-
![](https://image.nostr.build/08e42e5d516c0bc821fe3e21dcb64dd933f82e6d8b58575384fb9a60ea101e80.jpg)
@ Jakk Goodday
2023-10-20 06:12:57
ความพึงพอใจที่เกิดขึ้นเองอย่างเสรีกำลังกลายเป็น "**Culture shock**" สำหรับผู้มาใหม่บน Nostr
ผมอาจใช้คำรุนแรงเกินไปหน่อย ขอเปลี่ยนจาก Shock เป็น "**Impress**" (ประทับใจ) ก็แล้วกันนะครับ :)
ผมกำลังพูดถึงวัฒนธรรมการโน๊ตทักทายกันยามเช้าของชาวตรู่ #siamstr (แฮชแท็กหลักของผู้ใช้ Nostr ชาวไทย) ที่เขียนกันสั้นๆ เพียงแค่ "**GM**" แต่กลับมีพลังและมอบคุณค่าอันลึกซึ้งให้แก่กันได้อย่างน่าประหลาดใจ..
### "GM | "GN #Siamstr"
GM (Good morning) มันกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่บนสังคมแห่งนี้ไปแล้ว จนผู้มาใหม่ต่างประหลาดใจ ถึงขั้นถามผมว่า มันคืออะไร ? เลยก็มี
ในอดีตการกระทำในลักษณะนี้เรามักจะเห็นตาม **"กลุ่มไลน์ สว."** ที่มักส่งภาพดอกไม้สวยๆ ให้กันพร้อมคำกล่าว สวัสดีวันจันทร์, อรุณสวัสดิ์วันพุธ ฯลฯ
เราไม่เคยเข้าใจว่าผู้ใหญ่ท่านทำอะไรกัน?
พวกท่านทำเรื่องแบบนี้ไปทำไม?
เราไม่เคยเข้าใจ.. จนกระทั่งเรากลายเป็นผู้ที่อยากทำมันด้วยตัวเอง และมันเป็น "**ความอยาก**" ที่พวกเราเองก็แทบไม่รู้ตัว
ตามความเห็นของผม..
สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเรา "**มีความสุข**" และ "**มีความปรารถนาดี**" ที่จะส่งมอบ "**ความสุข**" นั้นไปยังคนอื่นๆ
เราต่างรู้กันดีว่า.. มันไม่จำเป็นต้องเขียนโน๊ตยาวๆ (แบบ Jakk Goodday) เพื่อสร้างคุณค่า เรารู้สึกแค่เพียงว่า..
> เราแค่อยากทักทายใครสักคนในยามเช้าด้วยเพียงรอยยิ้ม
เราไม่ได้มีอะไรอยากเขียนเป็นพิเศษ เราแค่อยากกล่าวทักทายกับเพื่อนๆ กับคนที่เรารู้สึกดี เมื่อได้รู้จักหรือมีปฎิสัมพันธ์กับพวกเขา
มันน่าจะแค่นั้นเอง..
มันกี่ปีมาแล้วล่ะ? ที่พวกเรามักต้องเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วย "**พลังลบ**"
เริ่มต้นทุกวันด้วยเรื่องราวดราม่าที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับตัวเอง พลังลบๆ ที่ผู้คนมากมายต่างสาดเข้าใส่กันบนสังคมออนไลน์เดิมๆ ที่เราก็เริ่มสะอิดสะเอียน
เราลึกๆ ล้วนถวิลหาความสุขกันอย่างง่ายๆ มาโดยตลอด
เพียงแต่เรานั้นอาจยังไม่รู้ตัว..
หรือแม้นจะรู้ตัว ก็ไม่รู้ว่าจะหามันได้จากที่ไหน..
ความปรารถนาของปัจเจกมากกว่าร้อยคนนี้ ได้หลอมรวมกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่แห่งความสุขบน Nostr มันทำให้พวกคุณรู้สึกกันอย่างไร?
คุณเขียนบรรยายมันออกมาเองได้ดีกว่าผมเขียนให้อย่างแน่นอนครับ..
![](https://i.nostr.build/PQM5.png)
### การปรับสมดุลของตลาดเสรี
เมื่อผู้คนเริ่มส่งความสุขให้แก่กันผ่าน GM/GA/GN มากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนโน๊ต GM จะมากจนกลายเป็นภาระในการตอบสนองของใครหลายๆ คน
มันคงเป็นเรื่องยาก.. สำหรับคนที่มีช่วงเช้าอันเร่งรีบและมีเวลาให้หยิบจับมือถือน้อยเหลือเกินเมื่อกำลังเริ่มต้นวันใหม่ ไม่ต้องนึกถึงคนอื่นคนไกล ผมคนหนึ่งแหละที่เป็นแบบนั้น
ผมอยากจะนั่งลงพร้อมกาแฟอุ่นๆ และละเมียดละไมไปกับการกล่าวทักทายเพื่อนๆ แต่ละคนเพื่อน้อมรับเอา "**พลังบวก**" ก่อนออกไปสู้ชีวิต
แต่มันคงทำแบบนั้นทุกวันไม่ได้จริงๆ
ผมเองก็พยายามเข้าใจเรื่องนี้ และไม่คาดหวังสิ่งใดเมื่อตัวเองเลือกจะโน๊ต GM เหมือนคนอื่นๆ
ผมขอแค่ให้ใครๆ ได้เห็นว่าผมตื่นเช้าขึ้นมากล่าวทักทายพวกเขา แม้จะไม่มีการตอบกลับจสกใครๆ จะแค่กดอิโมจิ กด Zap หรือแค่ "**เห็นมันผ่านตา**" ผมก็พอใจแล้ว
สิ่งนี้กำลังจะอธิบายเกี่ยวกับกลไกตลาดเสรีได้อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อ "**อุปทาน**" (หรือ Supply - ในที่นี้คือจำนวนโน๊ต GM) มันเริ่มล้นจนไม่พอดีกับ "**อุปสงค์**" (หรือ Demand - ในกรณีนี้คือ ความต้องการที่จะตอบสนองโน๊ต GM ยามเช้าๆ หรือความสะดวกที่จะตอบสนองมัน)
ตลาดจะเริ่มทำการปรับสมดุลไปเองตามธรรมชาติ..
ผมอยากเชิญชวนทุกท่านให้พยายามทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ หรือความท้อแท้เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองบางอย่างจากตลาด หรือเพียงรู้ไว้ใส่บ่าก็เกิดเป็นคุณค่าได้แล้ว..
![](https://i.nostr.build/Q6xv.png)
ผมขอชวนทุกท่านมาลองปรับใช้แนวคิดกันเล่นๆ สนุกๆ มาลองดูกลไกการปรับสมดุลของตลาดเสรีตามหลักการและแนวคิดของเศรษฐศาสตร์ออสเตรียนกันครับ
### สัญญาณราคา
ในตลาดเสรี "**ราคา**" ของสินค้าและบริการจะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึง "**ความขาดแคลน**" (Over demand) หรือ "**ความอุดมสมบูรณ์**" (Over supply) ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้บริโภคมักจะทำการตอบสนองต่อสัญญาณดังกล่าว
ในกรณีของเรา..
การโน๊ต GM ไม่ใช่สินค้าหรือบริการที่เราจะสามารถนิยามมันได้อย่างตรงไปตรงมา
"**ราคา**" ของมันคงเกี่ยวข้องกับ "**คุณค่า**" ที่ผู้บริโภค (ผู้อ่าน) จะตอบสนองหรือมอบให้กับโน๊ตนั้น
หากเปรียบเทียบว่าโน๊ต GM นั้นมีราคาแพง ก็คงจะเห็นได้จากปฏิกิริยาการตอบรับจากตลาดที่ผู้ใช้ "**จ่ายคุณค่า**" ของตนให้กับโน๊ตนั้นๆ นั่นเอง..
"**ราคาที่เพิ่มขึ้น**" จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้กับ "**ผู้ผลิต**" (หรือใครก็ตามที่กำลังอยากเขียนโน๊ต GM) ได้เล็งเห็นว่า.. มันมีโอกาสที่จะเพิ่มหรือนำเสนออุปทานที่ตลาดจะให้ราคาที่ดี
สัญญาณราคานี้เองที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยปรับสมดุลให้กับตลาดเมื่อเวลาผ่านไป..
### การค้นพบของผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการในที่นี้ หมายถึง "**ผู้เขียนโน๊ต**" ซึ่งรวมถึงผมและพวกเราทุกคนด้วย
ผู้เขียนโน๊ตมีบทบาทสำคัญในการ "ระบุ" และ "ตอบสนอง" ต่อความไม่สมดุลของ demand-supply
ผู้เขียนโน๊ตที่มี "ความ**++สามารถในการรับรู้โอกาสทางการตลาด++**" จะจัดสรรทรัพยากร (องค์ความรู้, ความคิด, ความเห็น, เวลา ฯลฯ) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค (หรือผู้อ่าน) หรือคว้าเอาโอกาสทางการตลาดนี้ หากเห็นว่ายังไม่มีผู้ใดนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ดังนั้น "**ครีเอเตอร์**" ที่มีความชำนิชำนาญ ที่อาจนิยามตัวเองว่าเป็นครีเอเตอร์มาจากที่บ้าน หรือท่านที่อาจไม่รู้ตัวเองว่าได้กลายเป็นครีเอเตอร์แล้ว มักจะตอบสนองต่อสมดุลอุปสงค์-อุปทานในตลาดได้อย่างชาญฉลาด และมักทำได้อย่างดิบดีสอดคล้องไปกับทิศทางลม
### กำไรและขาดทุน
กลไกตลาดเสรีมักจะพึ่งพา "**กำไร-ขาดทุน**" ในการนำทางการจัดสรรทรัพยากร
"**กำไร-ขาดทุน**" ในกรณีของเราไม่ใช่ กำไรที่ได้จากการ Zap ซึ่งคิดเป็นเงินในหน่วย Sats อะไรแบบนั้น..
เพราะทีนี่ เราไม่มีใครโน๊ตเพื่อหวังรวยจากการได้รับ Sats เราไม่ได้ค้ากำไรผ่านการโน๊ตกันอย่างบ้าเลือดขนาดนั้น
"**กำไร**" ตามมุมมองผม เป็นเรื่องของ "**คุณค่า**" ที่เราจะได้รับเป็นการตอบแทนมาจากเหล่าผู้อ่าน เช่น เวลาที่ผู้อ่านสละให้กับโน๊ตเรา (แทนที่จะไปทำอย่างอื่น), คำขอบคุณหรือความพึงพอใจในทุกรูปแบบของผู้อ่านผ่านการ Zap, Comment, Reaction, Repost, ถูกกล่าวถึง, เกิดการถกเถียงต่อ ฯลฯ
เหล่านี้แหละคือกำไรของผู้เขียนโน๊ต
"**ขาดทุน**" ก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา
ผมจะยกตัวอย่างจากตัวผมเอง ที่เสียสละเวลาในการค้นคว้า เรียบเรียง นั่งกดมือถือพิมพ์ยิกๆๆ เพื่อเขียนโน๊ตยาวๆ
แต่หากมันไม่ได้รับความสนใจ หรือไม่ได้รับคุณค่าตอบกลับมาเลย มันก็เปรียบได้กับการลงทุนลงแรงไปแล้วแต่กลับขาดทุน
ผมจะถูกกระตุ้นจากตลาดให้นำทรัพยากรของตนไปใช้ในกิจกรรมที่ทำให้เกิดผลกำไรมากขึ้น (เอาเวลามาขยันโน๊ตยาวๆ)
ในทางกลับกันหากขาดทุน ผมก็คงผลิตโน๊ตยาวๆ น้อยลงนั่นเอง
ดังนั้นเมื่ออุปทานมากกว่าอุปสงค์ (โน๊ตยาวๆ มีมากจนเต็มคอมมูฯ มากเกินกว่าความต้องการอ่านหรือเกินเวลาที่ผู้อ่านจะอ่าสกันได้ทัน) "**ราคา**" ของโน๊ตยาวๆ ก็จะร่วงลงมา แรงจูงใจของคอมมูในการสร้างสรรค์โน๊ตยาวๆ ก็จะลดลง
### การแข่งขัน
การแข่งขันกันในตลาดเสรีจะส่งเสริมประสิทธิภาพของตัวคอนเทนต์และนวัตกรรมใหม่ๆ
โดยผู้เขียนโน๊ต (ผู้ผลิต) จะพยายามตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค (ผู้อ่าน) ในราคาที่ตนยังสามารถแข่งขันได้ (ทรัพยากรที่ต้องจ่ายไปในการแข่งขันจนได้รับผลตอบแทนที่ตนเองพึงพอใจ)
กลุ่มผู้ผลิตเหล่านี้จะพยายามหาวิธีการปรับปรุงพัฒนาคอนเทนต์ของพวกเขา (ทั้งแบบตั้งใจและไม่แบบไม่รู้ตัว) เพิ่มหรือสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ ผลิตเนื้อหาแนวใหม่ๆ ออกมานำเสนอ, พัฒนากระบวนการผลิต (เขียน) เพื่อลดต้นทุน (ทรัพยากรที่ต้องจ่าย) และเพิ่มคุณภาพให้กับเนื้อหา
สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมความแข็งแกร่งของการแข่งขันภายในตลาดโดยไม่จำเป็นต้องมองคู่แข่งรายใดเป็นศัตรู แต่เป็นความท้าทายส่วนบุคคลในการยกระดับคุณค่าของเนื้อหาในภาพรวม ซึ่งจะกลายเป็นประโยชน์ต่อทุกคนภายในคอมมูนิตี้
> #### ทั้งหมดที่ผมว่ามานี้ เป็นกลไกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องมีการกำกับดูแลหรือแทรกแซงแนวทางโดยหน่วยงานใดๆ เลยแม้แต่น้อย
---
ความเข้าใจเหล่านี้ กำลังแสดงให้พวกเราได้เห็นว่า "**ตลาดเสรีนั้นมีการวิวัฒน์ตัวเอง**" มันมุ่งหวังจะบรรลุในสมดุลและปรับสมดุลตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นการแสวงหาความพอดีระหว่างอุปสงค์และอุปทานที่ดำเนินไปเองตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องมีใครเข้ามาแทรกแซง
การปรับการตอบสนองตามเงื่อนไขและความต้องการที่เปลี่ยนไปนี้ ก็เพื่อจุดมุ่งหมายในการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพของแต่ละบุคคล
ทุกคนล้วนต้องการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้อ่านหรือผู้เสพคอนเทนต์ให้ได้มากที่สุด และมีผลไปผลักดันส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของตลาดเสรีแห่งนี้ไปโดยปริยาย
จะเห็นได้ว่า ตามกลไกตลาดเสรีนั้น ดูเหมือนผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจะกลายเป็น "**ผู้บริโภค**"
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีและเราอยากให้เกิดขึ้นไม่ใช่หรือ?
---
![](https://i.nostr.build/6qzK.png)
เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบ คุณจะเข้าใจกลไกตลาดเสรีในแง่ของการปรับสมดุลตัวเองมากขึ้น คุณจะเข้าใจทุกๆ ความเป็นไปที่เกิดขึ้นภายในชุมชน
ทำไมบางคนโน๊ตอะไรก็ดีไปหมด?
ทำไมบางคนโน๊ตอะไรไปก็เหงาๆ เงียบๆ ?
ทำไมช่วงนี้คนโน๊ตแบบนี้กันเยอะ?
โน๊ตบางประเภทที่เคยฮิตๆ กันมันหายไปไหน?
สิ่งเหล่านี้มักจะมี "**invisible hand**" มาคอยผลักดันให้เกิดขึ้น เราจะไม่รู้สึก Spaculate คาดการณ์อะไรใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะแค่ทำตัวให้พลิ้วไหวไปตามแรงลมเราก็มีความสุขกันได้ง่ายๆ แล้ว ไม่ต้องไปพยายามหรือซีเรียสกับเรื่องอะไรกันมากขนาดนั้น
> เพราะคำตอบสำหรับบางคำถามก็ไม่ได้มีคุณค่าเสมอไป
อย่าเสียเวลากับมันเลย..
ปล่อยให้ธรรมชาติมันขับเคลื่อนตัวมันเอง
และเราก็แค่นั่งลง จิบกาแฟ ดื่มด่ำ
เฝ้ามองดูมันกันอย่างเพลิดเพลิน
สวัสดีแดดเปรี้ยงๆ #siamstr
G อะไรดี?