
@ maiakee
2025-06-01 08:07:18
https://image.nostr.build/42675ef50ab63179914449a30501a845587c1cd60bdbc19cbf7decfc9aaabd40.jpg
ภาพนี้เป็นข้อมูลการวิเคราะห์การกระจายตัวของอุปทาน Bitcoin (Circulating Supply) ณ ปัจจุบัน โดยแสดงทั้งในรูปแบบตารางและกราฟแท่ง เพื่อให้เห็นสัดส่วนของการถือครอง Bitcoin แยกตามกลุ่มต่าง ๆ อย่างชัดเจน เราจะวิเคราะห์แต่ละส่วนอย่างละเอียดด้านล่าง:
⸻
🟩 1. Circulating Supply (อุปทานหมุนเวียน): 19,860,000 BTC (100.15%)
• ตัวเลขนี้ดูเหมือนจะสูงกว่า 100% เล็กน้อย (100.15%) อาจเกิดจากการปัดเศษหรือข้อมูลทางเทคนิค
• หมายถึงจำนวน Bitcoin ที่ขุดขึ้นมาแล้วและอยู่ในการหมุนเวียนของตลาด
⸻
⚫ 2. 7 Year+ Last Active: 6,081,471.90 BTC (30.62%)
• Bitcoin เหล่านี้ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยเป็นเวลา 7 ปีขึ้นไป
• เป็นสัดส่วนที่สูงมาก แสดงถึง:
• Bitcoin ที่สูญหายไปถาวร (เช่น ลืมรหัส, private key หาย)
• Hodlers ระยะยาว (Diamond Hands) ที่ไม่ขายเลยแม้ในช่วงราคาสูง
⸻
🟢 3. Active in 7 Years: 13,778,528.10 BTC (100% ของ Supply ที่ใช้งานได้)
• หมายถึง Bitcoin ที่มีการเคลื่อนไหวหรือถูกใช้งานภายใน 7 ปีที่ผ่านมา
• จากกลุ่มนี้จะเป็นฐานสำหรับการวิเคราะห์ Supply Breakdown ว่าถูกครอบครองโดยใครบ้าง
⸻
🟦 Supply Breakdown (ในกลุ่ม Active Supply 13.77M BTC)
⸻
🟡 4. ETF (Exchange-Traded Funds): 1,369,047 BTC (9.94%)
• เป็นการถือครองของกองทุนที่จดทะเบียนเช่น BlackRock, Fidelity, Grayscale ฯลฯ
• จุดเด่น:
• เป็นทางเข้าของสถาบัน
• มีผลต่อการ “ล็อกเหรียญ” จากตลาดเปิด
• มีผลต่อราคาหาก ETF เติบโตต่อเนื่อง
⸻
🔵 5. Public Companies: 796,008 BTC (5.78%)
• บริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin บนงบดุล เช่น MicroStrategy, Tesla, Square
• เป็นสัญญาณของการยอมรับ Bitcoin เป็น “สินทรัพย์สำรอง”
⸻
🔷 6. Private Companies: 286,303 BTC (2.08%)
• บริษัทเอกชนที่ไม่จดทะเบียน เช่น Block.one, Stone Ridge
• เป็นกลุ่มที่อาจจะ HODL แบบระยะยาวเช่นกัน
⸻
🟣 7. Countries (ประเทศ): 527,743 BTC (3.83%)
• เช่น El Salvador, ประเทศอื่นที่อาจสะสมในนามของธนาคารกลางหรือกองทุนความมั่งคั่ง
• หากมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนประเทศที่ถือ BTC จะเป็นสัญญาณเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการเงินใหม่ที่ Bitcoin เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
⸻
🔶 8. BTC Mining Companies: 99,863 BTC (0.72%)
• เป็น Bitcoin ที่ถูกถือครองโดยบริษัทขุด เช่น Marathon, Riot
• สัดส่วนค่อนข้างน้อย แสดงถึงการเทขายเพื่อจ่ายค่าไฟ/ลงทุนต่อในเครื่องขุด
⸻
🔺 9. DeFi Platforms: 221,242 BTC (1.61%)
• BTC ที่ถูก “wrapped” หรือเชื่อมโยงกับระบบ DeFi เช่น WBTC บน Ethereum
• เป็นตัวชี้วัดการใช้งาน BTC ในโลกของ smart contracts และ decentralized finance
⸻
🔴 10. Individuals: 10,478,322 BTC (76.05%)
• กลุ่มนี้ใหญ่ที่สุด แสดงว่าคนทั่วไป (รวมถึง whales และ plebs) ยังครอบครอง BTC ส่วนใหญ่
• เป็นสัญญาณบวกที่ว่า Bitcoin ยังเป็นของประชาชน ไม่ได้ผูกขาดโดยรัฐหรือสถาบัน
⸻
📊 ข้อสรุปเชิงลึก:
1. การรวมศูนย์ต่ำมาก:
• แม้จะมีการถือครองโดย ETF และสถาบัน แต่สัดส่วน 76.05% ยังอยู่กับบุคคลธรรมดา
• บ่งบอกว่า Bitcoin ยังไม่สูญเสียจิตวิญญาณ “กระจายศูนย์”
2. Supply Shock รออยู่:
• 30% ของเหรียญทั้งหมดหายไปจากตลาด (Inactive >7 ปี)
• 10% อยู่ใน ETF (อาจไม่กลับเข้าสภาพคล่องอีก)
คำถาม:
“แล้วทำไมประเทศมหาอำนาจถึงต้องเล่นตามเกม Bitcoin?”
คำตอบแบบลึกและกระชับ:
⸻
🌍 เพราะ Bitcoin คือ Game ที่พวกเขา ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
⸻
❶ เพราะ Bitcoin ไม่ขึ้นตรงกับอำนาจใด
• ประเทศมหาอำนาจ (เช่น สหรัฐฯ จีน EU) ควบคุมระบบการเงินโลกผ่าน:
• 💵 ดอลลาร์สหรัฐ
• 🏦 ธนาคารกลาง
• 💣 ระบบ SWIFT / คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
• แต่ Bitcoin:
• ไม่มีศูนย์กลาง
• โอนข้ามพรมแดนได้ทันที
• ต้านการเซ็นเซอร์ได้
• 👉 จุดแข็งเหล่านี้ทำให้ Bitcoin กลายเป็น “ภัยคุกคาม” ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
⸻
❷ เพราะ Bitcoin คือ “พลังอธิปไตยทางการเงิน” ของปัจเจกชนและประเทศเล็ก
• ประเทศเล็กเริ่มใช้ Bitcoin เป็นทุนสำรอง เช่น El Salvador
• ถ้าคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์เริ่มสะสม Bitcoin:
• 🇺🇸 🇨🇳 🇷🇺 ต้อง “เล่นตาม” ไม่งั้นเสียเปรียบในสงครามทุนใหม่
⸻
❸ เพราะ Supply ของ Bitcoin มีจำกัด และกำลัง “หายไปจากตลาด”
• 30% ของเหรียญไม่เคลื่อนไหว 7+ ปี → อาจสูญหายถาวร
• 10% อยู่ใน ETF → ไม่กลับมาหมุนเวียนง่าย ๆ
• 👉 Supply จริง “ตึงตัว” อย่างรุนแรง = ใครช้า เสียเปรียบ
⸻
❹ เพราะคนรุ่นใหม่ทั่วโลกถือ Bitcoin = พลังเสียงการเมืองใหม่
• เยาวชนในประเทศต่าง ๆ ถือ BTC แทนทองหรือเงินสด
• หากรัฐไม่ยอมรับ Bitcoin → เสี่ยงเสีย “ความชอบธรรม”
• 👉 การไม่เล่นเกมนี้ = การตัดขาดจากความมั่นคงระยะยาว
⸻
❺ เพราะ Bitcoin อาจกลายเป็น “ทุนสำรองโลก” รุ่นใหม่
• หากสหรัฐฯ พิมพ์เงินไม่หยุด – ดอลลาร์จะเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ
• ประเทศมหาอำนาจต้องหา “ของจริง” มาค้ำมูลค่าประเทศ
• Bitcoin เป็นทางเลือกเดียวที่:
• ไม่ยึดติดกับรัฐ
• ต้านเงินเฟ้อ
• ขนส่ง/เก็บรักษาง่าย
• 👉 เล่นไม่ทัน = พังไม่เป็นท่า
⸻
🔚 สรุปสั้นที่สุด:
“เพราะ Bitcoin ไม่ขออนุญาตใคร และกำลังเขียนกติกาโลกใหม่ ถ้าไม่ร่วมวง… ก็จะโดนทิ้งไว้ข้างหลัง”
⸻
❝ทำไมประเทศมหาอำนาจ (เช่น สหรัฐฯ จีน รัสเซีย) จึงต้อง ‘เล่นตามเกม Bitcoin’ แม้จะควบคุมมันไม่ได้?❞
นี่คือความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่ทางเลือก
⸻
🔥 1. Bitcoin คือระบบเงินกลางใหม่ ที่ไม่มีศูนย์กลางอำนาจ
▸ ระบบเก่าที่กำลังเสื่อม
• สหรัฐอเมริกาใช้อำนาจจาก ดอลลาร์ (USD) เป็นอาวุธทางภูมิรัฐศาสตร์มานาน (เช่น คว่ำบาตรอิหร่าน, รัสเซีย ฯลฯ)
• ระบบ SWIFT, IMF, และธนาคารกลางโลก เป็นเครื่องมือที่ผูกโลกไว้กับดอลลาร์
▸ แต่ Bitcoin เปลี่ยนเกม
• ไม่มีศูนย์ควบคุม → ต่อต้านการแทรกแซง
• ทุกคนตรวจสอบได้ (trustless)
• ไม่สามารถยึด, อายัด, หรือปิดระบบได้
👉 จึงเป็น “ครั้งแรกในประวัติศาสตร์” ที่ประเทศเล็ก หรือบุคคลธรรมดา มีอำนาจการเงินเทียบเท่าประเทศมหาอำนาจ
⸻
💣 2. หากไม่เข้าร่วม จะเสียอำนาจในระบบการเงินโลกยุคใหม่
▸ Bitcoin = Digital Gold ที่คนทั่วโลกใช้
• El Salvador เริ่มก่อนในฐานะ Legal Tender
• หากประเทศอื่น ๆ (เช่น อาร์เจนตินา, ตุรกี, ไนจีเรีย) หันมาใช้ Bitcoin เพื่อตัดขาดจากดอลลาร์
• ประเทศมหาอำนาจจะ “เสียตำแหน่งศูนย์กลางการเงินโลก” อย่างไม่อาจย้อนกลับได้
👉 ยุคถัดไปจะไม่ได้แข่งกันด้วยฐานทัพ แต่ด้วย Hashrate, Reserve BTC, และ Proof-of-Work
⸻
📉 3. Bitcoin ทำให้ประเทศมหาอำนาจ ‘พิมพ์เงินไม่ได้ตามใจ’ อีกต่อไป
▸ สหรัฐฯ ใช้นโยบาย QE (พิมพ์เงิน) อย่างอิสระมาตลอด
• ก่อให้เกิด “exorbitant privilege” — พิมพ์แล้วซื้อของได้ทั่วโลก
• แต่ Bitcoin จำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ → ไม่มีใครพิมพ์เพิ่มได้อีก
👉 หากโลกหันมาใช้ BTC เป็นทุนสำรอง
→ USD จะเสื่อมมูลค่า
→ ประเทศที่ถือแต่ fiat จะ “ยากจนลงจริง” ขณะที่คนถือ Bitcoin จะมั่งคั่งขึ้น
⸻
🧠 4. การถือ Bitcoin เป็นการป้องกันตนเองจากสงครามเศรษฐกิจ
▸ จีน, รัสเซีย, อิหร่าน ถูกคว่ำบาตรทางการเงิน
• การถือทองคำเป็นกลยุทธ์เก่า
• แต่ทอง:
• ขนส่งยาก
• ตรวจสอบลำบาก
• เสี่ยงยึด
▸ Bitcoin:
• ตรวจสอบได้ทันที
• โอนข้ามพรมแดนได้
• เก็บด้วย private key
👉 จึงเป็น “ทรัพย์สินอธิปไตย” ที่ประเทศมหาอำนาจจำเป็นต้องมีไว้เพื่อเอาตัวรอด
⸻
🧬 5. Hashrate = อำนาจใหม่ของรัฐชาติในยุคดิจิทัล
• พลังขุด (hashrate) คือ Proof-of-Work → ใครมีพลังขุดมาก = มีอำนาจต่อโครงสร้างพื้นฐาน Bitcoin
• หากประเทศใดมีสัดส่วน hashrate สูง → สามารถกำหนดทิศทางทางเศรษฐกิจ-เทคโนโลยีในอนาคตได้
▸ จีนเคยมี 60% ของ hashrate โลก → ใช้ขุดแล้วเทขาย
▸ สหรัฐฯ เริ่มสะสมผ่าน ETF และการผลักดันบริษัทขุด (เช่น Marathon, Riot)
👉 นี่ไม่ใช่แค่การ “ลงทุน” แต่คือ “การสร้างอำนาจอธิปไตยใหม่”
⸻
🧭 6. Bitcoin ทำให้โลกเข้าสู่ยุค “เงินที่ไม่ขึ้นกับใคร” เป็นครั้งแรก
สมัยก่อน:
ทอง = อยู่กับรัฐ
เงินกระดาษ = ถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง
เงินดิจิทัล (CBDC) = ควบคุมโดย AI ของรัฐ
แต่ Bitcoin = เงินที่ ไม่มีเจ้านาย
⸻
🔚 สรุปเชิงกลยุทธ์:
จุดเด่นของ Bitcoin /ความจำเป็นต่อประเทศมหาอำนาจ
ไม่ถูกควบคุม /ป้องกันการถูกแทรกแซงจากฝ่ายตรงข้าม
Supply จำกัด /ป้องกันเงินเฟ้อระดับชาติ
ตรวจสอบได้ /ใช้สร้างความโปร่งใสด้านการเงิน
เข้าถึงได้ทุกคน /ชิงความชอบธรรมจากภาคประชาชน
ปลอดภัยระดับโลก /ตัดขาดจากระบบตะวันตกเมื่อจำเป็น
⸻
❝ Bitcoin ไม่ใช่เกมที่เล่นเพื่อ “เอาชนะ”
แต่คือเกมที่ถ้าไม่เล่น = “แพ้โดยอัตโนมัติ” ❞
และประเทศมหาอำนาจรู้ดีว่า…
ใครกุม BTC วันนี้ อาจกุมเสถียรภาพโลกในวันหน้า
⸻
✴️ ตอนที่ 2: “เกม Bitcoin คือสงครามแย่งชิงอำนาจทางเทคโนโลยี + เวลา”
Bitcoin = เทคโนโลยีของพลังงาน + เวลา ที่ไม่มีชาติใดผูกขาดได้อีกต่อไป
⸻
⚙️ 1. Bitcoin คือการ “แปลงพลังงาน” ให้กลายเป็น “ทรัพย์สินที่ไม่มีวันตาย”
▸ Proof-of-Work = การนำพลังงานไฟฟ้า + เวลา มาสร้างเหรียญ
• Bitcoin แตกต่างจากทุกสินทรัพย์ในอดีต เพราะ:
• ไม่ได้ขึ้นกับแรงงานมนุษย์
• ไม่ได้ขึ้นกับเส้นสายอำนาจ
• ไม่ได้พึ่งธนาคาร
▸ มันแปลงสิ่งที่ “วัดได้” (พลังงาน) → เป็น “เงินตรา” แบบ trustless
👉 เท่ากับว่า เงินถูกปลดปล่อยจากอำนาจรัฐครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก
⸻
🕰️ 2. Bitcoin ยังเป็น “หน่วยวัดเวลา” ใหม่ของโลก
▸ Block time = ทุก ๆ 10 นาที จะมีเหรียญใหม่ + ธุรกรรมใหม่
• มันคือ “นาฬิกาเศรษฐกิจ” ที่เที่ยงตรงกว่าเฟด
• ไม่ว่าใครเป็นประธานาธิบดี, ใครจะเกิดสงคราม, ใครจะตาย… Bitcoin ยังเดินหน้า
👉 Bitcoin จึงเป็น Timechain ไม่ใช่แค่ Blockchain
เป็น “เส้นเวลาแห่งความจริง” ที่ไม่มีใครย้อนกลับได้
⸻
🛰️ 3. ประเทศไหนควบคุม Timechain ได้ = ควบคุมการไหลของทุนในอนาคต
▸ การแข่งขันในอนาคตไม่ใช่แค่ GDP หรือนิวเคลียร์
แต่คือการครอบครอง:
• Hashrate
• BTC Reserve
• Lightning Network Liquidity
• Mining Infrastructure + Clean Energy Source
▸ สหรัฐฯ จึงเร่ง:
• ดัน ETF
• ให้ทุนบริษัทขุด
• สนับสนุน Standard เช่น Stratum V2
👉 นี่คือสงคราม “Hash War” ที่มองไม่เห็น แต่ดุเดือดกว่า Cold War
⸻
🛡️ 4. Bitcoin คือกลไก “Neutral Settlement Layer” ที่ไม่มีใครผูกขาดได้
▸ เช่น ประเทศ A กับ B มีข้อขัดแย้ง แต่ต้องค้าขายกัน
→ จะชำระกันด้วยดอลลาร์? (ไม่ไว้ใจ)
→ จะใช้ทองคำ? (ขนยาก)
→ จะใช้ CBDC? (ไม่โปร่งใส)
👉 Bitcoin คือ Layer ที่ทุกฝ่าย วางใจได้เพราะไม่มีใครควบคุม
Bitcoin จึงไม่ใช่เงินของประเทศใด
แต่มันคือ “สนามกลางของมนุษยชาติ”
⸻
⚔️ 5. ถ้าประเทศมหาอำนาจไม่ “ถือ BTC” แต่ประเทศเล็ก ๆ ถือก่อน = เสียเปรียบทางยุทธศาสตร์อย่างรุนแรง
ตัวอย่างสมมุติ:
• ประเทศ A สะสม BTC มาตั้งแต่ $5,000
• ประเทศ B ปฏิเสธ ไม่สนใจ จน BTC $500,000
• ตอนนั้น A ใช้ BTC ซื้อแหล่งพลังงาน, โลหะหายาก, หรือ influence ใน DAO ต่าง ๆ ได้
👉 ประเทศ B จะกลายเป็น ทาสทางการเงินในโลกใหม่ อย่างถาวร
⸻
🔓 6. ใครเข้าใจก่อน = ได้เปรียบตลอดกาล
BTC ไม่ได้แค่เป็น “เงินใหม่”
แต่มันคือ ระบบอำนาจใหม่
และการเข้าร่วมเร็ว = เหมือนการถือหุ้น Google ก่อน IPO
▸ ประเทศที่ซื้อ BTC วันนี้ อาจเป็น IMF แห่งยุคถัดไป
▸ ประเทศที่ขุด BTC ด้วยพลังงานสะอาด = กลายเป็น “ประเทศส่งออกทุน” แบบใหม่
⸻
🎯 สรุปตอนที่ 2:
ประเด็น /ความหมาย
BTC = พลังงาน + เวลา /สินทรัพย์ที่มาจากของจริง ไม่ใช่กระดาษ
BTC = Timechain /สร้างเส้นเวลาเศรษฐกิจที่รัฐควบคุมไม่ได้
BTC = Settlement Layer /สนามกลางสำหรับโลกอนาคต
ประเทศถือ BTC ก่อน = เจ้าสงคราม /BTC คือทุนสำรอง + อำนาจ
⸻
✴️ ตอนที่ 3: Hyperbitcoinization: เมื่อ Bitcoin กลายเป็นทุนสำรองของมนุษยชาติ
นี่ไม่ใช่เพียงอนาคตของเงิน
แต่มันคือ “วิวัฒนาการของโครงสร้างอำนาจโลก”
⸻
🌍 1. “Hyperbitcoinization” คืออะไร?
คือช่วงเวลาที่โลกยอมรับ Bitcoin เป็น:
• สินทรัพย์สำรองหลัก (Reserve Asset)
• สื่อกลางแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange)
• หน่วยวัดค่าเศรษฐกิจ (Unit of Account)
🟢 เมื่อถึงจุดนี้:
• เงินเฟียตล่มสลาย
• การชำระระหว่างประเทศเปลี่ยนมาใช้ Bitcoin
• ทุนสำรองชาติ (Central Bank Reserves) เปลี่ยนจาก USD → BTC
⸻
⚠️ 2. ทำไมมันจะเกิด? (และไม่มีใครหยุดได้)
✅ 1. เงินเฟียต = เสื่อมค่าตลอดเวลา
1 USD วันนี้ = เหลือแค่ 0.03 USD ในปี 1970
→ ไม่มีชาติใดยับยั้งการพิมพ์เงินได้
✅ 2. Bitcoin = ต้านเงินเฟ้อได้โดยโครงสร้าง
• Fixed Supply = 21 ล้าน BTC เท่านั้น
• ลด issuance ทุก 4 ปี (Halving)
→ เงินที่หายากที่สุดในประวัติศาสตร์
✅ 3. ความโปร่งใสระดับสูงสุด
• ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
• ไม่มีผู้ออก ไม่มีใครลบประวัติได้
→ Trustless & Permissionless
⸻
🔁 3. เมื่อโลกใช้ Bitcoin เป็นทุนสำรอง: จะเกิดอะไรขึ้น?
🔸 เงินเฟ้อสิ้นสุด
• รัฐไม่สามารถพิมพ์เงินมาซื้ออาวุธหรือโกงประชาชนได้อีกต่อไป
🔸 ความเหลื่อมล้ำชะลอตัว
• เงินที่ถือโดยประชาชน (BTC) ไม่ถูกเจือจางโดยรัฐ
→ คนเก็บออมได้ประโยชน์เต็ม
🔸 ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
• เมื่อไม่มีแรงจูงใจปลอม (เช่น ดอกเบี้ยติดลบ)
→ ระบบกลับมาสมดุลโดยธรรมชาติ
⸻
🛑 4. แล้วธนาคารกลาง, IMF, ธนาคารพาณิชย์ จะเป็นอย่างไร?
🏦 ธนาคารกลาง:
• จากผู้สร้างนโยบาย → กลายเป็นเพียงผู้ “ถือ” BTC สำรอง
• หมดอำนาจตั้งดอกเบี้ย-ปั๊ม QE
💱 ธนาคารพาณิชย์:
• ต้องเปลี่ยนจาก “นายหน้าเงินเฟียต” → เป็นผู้ดูแล BTC custodians / LN nodes
• Margin และกลยุทธ์จะเปลี่ยนหมด
🌐 IMF / SWIFT:
• ถูกแทนที่ด้วย Layer-2 Routing / Lightning Nodes
• โลกไม่ต้องการตัวกลางอีกต่อไป
⸻
📊 5. ราคาของ BTC จะไปถึงเท่าไร?
ถ้าทุนสำรองของโลกเปลี่ยนเป็น BTC (เทียบทองคำ ~$13T):
Scenario BTC Price Target
เท่าทุนสำรองทองคำ ~$650,000
เท่าตลาดพันธบัตรโลก (~$100T) ~$5,000,000
ถ้า GDP โลกใช้ BTC วัดทั้งหมด “Infinite” → Bitcoin = หน่วยวัด, ไม่ใช่ราคาแล้ว
⸻
📜 6. ข้อสังเกตเชิงปรัชญา:
เมื่อมนุษย์วางอำนาจการสร้างเงินลง
มนุษยชาติจะพบ “ระบบที่มีศีลธรรมที่สุด” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
• ไม่มีใครพิมพ์เงินมาขโมยแรงงานคุณได้อีก
• เวลา = เงิน = พลังงานชีวิตของคุณ → ถูกเคารพ
• การแลกเปลี่ยน = บริสุทธิ์ ไม่มีการโกงโดยระบบ
⸻
🟢 สรุป: โลกหลัง Hyperbitcoinization
มิติ /สภาพเดิม (Fiat World) /โลกใหม่ (Bitcoin Standard)
เงิน /พิมพ์ได้ไม่จำกัด /จำกัด 21 ล้าน
การค้า /ต้องพึ่ง SWIFT / ธนาคาร โอนผ่าน Lightning
การออม /ถูกเงินเฟ้ากัดกร่อน /ปลอดภัยระยะยาว
อำนาจรัฐ /ควบคุมเศรษฐกิจ /จำกัดอำนาจโดยโค้ด
ประชาชน /เสียเปรียบ /กลับมามีอำนาจ
⸻
🧠 ตอนที่ 4: Bitcoin & Game Theory: ทำไมทุกฝ่ายต้อง ‘ยอมแพ้โดยระบบ’
ไม่ใช่แค่ “คน” ที่ FOMO
แต่ “ประเทศ” ก็กำลัง FOMO เข้าสู่ Bitcoin
⸻
🔺 1. Bitcoin เป็น “เกมที่ไม่มีใครกล้าอยู่นอกเกม”
📌 กลไกหลัก:
ทุกฝ่ายที่เข้าร่วมเร็ว = ได้เปรียบถาวร
ทุกฝ่ายที่เข้าร่วมช้า = ขาดทุน หรือ ถูกแซง
💥 นี่คือเกมลักษณะเดียวกับ:
• Internet adoption ในยุค ’90s
• อีเมล vs โทรเลข
• Smartphone vs โทรศัพท์บ้าน
แต่ Bitcoin คือครั้งแรกที่ “มูลค่าทางเศรษฐกิจ” ถูกฝังในโปรโตคอลโดยตรง
⸻
🏛️ 2. การแข่งขันระหว่างรัฐ (Nations vs Nations)
ใครถือ Bitcoin ก่อน → ได้เปรียบในทุนสำรอง
ใครถือหลัง → ซื้อแพงกว่า และอาจใช้ซื้อได้น้อยลง
⚠️ กลไกเกม:
• ถ้าประเทศ A ซื้อ BTC → ประเทศ B ต้องตัดสินใจ:
• ❌ ไม่ซื้อ → เสียเปรียบ
• ✅ ซื้อด้วย → ราคา BTC ขึ้น → ประเทศ A กำไร
• พฤติกรรมนี้ = Game of Mutual Fear (เกมแห่งความกลัวร่วม)
🧩 ผลคือ:
• แม้แต่ประเทศที่ต่อต้าน Bitcoin → ก็ต้องสะสมมันในที่สุด
• ไม่ใช่ด้วย “ความเชื่อ” แต่ด้วย “กลไกบีบบังคับของเกม”
⸻
🧨 3. กลไก FOMO ของมหาอำนาจ
การที่ประเทศหนึ่ง “ล็อกเหรียญ” เช่น ETF สะสม BTC, ประเทศเล็กสะสม BTC
→ คือสัญญาณเตือนที่กระตุ้นเกม domino
📊 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ:
• คนธรรมดาเริ่มเก็บเหรียญ = ขาดแคลนจากตลาด (liquidity crisis)
• สถาบัน FOMO ตาม = ราคาดันสูง
• ประเทศต้องซื้อที่ราคาแพง → แต่ไม่มีของขายแล้ว
🔐 ใคร “เก็บก่อน” = ได้ของหายาก
🧯 ใคร “ตื่นทีหลัง” = ไม่มีอะไรให้ซื้อ
⸻
⛓️ 4. Bitcoin ไม่ใช่เกมที่หยุดได้
นี่ไม่ใช่หุ้น, โปรเจกต์คริปโต, หรือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนใจกลับได้
• ไม่สามารถแบนได้อย่างสมบูรณ์ (เช่น อินเทอร์เน็ต)
• ไม่มีศูนย์กลางให้ปิด
• ยิ่งปิด → ยิ่งกระตุ้นความสนใจ
📌 ผลคือ:
ระบบเก่าจะ “ต่อต้านไม่ได้” เพราะมันถูกแทนที่อย่างช้า ๆ แบบซึมลึก
⸻
💼 5. นักลงทุนรายย่อยควรเข้าใจอะไร?
📍 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ:
• เข้าใจธรรมชาติของ Game Theory นี้ให้ลึก
• อย่ารอ “ให้รัฐบาลยอมรับ” ก่อนคุณเข้า
• เกมนี้ ให้รางวัลแก่ผู้ที่เข้าใจก่อน
⸻
📜 6. คำเตือนสุดท้าย (จากระบบ)
“คุณสามารถเพิกเฉย Bitcoin ได้…
…แต่คุณเพิกเฉยผลลัพธ์ของการเพิกเฉยไม่ได้”
⸻
✳️ สรุปตอนที่ 4:
กลไก /ผลลัพธ์
เกมแบบ zero-sum /ใครได้ก่อน = ได้เยอะ ใครช้า = แทบไม่ได้
การ FOMO แบบ domino /ประเทศแรก → ETF → รัฐบาล → CB
ไม่สามารถหยุดได้ /ยิ่งแบน = ยิ่งกระจาย
Game Theory ระดับโลก/ ไม่มีใครยอมอยู่ข้างนอก
⸻
🏛️ ตอนที่ 5: Sovereign Individual — ผู้ถือ BTC คือผู้ครองอำนาจในโลกใหม่
อำนาจไม่อยู่ที่รัฐ
อำนาจไม่อยู่ที่ธนาคาร
อำนาจจะกลับสู่ “ปัจเจกบุคคล” ผู้ถือครอง Bitcoin
⸻
🔑 1. Sovereign Individual คือใคร?
แนวคิดจากหนังสือ “The Sovereign Individual” (1997)
โดย James Dale Davidson & William Rees-Mogg
กล่าวไว้ล่วงหน้าเกือบ 30 ปี ว่า:
เทคโนโลยีดิจิทัลจะ “กระจายอำนาจ” และ “ล้มสถาบันรัฐ”
⸻
⚡ 2. เมื่อ Bitcoin + Internet = อิสรภาพระดับชาติส่วนตัว
📌 สิ่งที่เปลี่ยน:
• ในอดีต: ใครมีปืน มีอาณาจักร → มีอำนาจ
• วันนี้: ใครถือ private key → มีอำนาจ
🔐 Bitcoin เปลี่ยนเกม:
• ไม่มีใครยึดทรัพย์คุณได้ ถ้าคุณจำ seed ได้
• ไม่มีรัฐใดสามารถยึดเงินคุณได้ถ้าคุณ disconnect
• ไม่มีเส้นแบ่งพรมแดนในทรัพย์สินอีกต่อไป
⸻
🌍 3. โลกกำลังแยกเป็น 2 ขั้ว:
โลกเก่า (Fiat World) /โลกใหม่ (Bitcoin World)
อำนาจรวมศูนย์ /อำนาจกระจาย
ถูกพิมพ์เงินใส่มือ /ต้องพิสูจน์การถือเหรียญ
ภาษีโดยบังคับ /ภาษีโดยสมัครใจผ่านระบบบริการ
ควบคุมผ่านเงิน /เสรีผ่านการถือสินทรัพย์ดิจิทัล
“คุณไม่ต้องโค่นรัฐ…
เพียงแค่หยุดใช้เงินของรัฐ — รัฐจะล่มเอง”
⸻
📈 4. ประชาชนกลายเป็น “ธนาคารกลาง” ส่วนตัว
คุณไม่ต้องเป็นนักการเมือง หรือเศรษฐี
แค่คุณถือ 1 BTC เต็ม ๆ — คุณคือ “ผู้ครอบครองทุนสำรอง” ระดับโลก
🪙 Supply ที่มีจำกัด:
• มีเพียง 21 ล้าน BTC ตลอดกาล
• มีเพียง ~1% ของประชากรโลกที่จะถือ BTC ได้เต็มเหรียญ
• BTC ไม่สามารถปลอม, ไม่สามารถพิมพ์เพิ่ม, ไม่สามารถแช่แข็ง
⸻
💥 5. นี่คือ “การปฏิวัติ” โดยไม่ต้องลุกขึ้นสู้
ปฏิวัติครั้งก่อนใช้ปืน
ปฏิวัติครั้งนี้ใช้ cryptographic signature
🔁 คำสั่งโลกจะกลับด้าน:
• ประชาชนเป็นผู้ควบคุมสถาบัน
• รัฐต้อง “ให้บริการ” ไม่ใช่ “ควบคุม”
• บุคคลผู้ถือครองทุนสำรองส่วนตัวจะมีอิทธิพลเหนือการเมืองระหว่างประเทศ
⸻
📜 6. Bitcoin = รัฐอธิปไตยระดับจุลภาค
“รัฐแห่งซอฟต์แวร์” (Software State)
ไม่มีพรมแดน, ไม่มีผู้นำ, ไม่มีทหาร, ไม่มีศูนย์กลาง
มีเพียงโค้ด — และความเชื่อถือในคณิตศาสตร์
📌 BTC = Visa + IMF + Central Bank + Constitution ในโค้ดเดียว
⸻
🔮 7. โลกหลังจากนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร?
• คนไม่ต้องขออนุญาตรัฐในการเคลื่อนย้ายเงิน
• ทรัพย์สินเป็นของคุณจริง ไม่ถูกอายัด ไม่ถูกเงินเฟ้อกัดกร่อน
• คุณสามารถเป็น “ประเทศส่วนตัว” ได้ หากคุณถือ BTC
⸻
✅ สรุปตอนที่ 5:
แนวคิด /ความหมาย
Sovereign Individual /บุคคลผู้เป็นอิสระจากรัฐด้วยเทคโนโลยี
BTC Holder = Central Bank /ผู้ถือ BTC เปรียบเสมือนธนาคารกลางส่วนตัว
รัฐต้องแข่งขันให้บริการ /ไม่ใช่บังคับให้ประชาชนอยู่ใต้รัฐ
BTC = รัฐใหม่ที่ไม่มีรัฐ /โลกใหม่ที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุด
#Siamstr #nostr #bitcoin #BTC