-
@ Jakk Goodday
2024-11-24 13:23:59โลกในเงามืดแห่งความขัดแย้ง
"In every shadow lies a story, and in every conflict, a battle for survival."
"ในทุกเงามืดมีเรื่องราวซ่อนอยู่ และในทุกความขัดแย้งคือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด"เมื่อเรามองโลกผ่านเลนส์ที่มองไม่เห็นเส้นแบ่งพรมแดน เหตุการณ์ในตะวันออกกลางอาจดูเหมือนเป็นเพียงความขัดแย้งที่ไกลเกินเอื้อม เช่นเดียวกับการขยายเครือข่ายของ เฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในละตินอเมริกาที่อาจดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของใครหลายคน แต่ในความเป็นจริง.. เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในกลไกขนาดใหญ่ของภูมิรัฐศาสตร์โลก
เกมแห่งอำนาจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในห้องประชุมของผู้นำโลกเท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ที่มีช่องว่างในระบบ ตั้งแต่ถนนที่ไม่มีแสงไฟในเลบานอน ไปจนถึงพรมแดนลับๆ ใน Triple Frontier ระหว่างบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินา การเติบโตของเฮซบอลเลาะห์ในฐานะองค์กรใต้ดินที่ก้าวข้ามพรมแดน ไม่ใช่เพียงการตอบโต้ต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ แต่มันคือการปรับตัวในเกมที่มีกฎเกณฑ์เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ..
ความซับซ้อนที่เชื่อมโยงกัน
ภูมิรัฐศาสตร์ในยุคปัจจุบันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง แต่มันคือใยแมงมุมที่ขึงข้ามห้วงมหาสมุทร ทุกความเคลื่อนไหวในตะวันออกกลางสามารถส่งแรงกระเพื่อมไปถึงละตินอเมริกา และทุกการตัดสินใจในวอชิงตันดีซี อาจจุดประกายไฟในพื้นที่ที่ไม่มีใครคาดคิด
เฮซบอลเลาะห์ไม่ใช่เพียงกลุ่มติดอาวุธหรือองค์กรก่อการร้าย แต่คือ "รัฐลับ" ที่ดำเนินการผ่านเศรษฐกิจใต้ดินและเครือข่ายที่ไม่มีพรมแดน การขยายอิทธิพลของพวกเขาไปยังละตินอเมริกา ไม่ใช่แค่การหาที่พักพิง แต่คือการสร้างฐานใหม่ที่แข็งแกร่งในพื้นที่ที่รัฐไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง
การกลับมาของอเมริกาในเวทีโลก
และเมื่อพูดถึงการควบคุมเกมนี้ สหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปลี่ยนวิธีการเดินเกมบนกระดานโลก ทรัมป์ไม่ได้มองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเชิงพันธมิตร แต่เป็นการต่อรอง การถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) ในปี 2018 ไม่ได้เป็นเพียงการกดดันเตหะราน แต่มันคือการเขียนกฎเกณฑ์ใหม่ในเกมที่อเมริกาจะเป็นผู้กำหนด
นโยบาย "America First" ที่เน้นความชัดเจนและตรงไปตรงมาอาจดูเหมือนเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ แต่ผลกระทบของมันไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงในตะวันออกกลางหรือสหรัฐฯ เอง มันขยายไปถึงเครือข่ายของเฮซบอลเลาะห์ที่ต้องปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในพื้นที่ใหม่ เช่น ละตินอเมริกา และ Triple Frontier ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยง
ภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนกว่าเกมใดๆ
โลกในปัจจุบันไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความชัดเจน แต่มันถูกผลักดันด้วยความคลุมเครือ และในพื้นที่ที่รัฐล้มเหลว กลุ่มอย่างเฮซบอลเลาะห์ได้สร้างโลกที่มีกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา การต่อสู้ระหว่างเฮซบอลเลาะห์กับสหรัฐฯ หรืออิหร่านกับพันธมิตรตะวันตก ไม่ใช่เพียงเรื่องของสงครามหรือการเมือง แต่มันคือการต่อสู้ระหว่างอุดมการณ์ ความอยู่รอด และความปรารถนาที่จะครอบครองอำนาจ
"To understand the conflicts of today, we must first untangle the shadows of yesterday."
"เพื่อเข้าใจความขัดแย้งในวันนี้ เราต้องคลี่เงามืดของเมื่อวานให้กระจ่างก่อน"บทความนี้จะพาพวกเราดำดิ่งลงไปในเครือข่ายแห่งความขัดแย้ง ตั้งแต่รากฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น Bretton Woods และ Nixon Shock ไปจนถึงความซับซ้อนของเกมภูมิรัฐศาสตร์ที่กำหนดทิศทางของโลกในปัจจุบันและอนาคต การเดินทางครั้งนี้จะเปิดเผยว่า เฮซบอลเลาะห์, ละตินอเมริกา, ตะวันออกกลาง และการกลับมาของทรัมป์ ล้วนมีบทบาทสำคัญในเรื่องราวเดียวกัน ..เรื่องราวของโลกที่ไม่มีใครควบคุมได้ทั้งหมด และไม่มีที่ว่างให้กับความอ่อนแอ
Part I: การกำเนิดของระเบียบโลกใหม่ – Bretton Woods และอำนาจของดอลลาร์
“The wars of today are fought with weapons, but the wars of yesterday were fought with currencies.”
"สงครามของวันนี้อาจใช้ปืน แต่สงครามของเมื่อวานใช้เงินตราเป็นอาวุธ"หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกไม่ได้เพียงแค่ฟื้นตัวจากซากปรักหักพังของเมืองหลวงและหมู่บ้านที่ถูกทำลาย แต่ยังต้องการสร้างระเบียบใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้ความหายนะเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก ด้วยการประชุมที่ Bretton Woods ในปี 1944 สหรัฐอเมริกานำเสนอระบบเศรษฐกิจโลกที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้โลกสงบสุขผ่านอำนาจของดอลลาร์
ในโลกยุคนั้น.. ทองคำคือหัวใจของเศรษฐกิจ แต่ด้วยชัยชนะของสหรัฐฯ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และความมั่นคงของเศรษฐกิจในประเทศ สหรัฐฯ เสนอให้ดอลลาร์ของตนเป็นสกุลเงินกลางของโลก โดยผูกดอลลาร์กับทองคำเพื่อสร้างเสถียรภาพ นี่ไม่ใช่แค่แผนเศรษฐกิจ แต่เป็นการยืนยันว่า “ใครควบคุมเงินตรา คนนั้นควบคุมโลก”
จาก Bretton Woods สู่ Nixon Shock เมื่อดอลลาร์ไม่มีทองคำหนุนหลัง
ในปี 1971 Richard Nixon ได้ทำลายรากฐานของระบบนี้ด้วยการประกาศยกเลิกการผูกดอลลาร์กับทองคำ สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินจากสงครามเวียดนามและการใช้จ่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง การตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งรู้จักกันในชื่อปฏิบัติการ Nixon Shock ได้ผลักดันโลกเข้าสู่ยุคของ Fiat Money หรือระบบเงินที่ไม่มีหลักประกันทางกายภาพอีกต่อไป..
นี่ไม่ใช่แค่การตัดสินใจทางเศรษฐกิจ แต่มันคือการเปิดฉากเกมใหม่ในภูมิรัฐศาสตร์โลก เมื่อสหรัฐฯ รู้ว่าความเป็นมหาอำนาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการถือครองทองคำ แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการดอลลาร์ทั่วโลก
Petrodollar การสร้างพันธมิตรแห่งพลังงานและอำนาจ
ในช่วงทศวรรษ 1970 สหรัฐฯ เจรจากับซาอุดีอาระเบียและกลุ่ม OPEC เพื่อสร้างระบบ Petrodollar ที่ทำให้น้ำมันทั่วโลกต้องซื้อขายด้วยดอลลาร์ การเคลื่อนไหวนี้เปลี่ยนดอลลาร์ให้กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก และทำให้สหรัฐฯ มีอำนาจที่จะพิมพ์เงินได้โดยไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบในประเทศ
“Control oil and you control nations.” – Henry Kissinger
"ควบคุมน้ำมันได้ ประเทศก็ตกอยู่ในมือคุณ"แต่ราคาของอำนาจนี้ไม่ได้จ่ายด้วยดอลลาร์เพียงอย่างเดียว สหรัฐฯ ต้องรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดอย่างตะวันออกกลาง การแทรกแซงทางการเมืองและการทหารในภูมิภาคนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความมั่นคง แต่คือการปกป้องสถานะของดอลลาร์ในฐานะหัวใจของเศรษฐกิจโลก
ผลกระทบของระเบียบโลกใหม่ต่อเฮซบอลเลาะห์
ในขณะที่โลกตะวันตกเฉลิมฉลองระบบที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเจริญรุ่งเรือง กลุ่มที่อยู่นอกระบบอย่าง เฮซบอลเลาะห์ และพันธมิตรของพวกเขา เช่น อิหร่าน มองสิ่งนี้ในมุมที่ต่างออกไป สำหรับพวกเขา Petrodollar และอำนาจของดอลลาร์คือเครื่องมือแห่งการครอบงำที่สหรัฐฯ ใช้ในการควบคุมภูมิภาค
อิหร่านซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของเฮซบอลเลาะห์เห็นว่าการที่สหรัฐฯ ใช้อำนาจผ่านเศรษฐกิจและการแทรกแซงในตะวันออกกลาง คือการคุกคามต่ออธิปไตยของตน และเฮซบอลเลาะห์ก็กลายเป็นผู้ตอบโต้โดยตรงต่อแรงกดดันนี้ ด้วยการสร้างเครือข่ายที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อสงครามในภูมิภาค แต่ยังขยายเครือข่ายทางการเงินและอิทธิพลไปยังพื้นที่ที่สหรัฐฯ ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ละตินอเมริกา
"To understand Hezbollah's rise, we must first understand the foundation of the world they resisted."
"เพื่อเข้าใจการเติบโตของเฮซบอลเลาะห์ เราต้องเข้าใจก่อนว่าโลกที่พวกเขาต่อต้านนั้นสร้างขึ้นมาอย่างไร"พาร์ทแรกนี้ไม่เพียงแต่ปูพื้นฐานถึงการสร้างระเบียบโลกใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ยังเชื่อมโยงว่าเหตุใดอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ลึกซึ้งกับกลุ่มอย่างเฮซบอลเลาะห์และพันธมิตรของพวกเขา
Part II: เฮซบอลเลาะห์ – การเติบโตของเครือข่ายในเงามืด
"Where states falter, networks rise; where laws crumble, power is redefined."
"ในที่ที่รัฐล้มเหลว เครือข่ายจะเติบโตขึ้น ในที่ที่กฎหมายพังทลาย อำนาจจะถูกกำหนดใหม่"จุดกำเนิดในเงาแห่งการยึดครอง
ในปี 1982 เมื่อกองทัพอิสราเอลเคลื่อนพลเข้าสู่เลบานอน ท่ามกลางเสียงปืนและความวุ่นวาย เฮซบอลเลาะห์ ก็ถือกำเนิดขึ้น ไม่ใช่ในฐานะกลุ่มติดอาวุธธรรมดา แต่เป็นแรงตอบโต้จากประชาชนที่รู้สึกถึงการสูญเสียทั้งอิสรภาพและความภาคภูมิใจ เฮซบอลเลาะห์ถือกำเนิดจากเงาของการต่อต้าน การสนับสนุนจากอิหร่านทำให้กลุ่มนี้ไม่เพียงมีความมุ่งมั่นทางอุดมการณ์ แต่ยังมีทรัพยากรและการฝึกฝนที่แข็งแกร่ง
เฮซบอลเลาะห์ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มที่ยึดติดกับปืนและจรวด แต่พวกเขาเข้าใจเกมที่ใหญ่กว่า พวกเขาไม่เพียงแค่ต่อสู้บนสนามรบ แต่ยังเข้าสู่การเมือง สร้างเครือข่ายสังคม และดึงดูดผู้สนับสนุนในระดับท้องถิ่น การเติบโตนี้ไม่ได้มุ่งเป้าเพียงแค่การขับไล่อิสราเอล แต่คือการสร้างระบบที่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านทุกแรงกดดันจากโลกตะวันตก
การขยายตัวจากตะวันออกกลางสู่ละตินอเมริกา
ในช่วงปี 1990s เฮซบอลเลาะห์เริ่มมองออกไปไกลกว่าชายฝั่งของเลบานอน การกดดันจากสหรัฐฯ และพันธมิตรผลักดันให้พวกเขาขยายฐานปฏิบัติการไปยังภูมิภาคที่รัฐอ่อนแอ เช่น Triple Frontier พรมแดนระหว่างบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินา กลายเป็นที่หลบซ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างเครือข่ายใหม่ พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงเขตเศรษฐกิจสีเทา แต่เป็นดินแดนที่รัฐแทบไม่สามารถเข้าถึงได้
เฮซบอลเลาะห์มองเห็นศักยภาพของ Triple Frontier ในการฟอกเงินและสนับสนุนเครือข่ายเศรษฐกิจใต้ดิน พวกเขาใช้เครือข่าย Hawala ซึ่งเป็นระบบการเงินที่ไม่ผ่านธนาคารอย่างเป็นทางการเพื่อฟอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เงินที่ได้ถูกส่งกลับไปยังตะวันออกกลางเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการในภูมิภาคที่สหรัฐฯ พยายามควบคุม
Triple Frontier เขตเงาแห่งความไร้ตัวตน
ในพื้นที่ Triple Frontier กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมอย่างแท้จริง และความไร้ระเบียบนี้กลายเป็นดินแดนที่ เฮซบอลเลาะห์สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ร้านค้าเล็กๆ ในเขตนี้ที่ดูเหมือนจะขายของธรรมดา กลับกลายเป็นช่องทางการฟอกเงินที่ซับซ้อน เครือข่ายของเฮซบอลเลาะห์ใช้การค้ายาเสพติด อาวุธ และสินค้าเถื่อนเพื่อสร้างรายได้มหาศาล
แต่การปฏิบัติการในละตินอเมริกาไม่ได้มีเป้าหมายแค่การสร้างเงินทุน มันยังเป็นการขยายอิทธิพลที่สะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนของ เฮซบอลเลาะห์ ที่ต้องการอยู่รอดและขยายตัวในโลกที่ถูกควบคุมโดยมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ
เฮซบอลเลาะห์ในฐานะเครือข่ายระดับโลก
เครือข่ายของ เฮซบอลเลาะห์ ไม่ได้จำกัดตัวเองเพียงในเลบานอนหรือตะวันออกกลางเท่านั้น พวกเขาแทรกตัวเข้าสู่ละตินอเมริกา แอฟริกา และแม้แต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- พวกเขาใช้ช่องว่างในระบบรัฐที่อ่อนแอเพื่อสร้างพื้นที่ใหม่สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
- พวกเขาเชื่อมโยงเครือข่ายใต้ดินในหลายภูมิภาค เพื่อสนับสนุนเป้าหมายที่ใหญ่กว่าการก่อการร้าย นั่นคือ การสร้างระบบที่ต้านทานต่อแรงกดดันจากมหาอำนาจโลก
"Hezbollah is not just an organization; it’s a shadow that grows wherever the sun of governance fails to shine."
"เฮซบอลเลาะห์ไม่ใช่แค่องค์กร แต่คือเงามืดที่เติบโตในที่ที่แสงของการปกครองไม่เคยส่องถึง"ผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์โลก
การขยายตัวของ เฮซบอลเลาะห์ ในละตินอเมริกาเป็นมากกว่าการเคลื่อนย้ายฐาน มันสะท้อนถึงความสามารถขององค์กรใต้ดินที่สามารถปรับตัวในเกมภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก สหรัฐฯ อาจมองละตินอเมริกาเป็น “หลังบ้าน” ของตน แต่ เฮซบอลเลาะห์ ได้เปลี่ยนพื้นที่นี้ให้กลายเป็นสนามรบใหม่ในเกมแห่งอำนาจ
ความสามารถของ เฮซบอลเลาะห์ ในการฟอกเงินและสร้างเครือข่ายในพื้นที่สีเทาทำให้พวกเขากลายเป็นภัยคุกคามที่ไม่สามารถละเลยได้ ความซับซ้อนของเครือข่ายนี้ชี้ให้เห็นว่า ภูมิรัฐศาสตร์โลกในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่ที่รัฐชาติอีกต่อไป แต่มันขับเคลื่อนด้วยพลังของเครือข่ายที่ไร้ตัวตนและไร้พรมแดน
"The shadow of Hezbollah extends far beyond the Middle East, reshaping the very fabric of global geopolitics."
"เงาของเฮซบอลเลาะห์ทอดยาวเกินกว่าตะวันออกกลาง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของภูมิรัฐศาสตร์โลก"Part III: สงครามตัวแทนและเกมแห่งอำนาจในตะวันออกกลาง
"The Middle East is not just a region; it’s a mirror of the world's deepest conflicts and unyielding ambitions."
"ตะวันออกกลางไม่ใช่เพียงภูมิภาค แต่มันคือกระจกสะท้อนความขัดแย้งที่ลึกที่สุดและความทะเยอทะยานที่ไม่เคยลดละของโลก"ต้นตอแห่งความขัดแย้ง ตะวันออกกลางในเงามืดของสงครามเย็น
ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตะวันออกกลางกลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการเผชิญหน้าระหว่างขั้วอำนาจโลกระหว่างสงครามเย็น สหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตต่างแข่งขันกันเพื่อขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนรัฐบาลในอิรัก ซีเรีย หรืออิหร่าน เกมแห่งอำนาจในตะวันออกกลางไม่ได้เป็นเพียงการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือแหล่งน้ำมัน แต่มันคือการต่อสู้เพื่อครอบครองจิตวิญญาณของภูมิภาคที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และอุดมการณ์
ในขณะที่อเมริกาใช้นโยบายสนับสนุนพันธมิตรอย่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย ฝ่ายตรงข้ามอย่างอิหร่านเริ่มใช้เครือข่ายตัวแทน เช่น เฮซบอลเลาะห์ เพื่อสร้างสมดุลในเกมนี้ สำหรับอิหร่าน การต่อสู้ในตะวันออกกลางไม่ใช่แค่การปกป้องอธิปไตย แต่เป็นการเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่พยายามกำหนดทิศทางของภูมิภาคนี้
เฮซบอลเลาะห์ สงครามที่ไร้พรมแดน
เฮซบอลเลาะห์ ไม่ใช่แค่กองกำลังติดอาวุธ แต่เป็น "เครือข่ายตัวแทน" ที่ทรงพลังที่สุดในตะวันออกกลาง พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ปกป้องเลบานอนจากการยึดครองของอิสราเอลในอดีต แต่ยังเป็นมือขวาของอิหร่านในสงครามตัวแทนกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค
- ในสงครามซีเรีย เฮซบอลเลาะห์ ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าในการสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอิหร่าน การแทรกแซงของ เฮซบอลเลาะห์ ในซีเรียไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลืออัสซาด แต่เป็นการรักษาเส้นทางการลำเลียงอาวุธจากอิหร่านสู่เลบานอนผ่านซีเรีย
- ในเยเมน เฮซบอลเลาะห์ ถูกกล่าวหาว่าฝึกอบรมและสนับสนุนกองกำลัง ฮูตี (Houthi) ที่ต่อสู้กับซาอุดีอาระเบียในสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่
เครือข่ายของ เฮซบอลเลาะห์ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในเลบานอนหรือซีเรีย แต่พวกเขาขยายการปฏิบัติการไปยังอิรัก เยเมน และแม้แต่พื้นที่ที่ไกลออกไป เช่น ละตินอเมริกา
สงครามตัวแทน อิหร่าน vs สหรัฐฯ
ในโลกของภูมิรัฐศาสตร์ สงครามตัวแทน (Proxy War) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่มหาอำนาจใช้ในการเผชิญหน้ากันโดยไม่ต้องเผชิญหน้าโดยตรง สำหรับอิหร่านและสหรัฐฯ ตะวันออกกลางเป็นเหมือนกระดานหมากรุกที่การเคลื่อนไหวทุกครั้งมีความหมาย
-
อิหร่าน
ใช้ เฮซบอลเลาะห์ เป็นตัวแทนในการปกป้องอิทธิพลของตนในภูมิภาค พวกเขาสนับสนุนพันธมิตรในซีเรีย อิรัก และเยเมน เพื่อรักษาสมดุลในเกมที่สหรัฐฯ พยายามจะครอบงำ -
สหรัฐฯ
สนับสนุนพันธมิตรเช่นอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย โดยมีเป้าหมายที่จะจำกัดอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาค การถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในปี 2018 และการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งทำให้อิหร่านอ่อนแอลง
"In the Middle East, every alliance is a weapon, and every proxy is a battlefield."
"ในตะวันออกกลาง ทุกพันธมิตรคืออาวุธ และทุกตัวแทนคือสมรภูมิ"
ผลกระทบที่ลุกลามไปทั่วโลก
สงครามตัวแทนในตะวันออกกลางไม่ได้ส่งผลเฉพาะในภูมิภาคนี้ แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงส่วนอื่นของโลก เครือข่ายของ เฮซบอลเลาะห์ ในละตินอเมริกาและแอฟริกา เป็นตัวอย่างของวิธีที่กลุ่มนี้ขยายการปฏิบัติการออกนอกภูมิภาค เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันในตะวันออกกลาง
ในขณะเดียวกัน การเพิ่มแรงกดดันของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านและ เฮซบอลเลาะห์ อาจผลักดันให้มหาอำนาจอื่น เช่น รัสเซียและจีน เข้ามามีบทบาทในตะวันออกกลางมากขึ้น การเผชิญหน้าระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของภูมิภาค แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในสมดุลของอำนาจโลก
เฮซบอลเลาะห์ ตัวแปรที่กำหนดอนาคต
เฮซบอลเลาะห์ เป็นตัวแปรสำคัญในภูมิรัฐศาสตร์โลก การเคลื่อนไหวของพวกเขาในสงครามตัวแทนสะท้อนถึงความซับซ้อนของเกมอำนาจที่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่สนามรบหรือข้อตกลงทางการเมือง หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลกที่เราอาศัยอยู่
"The shadows of proxy wars stretch across the globe, shaping the future of nations far beyond their borders."
"เงาของสงครามตัวแทนทอดยาวข้ามโลก กำหนดอนาคตของชาติที่อยู่ไกลเกินกว่าชายแดนของมัน"Part IV: นโยบายอเมริกาในยุคทรัมป์และเงาที่ทอดยาวเหนือโลก
“Power is not just taken; it’s shaped, challenged, and redefined with every move on the geopolitical chessboard.”
"อำนาจไม่ได้ถูกช่วงชิงเพียงอย่างเดียว แต่มันถูกหล่อหลอม ท้าทาย และนิยามใหม่ในทุกการเคลื่อนไหวบนกระดานภูมิรัฐศาสตร์"การกลับมาของเกมแห่งอำนาจ
ในปี 2016 เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้นำโลกคนใหม่ และเขาก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของเกมที่โลกคุ้นเคยมานานหลายทศวรรษ คำว่า “America First” ไม่ได้เป็นแค่สโลแกน แต่คือการตัดสินใจว่าอเมริกาจะเดินเกมนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่สนใจเสียงวิจารณ์จากพันธมิตรหรือคู่แข่ง
ทรัมป์ไม่ได้มองโลกผ่านแว่นตาของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบดั้งเดิม เขามองว่าความเป็นพันธมิตรไม่ใช่ความผูกพันที่ถาวร แต่มันคือ ดีล ที่สามารถทำลายหรือเจรจาใหม่ได้เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านจึงกลายเป็นสมรภูมิแรกที่เขาเลือกเข้าปะทะ
JCPOA บ้านที่สร้างบนทราย
การถอนตัวจาก ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) ในปี 2018 เปรียบเหมือนการรื้อบ้านที่สร้างบนพื้นทราย ทรัมป์เชื่อว่าข้อตกลงนี้ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่หยุดยั้งอิหร่าน แต่มันคือเชือกเส้นบางที่ให้อิหร่านได้หายใจและขยายอิทธิพลในภูมิภาค
การถอนตัวจากข้อตกลงนี้จึงไม่ใช่แค่การตัดสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่คือการส่งสัญญาณให้ทั้งโลกรู้ว่า สหรัฐฯ พร้อมจะเปลี่ยนสมดุลของภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและพันธมิตร เช่น อิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย ทรัมป์ไม่เพียงแค่ปิดประตูใส่อิหร่าน แต่เขายังโยนระเบิดแห่งความตึงเครียดเข้าไปในห้องนั้นด้วย
เฮซบอลเลาะห์ เครือข่ายในเงามืด
การตัดเส้นทางการเงินของอิหร่านเป็นเป้าหมายสำคัญของนโยบาย "America First" ในตะวันออกกลาง แต่ในทุกครั้งที่เส้นทางหนึ่งถูกตัดขาด เครือข่ายอย่างเฮซบอลเลาะห์ก็หาช่องทางใหม่เพื่อเอาตัวรอด การคว่ำบาตรที่รุนแรงอาจเหมือนเขื่อนที่กั้นกระแสน้ำได้ชั่วคราว แต่ในท้ายที่สุดน้ำก็หาทางไหลผ่านไปได้อยู่ดี
เฮซบอลเลาะห์ ไม่ได้เป็นแค่กลุ่มติดอาวุธที่ถูกอิหร่านสนับสนุน แต่พวกเขาคือองค์กรใต้ดินที่รู้วิธีปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลง เมื่อเส้นทางการเงินจากตะวันออกกลางถูกบีบจนเหลือเพียงเส้นเล็ก พวกเขาก็ขยายเครือข่ายไปยังละตินอเมริกา โดยเฉพาะใน Triple Frontier พรมแดนลึกลับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้างเครือข่ายใต้ดิน
ละตินอเมริกา หลังบ้านของอเมริกาที่ไม่มีใครมองเห็น
Triple Frontier คือพื้นที่ที่รัฐไม่อาจเอื้อมถึง มันเต็มไปด้วยป่าทึบ เมืองเล็กๆ และระบบเศรษฐกิจสีเทาที่ไม่มีใครควบคุมได้โดยสิ้นเชิง เครือข่ายของเฮซบอลเลาะห์ใช้พื้นที่นี้เป็นฐานในการฟอกเงิน ค้าอาวุธ และสร้างทุนสนับสนุนปฏิบัติการทั่วโลก
สำหรับทรัมป์ การปราบปราม เฮซบอลเลาะห์ ในละตินอเมริกาเป็นมากกว่าการสกัดกั้นการสนับสนุนจากอิหร่าน มันคือการยืนยันว่า "หลังบ้านของอเมริกาไม่ใช่พื้นที่สำหรับเครือข่ายศัตรู" เขาผลักดันประเทศพันธมิตรในภูมิภาค เช่น บราซิลและปารากวัย ให้มีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นต่อเฮซบอลเลาะห์และขยายความร่วมมือทางทหารในพื้นที่
2024 การกลับมาของทรัมป์ในโลกที่เปลี่ยนไป
แต่โลกในปี 2024 ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป.. หากทรัมป์กลับมา มันจะไม่ใช่การเล่นเกมในกติกาเดิม อิทธิพลของ จีนและรัสเซีย ในละตินอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายเครือข่ายของเฮซบอลเลาะห์ไปยังพื้นที่ใหม่ เช่น แอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่ยากจะควบคุม
ทรัมป์อาจต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า การกดดัน เฮซบอลเลาะห์ ไม่ได้หยุดอยู่ที่ตะวันออกกลางหรือละตินอเมริกา แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่ใหญ่กว่าระหว่างมหาอำนาจในโลกหลายขั้ว
"In the theater of global politics, every act of dominance is met with a ripple of resistance."
"ในโรงละครของการเมืองโลก ทุกการแสดงความเหนือกว่ามักนำไปสู่คลื่นแห่งการต่อต้าน"Part V: การกลับมาของทรัมป์และสมรภูมิโลกใหม่
“The past defines the rules, but the future reshapes the players.”
"อดีตกำหนดกติกา แต่อนาคตเปลี่ยนแปลงผู้เล่น"โลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม
ปี 2025 ไม่ใช่ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ แต่มันคือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากปี 2016 เป็นปีที่ทรัมป์เปลี่ยนกระดานหมากรุก ปี 2025 จะเป็นปีที่กระดานนั้นเต็มไปด้วยหมากที่กระจัดกระจาย รัสเซีย จีน และอเมริกา ต่างชิงพื้นที่ในโลกที่ทุกอย่างลื่นไหลจนแทบไม่มีอะไรแน่นอน
การกลับมาของทรัมป์ในครั้งนี้เหมือนกับการปล่อยหมาป่าเข้าสู่ฝูงแกะที่กระจัดกระจาย เขาไม่ได้เข้ามาเพื่อเล่นตามกฎที่กำหนดไว้ เขาเข้ามาเพื่อเขียนกฎใหม่ ในโลกที่ขั้วอำนาจหลายฝ่ายกำลังแข่งขันกัน ทรัมป์คือผู้เล่นที่พร้อมจะทำให้ทุกคนต้องปรับตัว
Multi-Polar World โลกที่ไร้ศูนย์กลาง
ภูมิรัฐศาสตร์ในยุคปัจจุบันไม่ได้หมุนรอบสหรัฐฯ อีกต่อไป อิทธิพลของจีนในเอเชียเพิ่มขึ้น รัสเซียก้าวเข้าสู่ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกากลายเป็นสนามแห่งโอกาสใหม่ โลกในวันนี้ไม่ใช่กระดานหมากรุกที่มีสองขั้วอำนาจ แต่มันคือใยแมงมุมที่เต็มไปด้วยจุดเชื่อมต่อที่ทุกฝ่ายต้องการควบคุม
ในเกมนี้ เฮซบอลเลาะห์ เป็นเหมือน "ผึ้งงาน" ที่ขยายเครือข่ายจากตะวันออกกลางไปยังละตินอเมริกา และแม้แต่แอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การกดดันของทรัมป์ในตะวันออกกลางทำให้เครือข่ายนี้ยิ่งกระจายตัว แต่ในความกระจัดกระจายนี้กลับซ่อนพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
การเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามเครือข่าย
เมื่อทรัมป์กลับมาในปี 2025 เขาจะต้องเผชิญกับโลกที่ไม่มีศัตรูที่ชัดเจนเหมือนในยุคสงครามเย็น เฮซบอลเลาะห์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลางอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครือข่ายใต้ดินระดับโลกที่ยืดหยุ่นเหมือนเถาวัลย์ที่ไต่ผ่านรอยร้าวของกำแพงภูมิรัฐศาสตร์
-
ในแอฟริกา
เฮซบอลเลาะห์เริ่มใช้ภูมิภาคนี้เป็นฐานใหม่สำหรับเครือข่ายการเงินและการค้าอาวุธ พื้นที่ที่อ่อนแอของรัฐบาลกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ -
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เครือข่ายทางการเงินของเฮซบอลเลาะห์ แทรกซึมเข้าสู่เศรษฐกิจที่เปิดกว้างของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในประเทศที่ระบบการเงินมีช่องว่าง
ทรัมป์อาจมองว่าการกดดันเฮซบอลเลาะห์ในตะวันออกกลางและละตินอเมริกาเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ต้องขยายยุทธศาสตร์ไปยังภูมิภาคใหม่ๆ ที่มหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียเริ่มมีบทบาท
การเปลี่ยนแปลงในสมดุลของอำนาจ
ในอดีต สหรัฐฯ คือศูนย์กลางของอำนาจโลก แต่มาวันนี้ โลกไม่ได้มีขั้วอำนาจเดียวอีกต่อไป การกลับมาของทรัมป์ในปี 2025 จะเกิดขึ้นในยุคที่อเมริกาไม่ได้ควบคุมทุกอย่างเหมือนที่เคย โลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมดุลใหม่ที่เรียกว่า "Multi-Polar Balance"
- จีน กำลังสร้างเส้นทางการค้าใหม่ผ่าน Belt and Road Initiative ซึ่งเชื่อมโยงเอเชีย แอฟริกา และยุโรป
- รัสเซีย ขยายอิทธิพลในตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออกผ่านการใช้พลังงานและสงครามตัวแทน
- อเมริกา กำลังต่อสู้เพื่อรักษาความเป็นมหาอำนาจด้วยนโยบายที่ก้าวร้าว เช่น การคว่ำบาตรและการสร้างพันธมิตรใหม่
ในเกมนี้ ทรัมป์จะไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้เหมือนที่เคย แต่เขายังมีความสามารถที่จะปรับสมดุลในเกมที่ไม่มีใครควบคุมได้ทั้งหมด
เงามืดและโอกาสที่ซ่อนอยู่
เฮซบอลเลาะห์อาจไม่ใช่แค่เพียงศัตรูที่ต้องปราบปราม แต่มันคือสัญลักษณ์ของโลกที่ไม่สามารถแบ่งขาว-ดำได้ชัดเจนอีกต่อไป ทรัมป์อาจมอง เฮซบอลเลาะห์ เป็นเป้าหมาย แต่ในความจริง.. เครือข่ายนี้สะท้อนถึงยุคที่การต่อสู้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การยิงปืนหรือการทิ้งระเบิด มันคือสงครามแห่งการเชื่อมต่อและความยืดหยุ่น
"In a fragmented world, power doesn’t dominate—it adapts."
"ในโลกที่แตกกระจาย อำนาจไม่ได้ครอบงำ แต่มันปรับตัว"อนาคตที่ต้องเลือกเส้นทางใหม่
เมื่อทรัมป์เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งหลังสาบานตน.. โลกอาจเห็นยุทธศาสตร์ที่ดุดันขึ้นในการจัดการกับ เฮซบอลเลาะห์ และขั้วอำนาจอื่นๆ แต่คำถามสำคัญคือ.. โลกจะสามารถรักษาสมดุลนี้ไว้ได้อย่างไร ในยุคที่ทุกการเคลื่อนไหวของผู้นำมีผลกระทบที่ข้ามพรมแดน
อนาคตของสหรัฐฯ และโลกทั้งใบขึ้นอยู่กับการเลือกเดินในเส้นทางที่ยังไม่ชัดเจน เส้นทางที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยงที่ไม่เคยมีมาก่อน
"ขอบฟ้ายังไม่เคยถูกสำรวจ และเส้นทางยังมีมากมาย การตัดสินใจของเราในวันนี้จะเป็นแสงสว่างนำทางไปข้างหน้า"
"The next chapter of global power will not be written by those who dominate, but by those who adapt the fastest."
"บทถัดไปของอำนาจโลกจะไม่ได้เขียนโดยผู้ที่ครอบงำ แต่มันจะเขียนโดยผู้ที่ปรับตัวได้เร็วที่สุด"บทสรุปของโลกที่เปลี่ยนผ่าน – เครือข่ายในเงามืด และเกมที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
“The future is a mirror; it reflects not just our actions, but the shadows we leave behind.”
"อนาคตเปรียบดั่งกระจก มันสะท้อนทั้งการกระทำและเงาที่เราทิ้งไว้"เครือข่ายที่ไม่มีวันพังทลาย
ในโลกที่เครือข่ายเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ความพยายามที่จะทำลายบางอย่างมักนำไปสู่การสร้างสิ่งใหม่ เครือข่ายของเฮซบอลเลาะห์ไม่ได้ถูกขีดเขียนด้วยอุดมการณ์เพียงอย่างเดียว แต่มันถูกหล่อหลอมจากความต้องการที่จะอยู่รอดในโลกที่ทุกกฎเกณฑ์ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นพวกเขา
การปราบปรามในตะวันออกกลางผลักดันพวกเขาไปสู่ละตินอเมริกา เศรษฐกิจใต้ดินใน Triple Frontier กลายเป็นรากใหม่ของเครือข่าย แต่เมื่อ Triple Frontier ถูกกดดัน เครือข่ายเหล่านี้ก็ยืดตัวไปสู่แอฟริกาและเอเชีย เงาของเฮซบอลเลาะห์ไม่ได้หยุดแค่ที่ตะวันออกกลางหรือละตินอเมริกา แต่มันคือสัญลักษณ์ของโลกที่ไม่สามารถแบ่งขั้วชัดเจนอีกต่อไป
ทรัมป์ผู้เปลี่ยนสมการ
การกลับมาของทรัมป์ในปี 2025 จะเป็นการเขียนสมการใหม่ในกระดานภูมิรัฐศาสตร์โลก คำว่า “America First” อาจดูเหมือนเป็นการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สมดุลของโลกเข้าสู่ความไม่แน่นอน
ทรัมป์คือพายุ เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้นำที่ท้าทายทุกกฎเกณฑ์ แต่เขาคือแรงผลักดันที่ทำให้เกมอำนาจต้องถูกเล่นใหม่ทั้งหมด การเผชิญหน้ากับเฮซบอลเลาะห์จึงไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้กับองค์กรหนึ่ง แต่มันคือการต่อสู้กับแนวคิดของเครือข่ายที่ไม่อาจควบคุมได้
โลกในยุคของขั้วอำนาจใหม่
Multi-Polar World ที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้เป็นเหมือนทะเลที่ไม่มีจุดศูนย์กลาง เครือข่ายใต้ดินอย่าง เฮซบอลเลาะห์, มหาอำนาจอย่างจีน และขั้วอำนาจดั้งเดิมอย่างอเมริกาและรัสเซีย ต่างเป็นเพียงเกาะที่พยายามแผ่ขยายอิทธิพลของตนในมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต
แต่คำถามสำคัญคือ.. โลกจะเดินไปทางไหนในสมดุลใหม่นี้? การกลับมาของทรัมป์จะทำให้เกมนี้ง่ายขึ้น หรือมันจะทำให้ซับซ้อนเกินกว่าที่จะควบคุมได้?
“In the battle for power, it’s not the strongest who prevail—it’s the most adaptable.”
"ในการต่อสู้เพื่ออำนาจ ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่รอด แต่คือผู้ที่ปรับตัวได้ดีที่สุด"บทสรุปที่ไม่สิ้นสุด
บทความนี้อาจไม่ได้ให้คำตอบว่าการกลับมาของทรัมป์จะเปลี่ยนโลกไปทางไหน หรือเครือข่ายของ เฮซบอลเลาะห์จะยืดตัวไปถึงจุดใด แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือ.. โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เงามืดขององค์กรใต้ดินและความทะเยอทะยานของมหาอำนาจต่างเกี่ยวพันกันในเครือข่ายที่ซับซ้อน
การกลับมาของทรัมป์อาจเป็นเหมือนการจุดไฟในที่มืด มันสามารถเผาผลาญหรือให้แสงสว่าง แต่มันจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นทางใดทางหนึ่ง
"The shadow of today’s conflicts will cast the shape of tomorrow’s world."
"เงาของความขัดแย้งในวันนี้จะหล่อหลอมรูปทรงของโลกในวันพรุ่งนี้"End credit
"The future does not belong to globalists. The future belongs to patriots." – Donald Trump
ในโลกที่นิยามด้วยเงามืดและพันธมิตรที่แปรเปลี่ยน คำพูดของทรัมป์ดังก้องเหมือนคำท้าทายต่อระบบเดิม..
‘อนาคตไม่ได้เป็นของพวกโลกาภิวัตน์ แต่อยู่ในมือของผู้รักชาติ’
มันคือวิสัยทัศน์ที่มุ่งเขียนนิยามใหม่ให้กับโครงสร้างอำนาจของโลกยุคใหม่ กล้าหาญ ท้าทาย และไม่เคยยอมถอย..