-
@ HereTong
2025-06-05 02:42:04ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา… มีบริษัทหน้าใหม่จากสหรัฐอเมริกาที่ชื่อไม่คุ้นหู แต่เสียงเงียบๆ ของมันดังไปถึงหูนักลงทุนรายใหญ่ระดับโลก ชื่อของมันคือ Motif FoodWorks
มันไม่ได้มาพร้อมคำสัญญาว่าจะเลี้ยงวัวด้วยดนตรีบำบัด แต่มาพร้อม “ความทะเยอทะยานทางวิทยาศาสตร์” ที่จะเปลี่ยนวิธีที่โลกกินไปตลอดกาล ไม่ใช่ด้วยรสมือคุณยาย แต่ด้วยสารเคมี วิศวกรรมชีวภาพ และเงินลงทุนที่แทบมองไม่เห็นก้นถุง
Motif FoodWorks ก่อตั้งในปี 2019 ในฐานะบริษัทลูกของ Ginkgo Bioworks ซึ่งเป็นบริษัทไบโอเทคชื่อดังจากบอสตัน วิสัยทัศน์ของ Motif คือการ “ออกแบบอาหารใหม่จากศูนย์” โดยไม่ต้องพึ่งพิงวัตถุดิบจากสัตว์เลย พวกเขาใช้เครื่องมือระดับห้องแล็บสร้างส่วนผสมใหม่ๆ เช่น… HEMAMI™ สารรส “อูมามิ” ที่ผลิตจากยีสต์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้สร้างโมเลกุล heme (แบบเดียวกับในเลือดสัตว์) APPETEX™ โปรตีนจากพืชที่ถูก “ทำให้เด้ง” เหมือนเนื้อสัตว์ ด้วยเทคนิคทางชีววิทยาโมเลกุล
มันคือการพยายามตอบคำถามว่า “จะทำอย่างไรให้ของที่ไม่ใช่เนื้อ…มีรสชาติเหมือนเนื้อ?”
เงินลงทุนรอบ Series A ของ Motif ทะลุ 200 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ปี ลงทุนโดยกองทุนสายเทคโนโลยีและ VC รายใหญ่ รวมถึงบริษัทผลิตอาหารรายใหญ่ระดับโลกที่เฮียคุ้นชื่อ แต่ที่น่าสนใจว่า ลูกค้ารายใหญ่ของ Motif กลับไม่ใช่ผู้บริโภคโดยตรง แต่เป็น บริษัทผลิตอาหาร “ทางเลือก” รายอื่นๆ ที่ต้องการสารปรุงแต่งใหม่ๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ให้ดูน่ากินขึ้น
ถ้า Impossible Foods คือร้านอาหาร Motif FoodWorks คือโรงงานผลิต “เครื่องปรุง” ที่จะทำให้ร้านอื่นๆ ทำอาหารเลียนแบบเนื้อได้อร่อยขึ้น มันคือ “เคมีแห่งความอร่อย” ที่ขายเป็น B2B ไม่ใช่ B2C ฟังดูแล้วเหมือนจะดีกับโลกไม่ต้องฆ่าสัตว์แต่ยังได้รสเนื้อ แต่คำถามคือ…
“ถ้าเราสร้างรสชาติที่เหมือนเนื้อจากยีสต์ดัดแปลงพันธุกรรม แล้วให้คนกินมันคือความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ หรือการทดลองที่ไม่มี IRB?”
Motif FoodWorks ใช้เทคโนโลยีเดียวกับหลายบริษัทในสาย Bioengineered Food เช่น CRISPR, precision fermentation, synthetic biology โดยเฉพาะ HEMAMI™ ที่หลายคนในวงการตั้งคำถามเรื่องความปลอดภัยระยะยาว และผลกระทบต่อ gut microbiome แม้จะผ่านการรับรอง GRAS (Generally Recognized As Safe) จาก FDA แต่ “ความปลอดภัย” กับ “ความเหมาะสม” มันเป็นคนละเรื่อง
การเปลี่ยนเนื้อให้เป็นสารสกัดการออกแบบรสชาติด้วยโมเลกุลมันคือแนวคิดเดียวกับที่ Ultra-Processed Food ใช้ในการสร้างน้ำอัดลมที่มี “กลิ่นมะนาว” โดยไม่มีมะนาวเลยแม้แต่นิด
Motif จึงไม่ต่างอะไรกับการ “รีแบรนด์ของให้ดูไฮเทค” หรืออีกนัยหนึ่งคือการเอาวิทยาศาสตร์ไปสร้างรสชาติ เพื่อให้ “ของที่ไม่ใช่” ดูเหมือน “ของที่ใช่”
และสิ่งนี้อาจเป็นอาวุธที่ทำให้มนุษย์ยิ่งห่างจาก real food แบบไม่รู้ตัว
การเกิดขึ้นของ Motif ไม่ใช่ความบังเอิญแต่มันคือชิ้นส่วนหนึ่งในเกมของ Big Food ที่กำลังพยายามออกแบบ “อาหารแห่งอนาคต” ไม่ใช่เพื่อสุขภาพ แต่เพื่อ ต้นทุน ความควบคุม และการขยายสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา เพราะเมื่ออาหารถูกออกแบบด้วยสูตรที่จดสิทธิบัตร บริษัทจะสามารถเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้ เหมือนที่ Microsoft เก็บเงินจากทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลง Windows
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเราก็ทำความรู้จัก future food มาด้วยกันพอสมควรแล้ว ประเด็นของ Motif นั้นมันทำให้เรารู้ว่า ในฝูงของนักล่า เขาไม่ได้แบ่งชิ้นเนื้อกันครับ การเป็นจ่าฝูงของนักล่า มันห้ำหั่นกันแบบเจ้าหมาป่ากันในแบบที่ สมันเหยื่อแบบพวกเรา รอวันโดนขย้ำเท่านั้น แล้วจะมาเล่าให้พรุ่งนี้ครับ
สำหรับวันนี้ ถ้าอยากเห็นสิ่งที่ Motif ทำไว้สามารถดูได้คลิปนี้ https://youtu.be/zZeRIVK6dDI?si=PYliM0v-9kj_sRE4 #pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก #siamstr