไม่ต้องการให้ อ. วางตัวลำบาก ผมทำลายกำแพงตรงนั้นให้ อ. เรียบร้อยตั้งแต่นาทีแรกที่ลงจากรถ ผมคือคนขี้เมาเสียงโหวกเหวก ดูก้าวร้าว คงจะผิดจากภาพที่ อ. วาดไว้ไปพอสมควร แต่จะทำอะไรได้ล่ะ ลงเรือลำเดียวกันกับมันมาแล้วนี่ ฮ่าๆๆๆ
ในขณะที่ผมไม่ทานอะไรรองท้องเลยนอกจากเบียร์ อ.ตั๊ม แก้เขิลด้วยการไปซื้อกับแกล้มมาเป็นอย่างแรก หลังจากนั้นผมจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับ อ. ขี้เขิลผู้นั้นไปบ้าง ผมรุกเร้าทุกคนด้วยบทสนทนาอันคึกคักเพื่อให้บรรยากาศความสนิทสนมมันผ่อนคลาย
ใช่.. ผมมีนิสัยแบบนี้เอง ใครจะเกลียดกูก็ได้ แต่ทุกคนควรจะรักกัน.. ก็ถ้าพวกเราชาวบิตคอนเนอร์ไม่รักกันเอง แล้วพวกชิตคอยน์ที่ไหนมันจะมารักเราล่ะ?
![image](https://i.nostr.build/X7xB.jpg)
ในวันนั้นชุมชนของเรายังไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน Lightning Network กันมากนัก มันยังเป็นของใหม่สำหรับหลายๆ คน มันเลี่ยงไม่ได้ที่ผมพยายามจะหาวิธี Demonstrate ให้ทุกคนได้เห็นในความอัศจรรย์ของมัน ผมจำได้ว่าผมเล่นสนุกโอน Lightning ให้กันกับพี่เดชา กับ อ.ตั๊ม ไปมาอย่างเร่าร้อน โดยมีน้องๆ รุมเชียร์กันเฮฮาเสียงดังรอบโต๊ะ บรรยากาศคึกคักกันน่าดู ราวกับกลุ่มคนป่าเถื่อน และแน่นอน คนที่แหกปากเสียงดังที่สุดในกลุ่มก็น่าจะเป็นผมนี่แหละ.. จำได้ว่ามีคนแอบถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยนะ
![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1695979658760-YAKIHONNES3.jpg)
ผมมองไปรอบๆ งานที่ตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้ามาแออัดกันภายในตัวร้านแล้ว เสียงผู้คนสาดใส่กันไปมาอึกทึกครึกโครมจนเริ่มจับสำเนียงแทบไม่ได้ว่าใครเป็นใคร กลุ่มหนึ่งคาดหวังจะให้พวกเราซึ่งเป็นตัวหลักของงานกระจายกันออกไปนั่งตามโต๊ะต่างๆ เพื่อให้พวกเค้าได้สัมผัสบทสนทนากับเราบ้าง
แต่มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะโดยธรรมชาติแล้วมันคือพวกเรานี่แหละที่อยากเจอกันเองมากสุดๆ เราผ่านอะไรกันมาเยอะจนอยากจะบ้วนน้ำลายใส่กันได้ไม่ยอมหยุด ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวมีส่วนทำให้บางท่านรู้สึกผิดหวังจากความตั้งใจผมก็อยากจะขออภัยมา ณ ที่นี้จริงๆ ครับ
![image](https://i.nostr.build/mA9j.jpg)
ในตอนนั้นผมสังเกตเห็นได้ถึงความเอาจริงเอาจังและความตั้งใจของพิธีกรจำเป็นของเราอย่าง อ.ขิง ที่ได้รับมอบหมายจากผมให้ไปเตรียมตัวมาทำหน้าที่อะไรแบบนี้อย่างกระชั้นชิดพอสมควร ซึ่งผมคิดว่าขิงน่าจะทำได้ลุล่วงสบายๆ แม้เวทีจำลองที่เราจัดขึ้นพร้อมกับเครื่องเสียงที่ยังไม่สามารถสู้เสียงอื้ออึงภายในร้านได้ จะไม่อำนวยให้กับการดำเนินรายการสักเท่าไหร่นักก็ตาม ขิงเตรียมโพยคำถามมาราวกับว่าจะไปประกวดเวทีระดับโลก ผมเห็นครั้งแรกก็อึ้งไปเหมือนกัน ในใจก็พลางคิดว่า.. สบายแล้วกู นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเมาแบบไม่สนหินสนแดดใดๆ เลยในคืนนั้น เพราะผมเชื่อในทีมของผม ทีมของพวกเรา..
![image](https://i.nostr.build/EjlP.jpg)
หลังจากนั้นบนเวทีก็เวียนหน้ากันไปกล่าวบางอย่างพอเป็นพิธี ตัวผมเองได้กล่าวเปิดงานก่อนหรือเปล่านะ? เมาจนจำไม่ได้แล้ว ผมจำไม่ได้แล้วด้วยว่าผมพล่ามอะไรออกไปบ้าง จำได้ว่าแหกปากนะ ฮ่าๆ พี่จิม พี่ชิต อ.ตั๊ม พี่เดชา ทุกคนได้ลุกขึ้นมาจับไมค์กันจนครบ ผมแน่ใจว่าหลายคนคงจับสาระอะไรไม่ได้เท่าไหร่นัก เพราะเสียงในร้านมันดังมากจริงๆ หรือผมเมามากจนพาลไม่ได้ยินอะไรไปเอง?
![image](https://i.nostr.build/ZaG8.jpg)
![image](https://i.nostr.build/ko9O.jpg)
หากใครอยากรู้ว่าในคืนนั้น อ.ตั๊ม ได้พูดอะไรไปบ้าง คุณต้องไปดูกันเอาเองในคลิปนี้
https://youtu.be/-tJ_87rudzY?si=4Matbn6uaXoxtXMQ
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/-tJ_87rudzY?si=KeZJE2asZ-BvofZI" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen></iframe>
ภาพในหัวผมเริ่มหายไปบ้างแล้วหลังจากช่วงเวลานี้ ภาพต่อมาที่ยังปรากฏอยู่คือหลายคนเริ่มออกไปกินกันนอกร้าน เพราะพี่ใหญ่ทั้ง 4 ได้ออกไปเสวนากันด้านนอกแล้วนั่นเอง มันไม่ต่างอะไรกับวงไฮโลที่ทุกคนมุงดูไอดอลของตัวเองกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ มันไม่ใช่บทสนทนาที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ หาไม่ได้ง่ายๆ ทั้ง 4 คนมานั่งคุยกันอย่างเมามันส์หลังกระดกเบียร์กันไปคนละหลายแก้วแล้ว
![image](https://i.nostr.build/elY3.jpg)
![image](https://i.nostr.build/aeYQ.jpg)
![image](https://i.nostr.build/x6mG.jpg)
อ้อ… มันมีคนๆ นึงนั่งเนียนๆ อยู่ด้านหลังในภาพสุดท้ายนี่ด้วย เขาคือ "สมนึก" นั่นเอง สมนึกเป็นคนขี้สงสัยใคร่รู้ อยากจะถามผมทุกเรื่อง น่าจะอยากกวนตีนผมเป็นการแกล้งเล่นในตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ผมก็พร้อมจะอ้วกใส่หน้าตลอดเวลาเหมือนกัน ว่าแล้วต่างคนก็เลยต่างรอดกันไป
ยังไงผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ เพราะผมจำอะไรไม่ได้แล้วหลังจากนั้น ผมจำไม่ได้เลยว่านอกร้านคุยเรื่องอะไรกันไปบ้าง ที่ยังหลงเหลือในความทรงจำบ้างก็คงจะ…
- พี่จิมคุยมันส์มาก ใส่อารมณ์สุดเดือด มันส์ไปหน่อยจนทุบโต๊ะแก้วแตกไปใบนึง
- ทุกคนอยากให้มีการจัดงาน Bangkok Bitcoin Conference ดูมีความหวังและฮึกเหิมกันน่าดู พูดเสร็จก็หันมามองผมพร้อมๆ กัน (ตูอีกแล้วเหรอ?) นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งไอเดียงานคอนเฟอเรนซ์
- ด้านในขิงยังดำเนินรายการต่อไปกับกลุ่มของเจ้าต้า BeerZpot อัจฉริยะสมองเพี้ยนอีกคนและเพื่อนๆ อีกกลุ่ม มีการแจกของรางวัลกันเล็กๆ น้อยๆ
หลังจากนั้นหลายๆ คนก็ค่อยๆ เริ่มทะยอยกลับกันไปต่างคนต่างวาระ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเอง เพราะ อ.ตั๊ม น่าจะเกรงว่าอาจไม่ได้เจอผมอีกเป็นแน่ สมนึกและ อ.ตั๊ม คือสองคนที่อาสาลากผมไปแหมะไว้ที่โรงแรมด้วยตัวเอง ผมถาม อ. ว่ารู้สึกยังไงบ้าง ..
"สนุกดีนะ.. " ตามด้วยอะไรสักอย่าง.. รวมๆ คือน่าจะรู้สึกดีนั่นแหละที่นานๆ ได้ออกจากบ้านที เมื่อถึงที่หมายเราก็ร่ำลากันไป โดยไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมานับจากนั้น
ใครจะคิดว่าคนเมาๆ ที่เดินโซซัดโซเซลงจากรถเหมือนจะรอดไม่รอดแหล่ในคืนนั้น มันจะกลายเป็นคนบ้าที่ลากทุกคนมาไกลจนถึงวันนี้..
ว่าแต่… ทำไมคนเมาเละเทะถึงจำอะไรได้มากขนาดนี้กันนะ..
-----------
- ใครอยู่ในงานคืนนั้นบ้างครับ มาเล่าความทรงจำสู่กันฟังหน่อยเร็ว
- มีใครอยากเห็นบรรยากาศแบบนั้นเกิดขึ้นอีกไหม แต่คราวนี้ผมไม่ขอเป็นตัวตั้งตัวตีอีกแล้วนะ เหนื่อยเหลือเกิน 555+ ฉลอง Halving หน้ากันดีไหมพวกเรา?