-
![](https://image.nostr.build/cbe071870aa64b6e6729a203e891749f21584b1805f4f6b3d555f3d350330318.gif)
@ Jakk Goodday
2024-08-27 05:53:16
ในโลกของเหรียญดิจิทัล ที่แสงสีเสียงดังแข่งกันโครมๆ ระยิบระยับราวกับงานวัด มีหนึ่งตำนานที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างไม่อาจลบเลือนได้ ตำนานที่สร้างบาดแผลให้กับนักลงทุนหลายหมื่นคนทั่วโลก และเป็นเสมือนตราบาปที่คอยฉุดรั้งการเติบโตของวงการบิตคอยน์เอาไว้อย่างยาวนาน...
..ตำนานนั้นมีชื่อว่า **“Mt. Gox”** ศูนย์กลางการซื้อขายบิตคอยน์ที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่วันนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังและตำนานแห่งความเจ็บปวด
https://image.nostr.build/f45d069f4113ea9a28bbacb8da44d19899b42685825e8e8c0e8c42286fa22995.jpg
หายนะที่ทำให้บิตคอยน์ประมาณ 850,000 BTC มูลค่ากว่า 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น (หรือราวๆ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.36 ล้านล้านบาท) ในปัจจุบัน) หายวับไปกับตา!
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง? อะไรที่ทำให้เว็บเทรดที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกต้องล่มสลายลง?
และที่สำคัญที่สุด... เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากหายนะในครั้งนี้?
บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยไปสำรวจเรื่องราวทั้งหมดของ Mt. Gox ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่แสนจะธรรมดา ไปจนถึงจุดจบที่น่าสลดหดหู่ พร้อมกับบทเรียนราคาแพงที่เราทุกคนควรจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ (ยาวนะครับ..)
// จากเว็บเทรดการ์ดเกมสู่ศูนย์กลางบิตคอยน์
เรื่องราวของ Mt. Gox เริ่มต้นขึ้นในปี 2006 ไม่ใช่ด้วยบิตคอยน์อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เริ่มจาก Jed McCaleb โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้คลั่งไคล้ในการ์ดเกม "Magic: The Gathering Online" ที่อยากจะสร้างเว็บไซต์สำหรับเทรดการ์ดเกมออนไลน์
ชื่อ Mt. Gox ก็มาจาก **"Magic: The Gathering Online eXchange"** นั่นเองครับ..
ในช่วงแรกๆ Mt. Gox ก็เป็นแค่เว็บเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่แล้วในปี 2010 จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้น..
McCaleb ได้รู้จักกับบิตคอยน์สกุลเงินดิจิทัลน้องใหม่ที่กำลังมาแรง และเขาตัดสินใจเปลี่ยน Mt. Gox ให้กลายเป็นศูนย์กลางการซื้อขายบิตคอยน์มันซะเลย!
การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Mt. Gox กลายเป็นตำนาน
ในยุคนั้นบิตคอยน์ยังเป็นเรื่องใหม่มากๆ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ แถมยังมองว่ามันเป็นของเล่นไร้สาระสำหรับพวก Geek เท่านั้น แต่ McCaleb เขามองเห็นศักยภาพของมัน เขาเชื่อว่าบิตคอยน์จะเปลี่ยนโลก!
Mt. Gox จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายบิตคอยน์แห่งแรกๆ ของโลกและมันก็เติบโตอย่างรวดเร็ว.. เร็วแบบติดจรวดเลยล่ะครับ เพราะในตอนนั้นมันแทบไม่มีคู่แข่งเลย ใครอยากซื้อขายบิตคอยน์ก็ต้องมาที่ Mt. Gox นักลงทุนทั่วโลกแห่กันมาที่นี่ ทำให้ Mt. Gox กลายเป็นศูนย์กลางของตลาดบิตคอยน์
ในช่วงพีคๆ Mt. Gox เคย handle การซื้อขาย Bitcoin มากกว่า 70% ของทั้งโลก!
นึกภาพตามนะครับ..
ในยุคนั้นบิตคอยน์ยังเป็นเหมือนดินแดนป่าเถื่อน ไม่มีกฎหมาย ไม่มีการควบคุม ใครอยากทำอะไรก็ทำ Mt. Gox ก็เลยเหมือนเป็นเสมือนนายอำเภอที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยในเมือง..
## ภายใต้เงาอำนาจ..
ในปี 2011, McCaleb ตัดสินใจขาย Mt. Gox ให้กับ Mark Karpelès โปรแกรมเมอร์ชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น Karpelès เข้ามาบริหาร Mt. Gox ต่อ และพยายามขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก
แต่.. การเติบโตอย่างรวดเร็วนั้น ก็มาพร้อมกับปัญหา
ปัญหาแรกเลยก็คือเรื่อง "ความปลอดภัย"
ในปี 2011 Mt. Gox โดนแฮ็กครั้งแรก บิตคอยน์ประมาณ 25,000 BTC ถูกขโมยไป ตอนนั้นมันอาจจะดูไม่เยอะ แต่ถ้าคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบันก็หลายหมื่นล้านบาทอยู่นะครับ
และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของหายนะ...
ปัญหาที่สอง คือ "การบริหารจัดการอันห่วยแตก"
Karpelès ไม่ได้เป็นนักธุรกิจมืออาชีพ เขาเป็นแค่โปรแกรมเมอร์ที่หลงใหลในบิตคอยน์ เขาขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการบริษัทขนาดใหญ่
Mt. Gox เริ่มมีปัญหาภายใน ทั้งเรื่องการเงิน การจัดการ และความโปร่งใส ลูกค้าเริ่มบ่นว่าถอนเงินไม่ได้ ระบบมีปัญหา
และที่สำคัญ.. Karpelès ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง "ความปลอดภัย" มากพอนัก
เขาคิดว่า Mt. Gox มันใหญ่เกินกว่าจะล้มได้ ใครจะกล้ามาแหยม?
..แต่เขาคิดผิด.. อย่างมหันต์
## จุดจบของตำนาน..
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014, Mt. Gox ประกาศระงับการถอนเงินทั้งหมด อ้างว่าระบบมีปัญหา.. กำลังทำการแก้ไข
แต่มันไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ.. มันคือหายนะครั้งใหญ่หลวง!
บิตคอยน์กว่า 850,000 BTC มูลค่ากว่า 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐในตอนนั้นหายไปจาก Mt. Gox ไม่ใช่แค่เงินของลูกค้า.. แต่เป็นเงินของ Mt. Gox เองด้วย
Karpelès ออกมาแถลงข่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า บอกว่า Bitcoin ถูกขโมยไปจากการโดนแฮ็ก..
โลกทั้งใบแทบแตก! นักลงทุนช็อก! ราคาบิตคอยน์ร่วงระนาว! ความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตฯ สั่นคลอน!
Mt. Gox ล้มละลาย..
และกลายเป็นตำนานแห่งหายนะที่ไม่มีใครลืม..
## บทเรียนราคาแพงที่เราต้องจดจำ
การล่มสลายของ Mt. Gox เป็นเหมือนระเบิดปรมาณูที่ถล่มวงการบิตคอยน์ มันทำให้คนทั่วโลกตระหนักถึงความเสี่ยงของคริปโตเคอเรนซี และความสำคัญของการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ "ปลอดภัย" และ "น่าเชื่อถือ"
มันยังเป็นเครื่องเตือนใจว่าความโลภ และความประมาท อาจนำไปสู่หายนะได้ ไม่ว่าคุณจะลงทุนในอะไร ก็ต้องศึกษาให้ดี ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา หรือคำอวยเว่อร์ๆ
และที่สำคัญ..
**"Not your keys, not your coins"**
หากคุณไม่ถือ Private Key ด้วยตัวเอง คุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าของบิตคอยน์ที่แท้จริง
เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเว็บเทรด.. คุณก็อาจจะซวยเหมือนกับลูกค้า Mt. Gox กว่า 24,000 คน ที่ต้องรอคอยเงินคืนยาวนานนับ 10 ปี และบางคนก็อาจจะไม่ได้อะไรคืนเลย..
## เปิดโปงเบื้องหลัง
หลังจาก Mt. Gox ล่มสลาย เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนสอบสวน และพบว่ามีบุคคลสำคัญอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
1. “Alexander Vinnik” ผู้ก่อตั้ง BTC-e
ถูกจับในข้อหาฟอกเงินที่ได้จากการแฮ็ก Mt. Gox เขาถูกกล่าวหาว่าใช้ BTC-e ในการฟอกเงินมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงเงินที่ขโมยมาจาก Mt. Gox ด้วย
หน่วยงานของสหรัฐฯ ระบุว่า Vinnik ใช้ BTC-e เพื่อฟอกเงินให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแฮ็กคอมพิวเตอร์ และการค้ายาเสพติด
พวกเขายังเชื่อมโยง Vinnik กับการล่มสลายของ Mt. Gox โดยกล่าวหาว่าเขาฟอกเงินที่ถูกขโมยผ่าน BTC-e และ Tradehill ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเว็บเทรดที่เขาเป็นเจ้าของ
การจับกุม Vinnik เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการต่อเนื่องของสหรัฐฯ ในการต่อต้านอาชญากรไซเบอร์ชาวรัสเซียในยุโรป ในปี 2024 Vinnik ได้ยอมรับสารภาพผิดในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน
2. “Alexey Bilyuchenko” และ “Aleksandr Verner”
สองชาวรัสเซีย ถูกตั้งข้อหาในปี 2023 ว่ากันว่าพวกเขาขโมยบิตคอยน์ไปกว่า 647,000 BTC และนำไปฟอกเงินผ่าน BTC-e และแพลตฟอร์มอื่นๆ
## เส้นทางสู่การเยียวยา
การล่มสลายของ Mt. Gox ทำให้ลูกค้าหลายหมื่นคนต้องสูญเสียบิตคอยน์ไป และต้องต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายอันยาวนาน
ในที่สุดก็มีความคืบหน้า ในเดือนมิถุนายน 2018 ศาลแขวงโตเกียวได้อนุมัติคำร้องของเจ้าหนี้เพื่อเริ่มกระบวนการฟื้นฟูทางแพ่ง ซึ่งอนุญาตให้มีเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการชดเชยตามมูลค่าปัจจุบันของเหรียญที่สูญหายไป
เจ้าหนี้ (ผู้เสียหาย) สามารถเริ่มยื่นข้อเรียกร้องใหม่ภายใต้กระบวนการเหล่านี้ได้ในวันที่ 23 สิงหาคม 2018
ในที่สุด.. ในเดือนกรกฎาคม 2024 Mt. Gox ก็เริ่มชำระคืนบิตคอยน์ และบิตคอยน์แคช ให้กับเจ้าหนี้ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย
ทนายความ Nobuaki Kobayashi ดูแลกระบวนการนี้ โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการตรวจสอบและข้อตกลงกับเจ้าหนี้ทั้งหมดก่อนที่จะมีการจ่ายเงิน
การชำระเงินคืนนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ เนื่องจากเจ้าหนี้ต้องรอคอยมานานเกือบทศวรรษ นับตั้งแต่การล่มสลายของเว็บเทรดในปี 2014
จาก 850,000 BTC ที่สูญหายไป มีการกู้คืนกลับมาได้ 200,000 Bitcoin ซึ่ง 60,000 Bitcoin ในนั้นถูกขายโดยผู้ดูแลผลประโยชน์เพื่อเป็นทุนในการดำเนินการต่างๆ
และเนื่องจากมูลค่าของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก กระบวนการชำระคืนจึงมีมูลค่ามหาศาล การเริ่มต้นการชำระคืนจึงเป็นเรื่องใหญ่ในวงการคริปโต
ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2024 Mt. Gox ได้ย้าย 47,228 BTC มูลค่าประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์ออกจากกระเป๋าเงินออฟไลน์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชำระคืน
บริษัทต่างๆ เช่น MtGoxBalanceBot ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้อย่างโปร่งใสและให้ข้อมูลอัปเดตแก่ชุมชน
ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2024 Mt. Gox ได้โอน Bitcoin มูลค่า 2.85 พันล้านดอลลาร์ไปยังกระเป๋าเงินใหม่ โดย 340 ล้านดอลลาร์ในจำนวนนั้นถูกส่งไปยังที่อยู่ที่ Bitstamp เป็นเจ้าของ
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการโอน 37,477 BTC มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่รู้จัก
มีการเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่ง ณ ปัจจุบันมีการแจกจ่าย Bitcoin ให้กับเจ้าหนี้ Mt. Gox ไปแล้วจำนวนมาก และยังเหลืออีกประมาณ 45,000 BTC ที่จะต้องคืน (จาก140,000 แสน เหลือ 44,899K BTC คิดเป็นคืนไปแล้วราวๆ 60%)
กระบวนการนี้ยังคงดำเนินต่อไป และเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวจำนวนมากในตลาดคริปโตฯ โดยจำนวนเงินทั้งหมดที่ยังคงค้างชำระให้กับเจ้าหนี้ โดยจำนวนเงินทั้งหมดที่ยังคงค้างชำระเจ้าหนี้นั้นคิดเป็นประมาณ 0.7% ของ Bitcoin ทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด
850,000 Bitcoin ที่สูญหายไปนั้นมีมูลค่าประมาณ 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่เกิดการแฮ็ก และ 140,000 Bitcoin ที่กู้คืนได้นั้นมีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ ราคา 70,000 ดอลลาร์ต่อ Bitcoin
นั่นหมายความว่าเจ้าหนี้จะได้รับมูลค่าคืนมากกว่า 16 เท่าในตลาดปัจจุบัน..
## บทสรุป
เรื่องราวของ Mt. Gox เป็นเหมือนบทเรียนราคาแพงที่สอนให้พวกเรารู้ว่า..
### อย่าฝากไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว
การรวมศูนย์อำนาจในการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ที่เดียวมีความเสี่ยงสูง การกระจายความเสี่ยงโดยการใช้บริการหลายๆ แพลตฟอร์ม หรือ self-custody เป็นสิ่งสำคัญ
### ความจำเป็นในการกำกับดูแล
เหตุการณ์ Mt. Gox กระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความเข้มงวดมากขึ้นต่อเว็บเทรดคริปโตฯ ทั่วโลก เพื่อปกป้องนักลงทุน
### ความรับผิดชอบ
ผู้บริหารแพลตฟอร์ม ต้องมีความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของลูกค้า และดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์ และยุติธรรม
### ความไม่แน่นอนของตลาดคริปโตฯ
ตลาดคริปโตฯ ยังคงมีความผันผวนสูง และมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
เรื่องราวของ Mt. Gox จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตตลอดไป มันเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของความปลอดภัย ความโปร่งใส และความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเป็นแรงผลักดันให้วงการนี้พัฒนาไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต..