-
@ pao.siwat
2024-06-05 10:49:37ในปัจจุบันสภาพอากาศภาพรวมทั้งโลกมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน และส่งผลกระทบต่อผู้คนบนโลกทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีรายได้มากกว่ารายจ่ายไม่เพียงพอต่อการเก็บออมให้เพียงพอกับการยกระดับคุณภาพชีวิต หรือพวกเขาไม่สามารถมีเงินสดที่เพียงพอต่อการไปใช้ในการยกระดับอาชีพ ,กิจการธุรกิจของพวกเขาให้เติบโตขึ้นมาในตลาดได้อย่างมั่นคง
ตรงกันข้าม กลุ่มคนที่มีรายได้สูง และสามารถเข้าถึง สินเชื่อได้ง่ายกว่ากลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่ามากๆ ทำให้ความสามารถการเข้าถึงสินเชื่อของพวกเขามีสูงกว่ามากและที่สำคัญการดำเนินธุรกิจของ กลุ่มคน หรือผู้ประกอบการกลุ่มนี้ เป็นหนึ่งในปัจจัยต้นเหตุที่สำคัญมากที่สภาวะแปรปรวนของโลกหนักขึ้น และเร็วกว่าที่หลายๆฝ่ายได้คาดการณ์ไว้
จากผลกระทบที่กล่าวมาข้างต้น เป็นประเด็นที่ใหญ่มาก และหลายฝ่ายในสังคมโลกให้ความสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาวะโลกแปรปรวนรุนแรงและรวดเร็ว ที่เป็นห่วงกันว่าจะกระทบต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งหมด
เพราะการที่ใช้นโยบายที่ก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเกิดความจำเป็น มากเกินกว่าความต้องการของมนุษย์ เป็นการจัดการและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดได้ไม่คุ้มค่า ทำให้สภาพแวดล้อมสิ่งแวดล้อมโลกฟื้นฟูตัวเองให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้
และอีกประเด็นคือ ผลกระทบต่อลักษณะสังคมของมนุษย์ทั้งหมด เกิดความขัดแย้งกันทางความเหลื่อมล้ำทางรายได้ให้ห่างชั้นมากขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาที่เกิดจากแนวคิดการดำเนินระบบเศรษฐกิจ การเงิน กระแสหลักของผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ การเงิน ในโลก ที่ใช้แนวคิดการควบคุมระบบเศรษฐกิจให้มีการเจริญเติบโตผิดธรรมชาติของกลไกตลาด มากเกินไป
จากแนวคิด ความเชื่อ กระแสหลักของผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายบนโลก ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโต เพื่อไม่ให้ สูญเสียความนิยมจากประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกผู้ปกครองเข้ามาใช้อำนาจแทนพวกเขา แต่ผลกระทบที่ได้จากการดำเนินนโยบายดังกล่าว ทำให้พวกเขาที่มีรายได้จากการทำงาน เพื่อให้ชีวิตเติบโตมากขึ้น ได้รับผลกระทบสูงมาก อย่างเลี่ยงไม่ได้ว่านโยบายที่ว่านั้นได้ไปซ้ำเติมกดขี่ให้จะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อแข่งกับเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วมาก ที่เกิดจากนโยบายทางเศรษฐกิจ การเงินข้างต้น
โดยที่พวกเขาอาจจะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ได้ง่ายว่า นโยบายที่พวกเขาอยากได้นั้นจากนักการเมือง นักเลือกตั้ง ที่ใช้หาเสียง เพื่อเข้าไปมีอำนาจปกครองให้นโยบาย ดังกล่าวได้นำไปใช้นั้น มันจะกลับมาทำร้าย กดขี่ พวกเขาโดยไม่รู้ตัวอย่างที่มีความแยบยลอย่างมาก
ซึ่งนักการเมืองที่นำนโยบายนั้นไปใช้หาเสียง ก็อาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่ามันก็จะสามารถย้อนกลับมาทำร้ายประชาชนที่เขารัก จนกระทั่งแม้ตัวของนักการเมืองเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย จากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของพวกเขาโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด คงจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอว่า สมควรจะเปลี่ยน แปลงแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ การเงิน จากที่ทุกวันนี้ที่ผู้มีอำนาจต้องการ และความเชื่อของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ ว่าแนวความคิด ความเชื่อของเศรษฐศาสตร์ที่เป็นกระแสหลักนั้น กำลังทำลายโลกทั้งทางกายภาพสภาพแวดล้อม และสภาพสังคมของมนุษย์ให้แย่ลงไปกว่านี้
การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบกลับด้านกับแนวของนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก โดยการหยุดการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ การเงิน ให้ระบบเศรษฐกิจ การเงิน ให้เป็นไปตามกลไกของตลาดเสรีตามธรรมชาติของตลาดจริงๆ
ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วงว่าสภาวะตลาดจะปั่นป่วน เพราะตลาดเสรีโดยธรรมชาติ นั้นจะมีวิธีการจัดการตัวเองที่ดีกว่าการบริหารจัดการของผู้มีอำนาจปกครองได้มากกว่ามากๆ
เพราะว่าผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน ไม่อาจสามารถล่วงรู้กลไกของตลาดได้อย่างแม่นยำ ครบถ้วนอย่างแน่นอน กลไกตลาดในธรรมชาติ มีความหลากหลายซับซ้อนสูงกว่าที่พวกเขาจะสามารถกำหนดนโยบายได้อย่างแม่นยำ
แน่นอนว่าสภาวะหลังจากนั้นมันจะเป็นสภาวะที่เงินเฟ้อลดลง หรือเกิดสภาวะที่ฝืดมากขึ้นจากเดิม ซึ่งสภาวะเงินที่ฝืดนั่นแหละคือสภาวะที่เราต้องการ และจะต้องทำเพื่อมาหยุดยั้งปัญหาเชิงกายภาพของโลก และสภาพสังคมที่ย่ำแย่ที่กำลังมีแนวโน้มความเหลื่อมล้ำมากขึ้นในทุกขณะ
เชื่อมั่นในสภาวะของตลาดในธรรมชาติที่ไร้การแทรกแซงจากคนที่มีอำนาจคนใดคนหนึ่ง เพราะความหลากหลาย เฉพาะตัวของมนุษย์ทุกคนในธรรมชาตินั้นมีความแตกต่างกันมากเกินกว่า ที่จะมีมนุษย์ที่มีอำนาจแค่ไม่กี่คนจะควบคุมและกำหนดสภาวะของตลาด ให้เป็นผลดีต่อโลกและสังคมมนุษย์ ในระยะยาวได้>