-
@ Just So Be It
2025-03-21 12:37:28เสียงตะโกนของ “อิทัปปัจจยตา”
ทุกอย่างตะโกนคำว่า “อิทัปปัจจยตา” อยู่ตลอดเวลา
“ท่านทั้งหลายนั่งอยู่ที่นี่ แต่ไม่ได้ยินเสียงตะโกนที่ดังลั่นไปหมดของธรรมชาติว่า ‘อิทัปปัจจยตา’ เสียงตะโกนของอิทัปปัจจยตา คือการร้องบอกร้องตะโกนว่า ‘เพราะมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น’ หมายความว่า ท่านต้องดูลงไปที่ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเราในเวลานี้ว่า ทุกสิ่งกำลังเป็นอิทัปปัจจยตา หรือเป็นไปตาม ‘กฎอิทัปปัจจยตา’”
ต้นไม้ต้นนี้มีความเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ไม่มีอะไรมาต้านทานได้ ถ้าเราเข้าใจข้อเท็จจริงที่กำลังเป็นอยู่กับต้นไม้ เราจะเหมือนได้ยินมันตะโกนบอกว่า “อิทัปปัจจยตา” ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น มันเพียงบอกว่า “เมื่อมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น”
ต้นไม้ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น มันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ใบไม้ทุกใบก็บอกอย่างนั้น คงเป็นเสียงที่ดังเหลือประมาณว่า ใบไม้ทุกใบร้องตะโกนว่า “อิทัปปัจจยตา”
ผู้มีปัญญาและเข้าใจหัวใจของพระพุทธศาสนา จะไปนั่งอยู่ที่ไหนก็ได้ยินเสียงตะโกนว่า “อิทัปปัจจยตา” สนั่นหวั่นไหวไปหมด นี่พูดถึงแค่ต้นไม้ต้นเดียว ถ้าเป็นต้นไม้จำนวนมากก็เป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อมองไปที่ก้อนหิน ก้อนหินก็เป็นเช่นเดียวกัน อนุภาคของมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ก้อนหินที่เราเห็นอาจเกิดขึ้นมาเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว จนมันแตกสลายและถูกทำให้มาอยู่ตรงนี้ มันจึงกล่าวว่า “อิทัปปัจจยตา” เพราะมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย ฉันจึงมานั่งอยู่ที่นี่
ทุกอย่างตะโกนคำว่า “อิทัปปัจจยตา” ตลอดเวลา
- ต้นไม้ เม็ดกรวด เม็ดทราย มด แมลง สัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์เอง
- แม้แต่ร่างกายของเราเองก็ตะโกนบอกถึงอิทัปปัจจยตา
แม้เราจะเคยได้ยินคำว่า “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” อาการของสิ่งเหล่านี้ยิ่งสะท้อนถึงอิทัปปัจจยตาอย่างชัดเจน
ดังนั้น เราต้องทำความเข้าใจจนซึมซาบอยู่ในใจ จนรู้สึกว่าไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ก็เห็นถึงภาวะของ อิทัปปัจจยตา ได้ยินเสียงของมัน หรือแม้แต่สัมผัสผ่านการดมกลิ่นและลิ้มรส
เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ จะสามารถเรียกผู้นั้นว่า ‘เป็นพุทธบริษัทผู้เห็นธรรม’
สามารถเห็นกิเลสและทุกข์ แล้วป้องกันหรือกำจัดกิเลสและทุกข์ให้น้อยลงไปได้มากทีเดียว— พุทธทาสภิกขุ
(จากหนังสือธรรมบรรยาย “อิทัปปัจจยตา” หน้า 131–133)
อิทัปปัจจยตา: กฎอันเฉียบขาดตลอดจักรวาล
https://image.nostr.build/abc776213ec6371da681aa5766390f67e1ae97dc1d7157774e02eb93d1f21f56.jpg
“อิทัปปัจจยตา” เป็นกฎของธรรมชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
คำว่า “อิทัปปัจจยตา” อาจเป็นคำที่ไม่คุ้นหู แต่ขอให้สนใจ เพราะมันเป็นกฎของธรรมชาติที่แน่นอนตลอดจักรวาลและอนันตกาล
- สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะมีเหตุปัจจัยนี้
- สิ่งนี้มี เพราะสิ่งนี้มี
- ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตามกฎของ “อิทัปปัจจยตา”
เมื่อทำสิ่งนี้ มันต้องเกิดสิ่งนั้นขึ้น
เมื่อทำสิ่งนี้ มันต้องเกิดทุกข์ขึ้น
เมื่อทำสิ่งนี้ มันต้องเกิดความดับทุกข์ขึ้นนี่คือปรมัตถธรรมอันสูงสุด ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีพระเจ้าที่เป็นตัวตน
มีเพียง กฎอิทัปปัจจยตา ที่เป็นกฎของธรรมชาติอันเฉียบขาดพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็คือ ตรัสรู้เรื่อง “อิทัปปัจจยตา”
เรามักเรียกกันว่า “ปฏิจจสมุปบาท” ซึ่งหมายถึงเฉพาะเรื่องทุกข์ของสิ่งมีชีวิต แต่ “อิทัปปัจจยตา” กว้างขวางกว่านั้น ทุกสิ่งไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตล้วนตกอยู่ใต้อำนาจของกฎนี้
กฎของอิทัปปัจจยตาไม่ใช่ฝ่ายบวกหรือฝ่ายลบ
- ไม่ใช่ Positive
- ไม่ใช่ Negative
- เป็น “สายกลาง” ของมันเองคนเราต่างหากที่ไปบัญญัติว่า “นี่คือสุข นี่คือทุกข์ นี่คือแพ้ นี่คือชนะ”
แต่แท้จริงแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามอิทัปปัจจยตาความเข้าใจในปรมัตถธรรมต้องไปให้ถึงจุดนี้
- จนไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล
- ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
- แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลย และก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่ตายตัว
ทุกอย่างเป็นเพียง กระแสของการเปลี่ยนแปลงและปรุงแต่ง
เมื่อเข้าใจถึงจุดนี้ จึงจะรู้อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ และดับทุกข์ได้
นี่คือสิ่งสูงสุดที่ต้องเคารพ คือ กฎของ “อิทัปปัจจยตา”— พุทธทาสภิกขุ
(จากธรรมบรรยายประจำวันเสาร์ ภาคอาสาฬหบูชา ชุด “ฟ้าสางระหว่าง 50 ปีที่มีสวนโมกข์” ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2526 ณ ศาลามหานาวา สวนโมกขพลาราม จากหนังสือ “ธรรมานุภาพ”)