-
@ Jakk Goodday
2024-08-27 14:10:20
เรื่องมันมีอยู่ว่า.. เมื่อไม่นานมานี้พึ่งเกิดข่าวใหญ่สะเทือนวงการเทคฯ เมื่อ Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram แอปฯ แชทสีฟ้าขวัญใจมหาชน โดนรวบตัวคาสนามบินที่ฝรั่งเศส
เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยถึงเสรีภาพในโลกดิจิทัลที่กำลังถูกสั่นคลอน..
https://image.nostr.build/85d4e936e765e2f08596c278369bf258d2bcf85566817521ac73eebaf37fbc07.jpg
ก่อนอื่น.. ต้องยอมรับว่า Telegram นั้นเหนือกว่า Line, WhatsApp, Messenger ที่หลายคนคุ้นเคย
แต่เพราะอะไรล่ะ?
Telegram ไม่ได้เป็นเพียงแค่แอปพลิเคชันแชททั่วไป แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง ทุกข้อความ รูปภาพ และวิดีโอที่ส่งผ่าน Telegram จะถูกเข้ารหัสทันที (End-to-End Encryption)
และจะมีเพียงผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่สามารถถอดรหัสได้ แม้แต่ทีมงานของ Telegram เองก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้
นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าทุกการสื่อสารจะเป็นส่วนตัวและปลอดภัยอย่างแท้จริง ต่างจากแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่มักมีข่าวข้อมูลรั่วไหลอยู่บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ Telegram ยังยืนหยัดในการต่อต้านการเซ็นเซอร์ทุกรูปแบบ ด้วยระบบการทำงานแบบกระจายศูนย์ที่ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง ทำให้ยากต่อการควบคุมหรือปิดกั้น แม้รัฐบาลจะสั่งแบน แต่ Telegram ก็ยังคงสามารถเข้าถึงได้จากทุกมุมโลก
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Telegram ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ เพราะมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ยิ่งไปกว่านั้น Telegram ยังโดดเด่นด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลายและครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกลุ่ม ช่อง การใช้งานบอท การส่งสติกเกอร์ การโหวต และการโอนเงินด้วยคริปโตฯ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมทุกอย่างไว้ในแอปพลิเคชันเดียว
https://image.nostr.build/4e8d6569ee30cf14ab59861eede241ecf1e3a7440bdfa61ad6027187417b782c.jpg
ที่สำคัญ Telegram ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะฮีโร่ในยามวิกฤตมาแล้ว ตัวอย่างเช่น..
ช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน Telegram กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแชร์ข่าว เตือนภัย ระดมทุน และประสานงานช่วยเหลือผู้คน นี่คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีสามารถสร้าง "ความเปลี่ยนแปลง" ได้อย่างแท้จริง
ด้วยความเหนือชั้นที่ว่ามา.. จึงไม่แปลกใจเลยที่ Telegram จะมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 900 ล้านคน
นอกจากนี้ Pavel Durov ผู้สร้าง Telegram ก็เคยสร้าง VK โซเชียลดังในรัสเซีย แต่สุดท้ายก็ต้องหนี เพราะไม่ยอมให้รัฐบาลมาล้วงข้อมูลผู้ใช้ และครั้งนี้ก็เช่นกัน..
การที่ Durov โดนจับที่ฝรั่งเศส มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า อาจจะมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้.. (Don’t trust, verify)
(เหล่านี้เป็นเพียงการตั้งสมมติฐาน ซึ่งไม่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน..)
ข้อสันนิษฐานที่ว่า Telegram อาจมีความสัมพันธ์กับรัสเซีย แม้จะพยายามแสดงจุดยืนเป็นกลางและเป็นอิสระจากรัฐบาลก็ตาม ก็คือช่องทางอย่าง Toncoin
Toncoin เดิมทีมีชื่อว่า Telegram Open Network (TON) และถูกพัฒนาโดยทีม Telegram นำโดย Durov เอง (และ Durov ก็เป็นชาวรัสเซีย)
แม้ต่อมา Telegram จะอ้างว่าตัดความสัมพันธ์กับ Toncoin ไปแล้ว (แต่ความสัมพันธ์ในอดีตก็ยังถูกหยิบยกมาเป็นข้อกังขาได้) โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่ารัสเซียกำลังมีข้อพิพาทกับใครอยู่บ้าง..
มีรายงานว่า Toncoin ระดมทุนจากนักลงทุนชาวรัสเซียจำนวนมาก ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนในรัสเซีย
หรือการจับกุม Durov ครั้งนี้อาจเป็นแผนการเล่นเกมส์การเมืองระดับโลกก็เป็นได้ บางทีนี่อาจเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของชาติมหาอำนาจที่ต้องการควบคุม Telegram เพราะหวั่นเกรงว่ามันจะเป็นเครื่องมือปลุกระดมมวลชน
ที่ผ่านมา Telegram ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงในฮ่องกง การเคลื่อนไหวทางการเมืองในเบลารุส หรือการต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาร์
ยิ่งไปกว่านั้น.. ในโลกยุคดิจิทัลที่ "ข้อมูลมีค่ากว่าทองคำ” ใครก็ตามที่สามารถควบคุม Telegram ได้ ก็เท่ากับควบคุมกระบอกเสียงที่ทรงพลัง สามารถชี้นำความคิด สร้างกระแส และควบคุมมวลชนได้อย่างง่ายดาย
หรือบางที Durov อาจไปขัดขาผลประโยชน์ของใครบางคนใน Silicon Valley จนถูกสั่งเก็บในรูปแบบนี้ อย่าลืมว่าเบื้องหลังวงการเทคโนโลยีนั้นโหดร้ายกว่าที่เราคิด และบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ต่างก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล
ไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาลยุโรปที่ Durov มีปัญหา เพราะแม้แต่ FBI ของอเมริกายังเคยพยายามแทรกแซง Telegram มาแล้ว
มีรายงานว่า FBI พยายามติดต่อ Durov หลายครั้ง ทั้งขู่ ทั้งล่อ ให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ แถมยังชวนวิศวกรในทีม Telegram ให้แอบใส่ช่องโหว่ในระบบอีกต่างหาก แต่ Durov และทีมงานก็แน่วแน่ไม่หวั่นไหว
พวกเขายืนหยัดปกป้องข้อมูลผู้ใช้ราวกับเป็นนักรบ จน FBI ต้องถอยทัพกลับไปแบบหน้าแตกยับเยิน
https://image.nostr.build/d2b0dae3bc84034af3d5cc068f15b223511acd2c8e378da1ade3d3c845e88332.jpg
มีบุคคลสำคัญที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ ได้แก่ Robert F. Kennedy Jr., Elon Musk และ Chris Pavlovski ซีอีโอของ Rumble
โดย Kennedy ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญเร่งด่วนในการปกป้องเสรีภาพในการพูด ในขณะที่ Musk เรียกร้องให้ปล่อยตัว Durov หลายครั้ง ส่วน Pavlovski วิจารณ์การกระทำของฝรั่งเศสโดยมองว่าเป็นการล้ำเส้นในเรื่องของการเซ็นเซอร์
พวกเขามองว่าการจับกุม Durov เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่ที่เกี่ยวกับเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตและการควบคุมของรัฐบาลต่อแพลตฟอร์มดิจิทัล
การจับกุมครั้งนี้จุดประกายการถกเถียงอย่างดุเดือดเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างเสรีภาพและการควบคุมในยุคดิจิทัล โดย Telegram กลายเป็นสมรภูมิสำคัญ
กรณีนี้ชวนให้ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของเสรีภาพออนไลน์และบทบาทของเทคโนโลยีในสังคม..
https://image.nostr.build/31b1fa6cf2a4a67aebe473d03d9d542295de6e35640e14aab99fd9b899fa1bd6.jpg
## **Telegram กับ Youtube บทเรียนราคาแพงของการเซ็นเซอร์**
การจับกุม Durov เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับกรณีของ “Simply Bitcoin” ช่อง Youtube ที่สอนเรื่อง Bitcoin ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน ถูก Youtube ปิดกั้นโดยให้เหตุผลว่า "ละเมิดนโยบาย" ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่คลุมเครือและไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจน
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า.. แม้แต่แพลตฟอร์มที่ดูเหมือนเปิดกว้างอย่าง Youtube ก็ยังสามารถตกเป็นเครื่องมือของการเซ็นเซอร์ได้
https://image.nostr.build/c16f0b0f3ca942467ca598397dadb82f6452c58403402e6fee900ca513aae244.jpg
เมื่อรัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างก็ต้องการควบคุมข้อมูล คำถามคือ.. เราจะทำอย่างไรจึงจะมีอิสรภาพในโลกออนไลน์ได้อย่างแท้จริง?
คำตอบที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ก็คือ Decentralization หรือระบบที่ไม่มีศูนย์กลาง ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครสามารถควบคุมได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “บิตคอยน์” สกุลเงินดิจิทัลที่ปราศจากการควบคุมจากรัฐบาลหรือธนาคารใดๆ ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงและเป็นเจ้าของบิตคอยน์ได้อย่างเท่าเทียม และสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง
ไม่เพียงเท่านั้น.. โลกโซเชียลมีเดียก็กำลังมุ่งหน้าสู่ Decentralization เช่นเดียวกัน แพลตฟอร์มอย่าง Nostr ที่ใช้ระบบกระจายศูนย์ ไม่มีบริษัทหรือองค์กรใดเป็นเจ้าของ ทำให้ผู้ใช้งานทุกคนมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปิดกั้นหรือโดนลบโพสต์
นี่คือภาพสะท้อนของอนาคตแห่งโลกออนไลน์ที่แท้จริง โลกที่ทุกคนจะมีอำนาจเท่าเทียมกัน และมีอิสรภาพในการเข้าถึงข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้อย่างแท้จริง
การเดินทางสู่โลก Decentralization นั้นอาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วมันใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเปิดใจเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Bitcoin, Nostr ซึ่งมีข้อมูลมากมายรอให้คุณค้นคว้า
อย่ากลัวที่จะลอง ลงมือทำ ทดลองใช้ สร้างความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มเหล่านี้ อาจจะเริ่มจากการสมัคร Nostr ผ่านแอป #Wherostr โหลดมาลองโพสต์ แชร์ คุยกับเพื่อนๆ
ยิ่งมีผู้คนใช้งานมากเท่าไหร่ ระบบก็จะยิ่งแข็งแกร่ง และอำนาจก็จะยิ่งกระจายมากขึ้นเท่านั้น
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตั้งคำถามกับตัวเอง เราคิดอย่างไรกับการเซ็นเซอร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์?
เราเชื่อหรือไม่ว่า Bitcoin, Nostr และ Decentralization จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง?
และที่สำคัญที่สุด เราพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่โลก Decentralization แล้วหรือยัง?
อนาคตของโลกดิจิทัลอยู่ในมือของพวกเราทุกคน อย่ายอมเป็นเบี้ยภายใต้การควบคุม แต่จงลุกขึ้นสู้เพื่ออิสรภาพของเราเอง
— Jakk Goodday (เจ้าเก่า)