
@ Learning_BTC&NOSTR
2025-03-08 07:08:11
## Bitcoin Core: The Reference Implementation
---
ผู้คนจะยอมรับเงินใด ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าและบริการก็ต่อเมื่อคนนั้น ๆ เชื่อว่าเงินนี้จะมีมูลค่าในอนาคต เงินปลอมหรือเงินที่เสื่อมค่าโดยไม่คาดคิดนั้นอาจไม่สามารถใช้ได้ในอนาคต ดังนั้นทุกคนที่รับบิตคอยน์จึงมีแรงจูงใจที่แข็งแกร่งในการตรวจสอบความถูกต้องของบิตคอยน์ที่พวกเขาได้รับ ระบบของบิตคอยน์นั้นถูกออกแบบมาให้เข้าถึง, ป้องกันการปลอมแปลง, การเสื่อมค่า และปัญหาสำคัญอื่น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ได้ด้วยคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยซอฟต์แวร์ที่ให้ฟังก์ชันนี้เรียกว่า Full node ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมบิตคอยน์ทุกครั้งที่ได้รับการยืนยันตามกฎของระบบ นอกจากนี้ Full node ยังสามารถให้เครื่องมือและข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจการทำงานของบิตคอยน์และสภาพปัจจุบันของเครือข่าย
ในบทนี้เอง เราจะทำการติดตั้ง Bitcoin Core ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้งาน Full node ส่วนใหญ่เลือกใช้เพื่อเป็นประตูบานแรกในการเข้าถึงระบบนิเวศของบิตคอยน์ เราจะตรวจสอบบล็อก ธุรกรรม และข้อมูลอื่น ๆ จากโหนดของคุณ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ (ไม่ใช่เพราะหน่วยงานทรงอำนาจกำหนดให้เป็นเช่นนั้น) แต่เป็นเพราะโหนดของคุณได้ตรวจสอบข้อมูลนั้นอย่างอิสระ ตลอดเนื้อหาที่เหลือในหนังสือเล่มนี้ เราจะใช้ Bitcoin Core เพื่อสร้างและตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนและเครือข่าย
### จาก Bitcoin สู่ Bitcoin Core
บิตคอยน์เป็นโครงการโอเพ่นซอร์ส โดยซอร์สโค้ดทั้งหมดก็สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรีภายใต้ใบอณุญาตแบบเปิด (MIT License) นอกจากจะเป็นโอเพ่นซอร์สแล้วบิตคอยน์ยังได้รับการพัฒนาโดยชุมชนอาสาสมัครแบบเปิดกว้าง แน่นอนว่าในช่วงแรกนั้นชุมชนนี้ประกอบด้วย Satoshi Nakamoto เพียงคนเดียว แต่ภายในปี 2023 ซอร์สโค้ดของบิตคอยน์มีผู้ร่วมพัฒนามากกว่า 1,000 คน
เมื่อ Satoshi Nakamoto ได้สร้างซอฟแวร์บิตคอยน์ตัวนี้และพัฒนามันจนเกือบสมบูรณ์ก่อนแล้วจึงเผยแพร่เอกสารไวท์เปเปอร์ เขาน่าจะต้องการให้มั่นใจว่าการใช้งานจริงสามารถทำงานได้ก่อนเผยแพร่เอกสาร โดยซอฟต์แวร์เวอร์ชันแรกที่รู้จักในชื่อ "Bitcoin" นั้นได้รับการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างมาก จนได้กลายเป็นสิ่งที่เรารู้จักกันในชื่อ Bitcoin Core และเพื่อแยกความแตกต่างจากการใช้งานอื่น ๆ Bitcoin Core เป็นซอฟต์แวร์ต้นแบบอ้างอิง (reference implementation) ของระบบบิตคอยน์ซึ่งแสดงวิธีการทำงานของแต่ละส่วนในเชิงเทคโนโลยี นอกจากนี้ Bitcoin Core รวมถึงการใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดของบิตคอยน์ เช่น กระเป๋าเงิน เครื่องมือตรวจสอบธุรกรรมและบล็อก เครื่องมือสำหรับการสร้างบล็อก และส่วนต่าง ๆ ของการสื่อสารแบบ peer-to-peer ของบิตคอยน์

### Bitcoin Development Environment
สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการเขียนแอปพลิเคชันเกี่ยวกับบิตคอยน์ ทั้งการตั้งค่าสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนาพร้อมเครื่องมือ ไลบรารี และซอฟต์แวร์สนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเนื้อหาในบทนี้นั้นจะเป็นเรื่องทางเทคนิคอลค่อนข้างเยอะ ในบทนี้เราจะอธิบายขั้นตอนการตั้งค่าอย่างละเอียด หากคุณพบว่าเนื้อหานี้ซับซ้อนเกินไป (และไม่ได้ต้องการตั้งค่าสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนาจริง ๆ) คุณสามารถข้ามไปยังบทถัดไปที่มีเนื้อหาน้อยทางเทคนิคกว่าได้
### มาคอมไพล์ Bitcoin core จากซอร์สโค้ดกันเถอะ !!
ซอร์สโค้ดทั้งหมดของ BItcoin Core นั้นสามารถดาวน์โหลดได้ในรูปแบบไฟล์อาร์ไคฟ์หรือโดยการโคลนที่เก็บซอร์สโค้ดจาก GitHub โดยตรง บนหน้าดาวน์โหลดของ Bitcoin Core ให้เลือกเวอร์ชันล่าสุดและดาวน์โหลดไฟล์อัดบีบของซอร์สโค้ด หรือใช้คำสั่ง Git เพื่อสร้างสำเนาซอร์สโค้ดบนเครื่องของคุณจากหน้า GitHub ของ Bitcoin
> TIP: ในตัวอย่างหลาย ๆ ส่วนของบทนี้ เราจะใช้ อินเทอร์เฟซบรรทัดคำสั่ง (Command-Line Interface - CLI) ของระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกว่า "shell" ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชัน terminal โดย shell จะแสดง พรอมต์ (prompt) เพื่อรอรับคำสั่งที่คุณพิมพ์ จากนั้นจะแสดงผลลัพธ์ออกมาแล้วรอรับคำสั่งถัดไป
> TIP จากหลาม: แบบง่าย ๆ ก็คือไม่ต้องพิมพ์ $ และถ้าพิมพ์จบหนึ่งคำสั่งก็กด enter ซ่ะด้วย
ขั้นตอนในการลง bitcoin core มีดังนี้:
1. สั่ง git clone เพื่อทำการสร้างสำเนาของซอร์สโค้ดลงในเครื่องของเรา
```
$ git clone https://github.com/bitcoin/bitcoin.git
Cloning into 'bitcoin'...
remote: Enumerating objects: 245912, done.
remote: Counting objects: 100% (3/3), done.
remote: Compressing objects: 100% (2/2), done.
remote: Total 245912 (delta 1), reused 2 (delta 1), pack-reused 245909
Receiving objects: 100% (245912/245912), 217.74 MiB | 13.05 MiB/s, done.
Resolving deltas: 100% (175649/175649), done.
```
>TIP: Git เป็นระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นส่วนสำคัญในเครื่องมือของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ คุณอาจจำเป็นต้องติดตั้งคำสั่ง git หรือส่วนต่อประสานกราฟิก (GUI) สำหรับ Git บนระบบปฏิบัติการของคุณ หากยังไม่มี
2. เมื่อการโคลน Git เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณจะมีสำเนาท้องถิ่นครบถ้วนของที่เก็บซอร์สโค้ดในไดเรกทอรี bitcoin ให้เปลี่ยนไปยังไดเรกทอรีนี้โดยใช้คำสั่ง cd:
```
$ cd bitcoin
```
3. เลือก version ของ bitcoin core: โดยค่าเริ่มต้น สำเนาจองเราจะซิงโครไนซ์กับโค้ดล่าสุด ซึ่งอาจเป็นเวอร์ชันที่ไม่เสถียรหรือเบต้าของ Bitcoin ก่อนที่จะคอมไพล์โค้ด ให้เลือกเวอร์ชันเฉพาะโดยการตรวจสอบ (checkout) แท็กของการปล่อย (release tag) ซึ่งจะซิงโครไนซ์สำเนาท้องถิ่นกับสแนปช็อตของที่เก็บซอร์สโค้ดที่ระบุด้วยแท็ก แท็กเหล่านี้ถูกใช้งานโดยนักพัฒนาเพื่อระบุเวอร์ชันของโค้ดตามหมายเลขเวอร์ชัน ซึ่งทำได้โดยใช้คำสั่ง git tag
```
$ git tag
v0.1.5
v0.1.6test1
v0.10.0
...
v0.11.2
v0.11.2rc1
v0.12.0rc1
v0.12.0rc2
...
```
รายการแท็กจะแสดงทุกเวอร์ชันที่ปล่อยออกมา โดยทั่วไป release candidates (เวอร์ชันทดสอบ) จะมีต่อท้ายว่า "rc" ส่วนเวอร์ชันเสถียรที่ใช้งานในระบบ production จะไม่มีต่อท้ายอะไรเลย จากรายการด้านบน ให้เลือกเวอร์ชันที่สูงสุด ซึ่งในขณะที่เขียนบทความนี้คือ v24.0.1 เพื่อซิงโครไนซ์โค้ดท้องถิ่นกับเวอร์ชันนี้ ให้ใช้คำสั่ง:
```
$ git checkout v24.0.1
Note: switching to 'v24.0.1'.
```
จากนั้นสั่ง git status เพื่อเช็คเวอร์ชัน
### Configuring the Bitcoin Core Build
ในโค้ดของบิตคอยน์ที่เราได้ดาวน์โหลดมาในหัวข้อก่อนหน้านั้น มีเอกสารประกอบอยู่หลายไฟล์ โดยคุณสามารถดูเอกสารหลักได้จากไฟล์ README.md ในไดเรกทอรี bitcoin ในบทนี้ เราจะสร้าง daemon (เซิร์ฟเวอร์) ของ Bitcoin Core ซึ่งรู้จักกันในชื่อ bitcoind บน Linux (หรือระบบที่คล้ายกับ Unix) โดยให้ตรวจสอบคำแนะนำสำหรับการคอมไพล์ bitcoind แบบบรรทัดคำสั่งบนแพลตฟอร์มของคุณโดยอ่านไฟล์ doc/build-unix.md นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำสำหรับระบบอื่น ๆ ในไดเรกทอรี doc เช่น build-windows.md สำหรับ Windows จนถึงขณะนี้ คำแนะนำมีให้สำหรับ Android, FreeBSD, NetBSD, OpenBSD, macOS (OSX), Unix
หลังจากนั้นคุณควรตรวจสอบความต้องการเบื้องต้นในการสร้าง (build pre-requisites) ซึ่งระบุไว้ในส่วนแรกของเอกสารการสร้าง สิ่งเหล่านี้คือไลบรารีที่ต้องมีอยู่ในระบบของคุณก่อนที่คุณจะเริ่มคอมไพล์ Bitcoin หากมีไลบรารีที่จำเป็นหายไป กระบวนการสร้างจะล้มเหลวและแสดงข้อผิดพลาด หากเกิดปัญหานี้เพราะคุณพลาด pre-requisite คุณสามารถติดตั้งไลบรารีที่ขาดหายไปแล้วดำเนินการสร้างต่อจากจุดที่ค้างไว้
สมมุติว่า pre-requisite ถูกติดตั้งแล้ว ให้เริ่มกระบวนการสร้างโดยการสร้างชุดสคริปต์สำหรับการสร้างด้วยการรันสคริปต์ autogen.sh:
___
```
$ ./autogen.sh
libtoolize: putting auxiliary files in AC_CONFIG_AUX_DIR, 'build-aux'.
libtoolize: copying file 'build-aux/ltmain.sh'
libtoolize: putting macros in AC_CONFIG_MACRO_DIRS, 'build-aux/m4'.
...
configure.ac:58: installing 'build-aux/missing'
src/Makefile.am: installing 'build-aux/depcomp'
parallel-tests: installing 'build-aux/test-driver'
```
สคริปต์ autogen.sh นี้จะสร้างชุดสคริปต์ที่กำหนดค่าอัตโนมัติที่จะตรวจสอบระบบของคุณเพื่อค้นหาการตั้งค่าที่ถูกต้องและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีไลบรารีที่จำเป็นสำหรับการคอมไพล์โค้ด โดยสคริปต์ที่สำคัญที่สุดในสคริปต์เหล่านี้คือสคริปต์ configure ซึ่งมีตัวเลือกต่าง ๆ สำหรับการปรับแต่งกระบวนการสร้าง
ใช้ flag --help เพื่อดูตัวเลือกทั้งหมด:
```
$ ./configure --help
`configure' configures Bitcoin Core 24.0.1 to adapt to many kinds of systems.
Usage: ./configure [OPTION]... [VAR=VALUE]...
...
Optional Features:
--disable-option-checking ignore unrecognized --enable/--with options
--disable-FEATURE do not include FEATURE (same as --enable-FEATURE=no)
--enable-FEATURE[=ARG] include FEATURE [ARG=yes]
--enable-silent-rules less verbose build output (undo: "make V=1")
--disable-silent-rules verbose build output (undo: "make V=0")
...
```
สคริปต์ configure ช่วยให้คุณสามารถเปิดหรือปิดคุณสมบัติบางอย่างของ bitcoind ผ่านการใช้ flag --enable-FEATURE และ --disable-FEATURE โดยที่ FEATURE แทนชื่อคุณสมบัติที่ระบุในข้อความช่วยเหลือ ในบทนี้ เราจะสร้าง bitcoind ด้วยคุณสมบัติตั้งต้นทั้งหมด โดยไม่ใช้ flag การกำหนดค่าเพิ่มเติม แต่คุณควรตรวจสอบตัวเลือกเหล่านี้เพื่อเข้าใจว่ามีคุณสมบัติเพิ่มเติมอะไรบ้าง หากคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษา ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ หรือมีข้อจำกัดในการติดตั้งโปรแกรม คุณอาจต้องติดตั้งแอปพลิเคชันไว้ในไดเรกทอรี home (เช่นโดยใช้ flag --prefix=$HOME)
ตัวเลือกที่มีประโยชน์สำหรับการกำหนดค่า
- --prefix=$HOME: เปลี่ยนตำแหน่งการติดตั้งเริ่มต้น (ซึ่งโดยปกติคือ /usr/local/) ให้เป็นไดเรกทอรี home ของคุณ หรือเส้นทางที่คุณต้องการ
- --disable-wallet: ใช้เพื่อปิดการใช้งานฟังก์ชัน wallet แบบอ้างอิง
- --with-incompatible-bdb: หากคุณกำลังสร้าง wallet ให้ยอมรับการใช้ไลบรารี Berkeley DB เวอร์ชันที่ไม่เข้ากันได้
- --with-gui=no: ไม่สร้างส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก (GUI) ซึ่งต้องใช้ไลบรารี Qt โดยตัวเลือกนี้จะสร้างเฉพาะเซิร์ฟเวอร์และ Bitcoin Core แบบ commandline เท่านั้น
```
```
ต่อไป ให้รันสคริปต์ configure เพื่อให้ระบบตรวจสอบไลบรารีที่จำเป็นทั้งหมดและสร้างสคริปต์สำหรับการสร้างที่ปรับแต่งให้ตรงกับระบบของคุณ:
```
$ ./configure
checking for pkg-config... /usr/bin/pkg-config
checking pkg-config is at least version 0.9.0... yes
checking build system type... x86_64-pc-linux-gnu
checking host system type... x86_64-pc-linux-gnu
checking for a BSD-compatible install... /usr/bin/install -c
...
[many pages of configuration tests follow]
...
```
หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี คำสั่ง configure จะสิ้นสุดด้วยการสร้างสคริปต์การสร้างที่ปรับแต่งให้กับระบบของคุณ แต่หากมีไลบรารีที่หายไปหรือเกิดข้อผิดพลาด คำสั่ง configure จะหยุดและแสดงข้อผิดพลาดแทนที่จะสร้างสคริปต์ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น สาเหตุที่พบบ่อยคือการขาดหายหรือความไม่เข้ากันของไลบรารี ให้ตรวจสอบเอกสารการสร้างอีกครั้งและติดตั้ง pre-requisite ที่ขาดไป จากนั้นรัน configure อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหานั้นได้รับการแก้ไขแล้วหรือไม่
### การสร้าง Executable ของ Bitcoin Core
ต่อไป คุณจะทำการคอมไพล์ซอร์สโค้ด กระบวนการนี้อาจใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเร็วของ CPU และหน่วยความจำที่มีอยู่ หากเกิดข้อผิดพลาด หรือการคอมไพล์ถูกขัดจังหวะ คุณสามารถดำเนินการต่อได้โดยการพิมพ์คำสั่ง make อีกครั้ง
พิมพ์ make เพื่อเริ่มคอมไพล์แอปพลิเคชันที่สามารถรันได้:
```
$ make
Making all in src
CXX bitcoind-bitcoind.o
CXX libbitcoin_node_a-addrdb.o
CXX libbitcoin_node_a-addrman.o
CXX libbitcoin_node_a-banman.o
CXX libbitcoin_node_a-blockencodings.o
CXX libbitcoin_node_a-blockfilter.o
[... many more compilation messages follow ...]
```
บนระบบที่มีความเร็วและมี CPU หลายคอร์ คุณอาจต้องการตั้งค่าจำนวนงานคอมไพล์แบบขนาน (parallel compile jobs) เช่น การใช้คำสั่ง make -j 2 จะใช้สองคอร์หากมีอยู่ หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี Bitcoin Core จะถูกคอมไพล์เรียบร้อยแล้ว คุณควรรันชุดการทดสอบหน่วย (unit test suite) ด้วยคำสั่ง make check เพื่อให้แน่ใจว่าไลบรารีที่ลิงค์เข้าด้วยกันไม่มีข้อผิดพลาดอย่าง ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดตั้ง executable ต่าง ๆ ลงในระบบของคุณโดยใช้คำสั่ง make install ซึ่งอาจมีการร้องขอรหัสผ่านของผู้ใช้เนื่องจากขั้นตอนนี้ต้องการสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ:
```
$ make check && sudo make install
Password:
Making install in src
../build-aux/install-sh -c -d '/usr/local/lib'
libtool: install: /usr/bin/install -c bitcoind /usr/local/bin/bitcoind
libtool: install: /usr/bin/install -c bitcoin-cli /usr/local/bin/bitcoin-cli
libtool: install: /usr/bin/install -c bitcoin-tx /usr/local/bin/bitcoin-tx
...
```
การติดตั้งเริ่มต้นของ bitcoind จะอยู่ในไดเรกทอรี /usr/local/bin โดยคุณสามารถตรวจสอบว่า Bitcoin Core ถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้วโดยใช้คำสั่งเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของ executable ดังนี้:
```
$ which bitcoind
/usr/local/bin/bitcoind
$ which bitcoin-cli
/usr/local/bin/bitcoin-cli
```
### มาลองรัน Bitcoin node กันเถอะ
อย่างที่ได้กล่าวในบทก่อนหน้า เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ของบิตคอยน์ประกอบด้วยเครือข่าย "โหนด" ซึ่งส่วนใหญ่รันโดยบุคคลและธุรกิจบางแห่งที่ให้บริการ ผู้ที่รันโหนดบิตคอยน์จะมีมุมมองที่ตรงและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับบล๊อกเชนของบิตคอยน์พร้อมสำเนาข้อมูลบิตคอยน์ที่ใช้จ่ายได้ทั้งหมดซึ่งได้รับการตรวจสอบอย่างอิสระโดยระบบของตนเอง การรันโหนดทำให้คุณไม่ต้องพึ่งบุคคลที่สามในการตรวจสอบธุรกรรม นอกจากนี้การใช้โหนดบิตคอยน์เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่ได้รับในกระเป๋าเงินของคุณ ยังช่วยให้คุณมีส่วนร่วมในเครือข่ายบิตคอยน์และช่วยทำให้เครือข่ายมีความแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย
การรันโหนดต้องดาวน์โหลดและประมวลผลข้อมูลมากกว่า 500 GB ในช่วงเริ่มแรก และประมาณ 400 MB ของธุรกรรม Bitcoin ต่อวัน ตัวเลขเหล่านี้เป็นของปี 2023 และอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต หากคุณปิดโหนดหรือหลุดจากอินเทอร์เน็ตเป็นเวลาหลายวัน โหนดของคุณจะต้องดาวน์โหลดข้อมูลที่พลาดไป ตัวอย่างเช่น หากคุณปิด Bitcoin Core เป็นเวลา 10 วัน คุณจะต้องดาวน์โหลดประมาณ 4 GB ในครั้งถัดไปที่คุณเริ่มใช้งาน
ขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณว่าจะทำดัชนีธุรกรรมทั้งหมดและเก็บสำเนาบล๊อกเชนแบบเต็ม คุณอาจต้องใช้พื้นที่ดิสก์มาก - อย่างน้อย 1 TB หากคุณวางแผนจะรัน Bitcoin Core เป็นเวลาหลายปี โดยค่าเริ่มต้นโหนดบิตคอยน์ยังส่งธุรกรรมและบล็อกไปยังโหนดอื่น ๆ (เรียกว่า "เพียร์") ซึ่งจะใช้แบนด์วิดท์อัปโหลดอินเทอร์เน็ต หากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณมีขีดจำกัด มีขีดจำกัดการใช้ข้อมูลต่ำ หรือคิดค่าบริการตามข้อมูล (เมตเตอร์) คุณไม่ควรรันโหนดบิตคอยน์บนระบบนั้น หรือรันโดยจำกัดแบนด์วิดท์ (ดู การกำหนดค่าโหนด Bitcoin Core) คุณอาจเชื่อมต่อโหนดของคุณแทนไปยังเครือข่ายทางเลือก เช่น ผู้ให้บริการข้อมูลดาวเทียมฟรีอย่าง Blockstream Satellite
> Tip: Bitcoin Core เก็บสำเนาบล๊อกเชนแบบเต็ม (ตามค่าเริ่มต้น ) พร้อมธุรกรรมเกือบทั้งหมดที่เคยได้รับการยืนยันบนเครือข่าย Bitcoin ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2009 ชุดข้อมูลนี้มีขนาดหลายร้อย GB และจะถูกดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นทีละน้อยในช่วงหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ขึ้นอยู่กับความเร็ว CPU และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ Bitcoin Core จะไม่สามารถประมวลผลธุรกรรมหรืออัปเดตยอดคงเหลือของบัญชีจนกว่าชุดข้อมูล blockchain จะดาวน์โหลดเสร็จสมบูรณ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีพื้นที่ดิสก์ แบนด์วิดท์ และเวลาเพียงพอในการซิงโครไนซ์เริ่มแรก คุณสามารถกำหนดค่า Bitcoin Core เพื่อลดขนาด blockchain โดยการทิ้งบล็อกเก่า แต่โปรแกรมยังคงดาวน์โหลดชุดข้อมูลทั้งหมด
> TIPจากหลาม agian: ซื้อ NVMe SSD 2TB เป็นอย่างต่ำซ่ะ m.2 ได้ยิ่งดีเลยจ้า
แม้ว่าจะมีข้อกำหนดด้านทรัพยากรเหล่านี้ แต่มีผู้คนหลายพันรายที่รันโหนด Bitcoin บางคนรันบนระบบง่าย ๆ อย่าง Raspberry Pi (คอมพิวเตอร์ราคา 35 เหรียญสหรัฐที่มีขนาดเท่ากับกล่องบุหรี่)
ทำไมคุณถึงอยากรันโหนด? นี่คือเหตุผลที่พบบ่อยที่สุด:
- คุณไม่ต้องการพึ่งบุคคลที่สามในการตรวจสอบธุรกรรมที่คุณได้รับ
- คุณไม่ต้องการเปิดเผยให้บุคคลที่สามรู้ว่าธุรกรรมใดเป็นของกระเป๋าเงินคุณ
- คุณกำลังพัฒนาซอฟต์แวร์ Bitcoin และต้องการพึ่งโหนด Bitcoin เพื่อเข้าถึงเครือข่ายและ blockchain ผ่าน API
- คุณกำลังสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องตรวจสอบธุรกรรมตามกฎฉันทามติของ Bitcoin โดยทั่วไป บริษัทซอฟต์แวร์ Bitcoin มักจะรันโหนดหลายโหนด
- คุณต้องการสนับสนุน Bitcoin การรันโหนดที่คุณใช้ตรวจสอบธุรกรรมที่ได้รับในกระเป๋าเงินจะช่วยทำให้เครือข่ายมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
หากคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้และสนใจความปลอดภัยที่เข้มงวด ความเป็นส่วนตัวที่เหนือกว่า หรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ Bitcoin คุณควรรันโหนดของตัวเอง
### การกำหนดค่าโหนด Bitcoin Core
Bitcoin Core จะค้นหาไฟล์การกำหนดค่าในไดเรกทอรีข้อมูลทุกครั้งที่เริ่มทำงาน ในส่วนนี้เราจะตรวจสอบตัวเลือกการกำหนดค่าต่าง ๆ และตั้งค่าไฟล์การกำหนดค่า
เพื่อค้นหาไฟล์การกำหนดค่า ให้รัน bitcoind -printtoconsole ในเทอร์มินัลของคุณ และดูบรรทัดแรก ๆ:
```
$ bitcoind -printtoconsole
2023-01-28T03:21:42Z Bitcoin Core version v24.0.1
2023-01-28T03:21:42Z Using the 'x86_shani(1way,2way)' SHA256 implementation
2023-01-28T03:21:42Z Using RdSeed as an additional entropy source
2023-01-28T03:21:42Z Using RdRand as an additional entropy source
2023-01-28T03:21:42Z Default data directory /home/harding/.bitcoin
2023-01-28T03:21:42Z Using data directory /home/harding/.bitcoin
2023-01-28T03:21:42Z Config file: /home/harding/.bitcoin/bitcoin.conf
...
[a lot more debug output]
...
```
>tatatipจากหลามอีกครั้ง: สังเกตเห็นหรือไม่ว่าในตัวอย่างนี้ Bitcoin Core กำลังชี้ไปที่ไฟล์การกำหนดค่าที่ไดเรกทอรี /home/harding/.bitcoin/bitcoin.conf ซึ่งจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ใช้และระบบปฏิบัติการ
คุณสามารถกด Ctrl-C เพื่อปิดโหนดหลังจากที่ระบุตำแหน่งไฟล์การกำหนดค่า โดยปกติไฟล์การกำหนดค่าจะอยู่ในไดเรกทอรี .bitcoin ภายใต้โฮมไดเรกทอรีของผู้ใช้ เปิดไฟล์ configuration ด้วยโปรแกรมแก้ไขได้ตามที่คุณชอบ
Bitcoin Core มีตัวเลือกการกำหนดค่ามากกว่า 100 ตัวเลือกที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของโหนดเครือข่าย การจัดเก็บบล๊อกเชน และแง่มุมอื่น ๆ ของการทำงาน เพื่อดูรายการตัวเลือก ให้รัน bitcoind --help:
```
$ bitcoind --help
Bitcoin Core version v24.0.1
Usage: bitcoind [options] Start Bitcoin Core
Options:
-?
Print this help message and exit
-alertnotify=<cmd>
Execute command when an alert is raised (%s in cmd is replaced by
message)
...
[many more options]
```
นี่คือตัวเลือกที่บางประการที่คุณสามารถตั้งในไฟล์ configuration หรือเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับ bitcoind:
- alertnotify: เรียกใช้คำสั่งหรือสคริปต์เพื่อส่งการแจ้งเตือนฉุกเฉินไปยังเจ้าของโหนดนี้
- conf: ตำแหน่งทางเลือกสำหรับไฟล์ configuration เมื่อใช้เป็นพารามิเตอร์ cli สำหรับ bitcoind เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถอยู่ในไฟล์ configuration ที่มันอ้างถึงได้
- datadir: เลือกไดเรกทอรีและระบบไฟล์สำหรับจัดเก็บข้อมูลบล๊อกเชนตามค่าเริ่มต้นนี้คือไดเรกทอรีย่อย .bitcoin ในไดเรกทอรีโฮมของคุณ ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า สามารถใช้พื้นที่ตั้งแต่ประมาณ 10 GB ถึงเกือบ 1 TB ณ ขณะนี้ คาดว่าขนาดสูงสุดจะเพิ่มขึ้นหลายร้อย GB ต่อปี
- prune: ลดความต้องการพื้นที่ดิสก์บล๊อกเชนลงเหลือกี่เมกะไบต์โดยการลบบล็อกเก่า ใช้สำหรับโหนดที่มีทรัพยากรจำกัดซึ่งไม่สามารถบรรจุบล๊อกเชนแบบเต็มได้ ส่วนอื่น ๆ ของระบบจะใช้พื้นที่ดิสก์อื่นที่ไม่สามารถตัดทอนได้ ดังนั้นคุณยังคงต้องมีพื้นที่อย่างน้อยตามที่ระบุในตัวเลือก datadir
- txindex: รักษาดัชนีของธุรกรรมทั้งหมด ช่วยให้คุณสามารถดึงธุรกรรมใด ๆ โดยใช้ ID ของมันได้โดยโปรแกรม โดยที่บล็อกที่มีธุรกรรมนั้นยังไม่ถูกตัดทอน
- dbcache: ขนาดของแคช UTXO ค่าเริ่มต้นคือ 450 เมบิไบต์ (MiB) เพิ่มขนาดนี้บนฮาร์ดแวร์ระดับสูงเพื่ออ่านและเขียนจากดิสก์น้อยลง หรือลดขนาดลงบนฮาร์ดแวร์ระดับต่ำเพื่อประหยัดหน่วยความจำโดยยอมให้ใช้ดิสก์บ่อยขึ้น
- blocksonly: ลดการใช้แบนด์วิดท์โดยการรับเฉพาะบล็อกของธุรกรรมที่ได้รับการยืนยันจากเพียร์ แทนที่จะส่งต่อธุรกรรมที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
- maxmempool: จำกัดพูลหน่วยความจำของธุรกรรมเป็นกี่เมกะไบต์ ใช้เพื่อลดการใช้หน่วยความจำบนโหนดที่มีหน่วยความจำจำกัด
### ดัชนีฐานข้อมูลธุรกรรมและตัวเลือก txindex
ตามค่าเริ่มต้น Bitcoin Core จะสร้างฐานข้อมูลที่มีเพียงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าเงินของผู้ใช้เท่านั้น หากคุณต้องการสามารถเข้าถึงธุรกรรมใด ๆ ด้วยคำสั่งเช่น getrawtransaction คุณจะต้องกำหนดค่า Bitcoin Core ให้สร้างดัชนีธุรกรรมแบบสมบูรณ์ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเลือก txindex โดยตั้ง txindex=1 ในไฟล์การกำหนดค่า Bitcoin Core หากคุณไม่ได้ตั้งตัวเลือกนี้ตั้งแต่แรกและต่อมาตั้งเป็นการทำดัชนีแบบเต็ม คุณจะต้องรอให้มันสร้างดัชนีใหม่
ตัวอย่างการกำหนดค่าโหนดดัชนีแบบเต็มแสดงวิธีที่คุณอาจรวมตัวเลือกก่อนหน้านี้กับโหนดที่มีดัชนีแบบเต็ม โดยทำงานเป็นแบ็กเอนด์ API สำหรับแอปพลิเคชัน bitcoin
ตัวอย่างที่ 1. การกำหนดค่าโหนดดัชนีแบบเต็ม
```
alertnotify=myemailscript.sh "Alert: %s"
datadir=/lotsofspace/bitcoin
txindex=1
```
ตัวอย่างที่ 2. การกำหนดค่าระบบที่มีทรัพยากรจำกัด
```
alertnotify=myemailscript.sh "Alert: %s"
blocksonly=1
prune=5000
dbcache=150
maxmempool=150
```
หลังจากที่คุณแก้ไขไฟล์การกำหนดค่าและตั้งตัวเลือกที่ดีที่สุดตามความต้องการของคุณ คุณสามารถทดสอบ bitcoind ด้วยการกำหนดค่านี้ รัน Bitcoin Core ด้วยตัวเลือก printtoconsole เพื่อรันที่ foreground พร้อมแสดงผลลัพธ์ที่คอนโซล:
```
$ bitcoind -printtoconsole
2023-01-28T03:43:39Z Bitcoin Core version v24.0.1
2023-01-28T03:43:39Z Using the 'x86_shani(1way,2way)' SHA256 implementation
2023-01-28T03:43:39Z Using RdSeed as an additional entropy source
2023-01-28T03:43:39Z Using RdRand as an additional entropy source
2023-01-28T03:43:39Z Default data directory /home/harding/.bitcoin
2023-01-28T03:43:39Z Using data directory /lotsofspace/bitcoin
2023-01-28T03:43:39Z Config file: /home/harding/.bitcoin/bitcoin.conf
2023-01-28T03:43:39Z Config file arg: [main] blockfilterindex="1"
2023-01-28T03:43:39Z Config file arg: [main] maxuploadtarget="1000"
2023-01-28T03:43:39Z Config file arg: [main] txindex="1"
2023-01-28T03:43:39Z Setting file arg: wallet = ["msig0"]
2023-01-28T03:43:39Z Command-line arg: printtoconsole=""
2023-01-28T03:43:39Z Using at most 125 automatic connections
2023-01-28T03:43:39Z Using 16 MiB out of 16 MiB requested for signature cache
2023-01-28T03:43:39Z Using 16 MiB out of 16 MiB requested for script execution
2023-01-28T03:43:39Z Script verification uses 3 additional threads
2023-01-28T03:43:39Z scheduler thread start
2023-01-28T03:43:39Z [http] creating work queue of depth 16
2023-01-28T03:43:39Z Using random cookie authentication.
2023-01-28T03:43:39Z Generated RPC cookie /lotsofspace/bitcoin/.cookie
2023-01-28T03:43:39Z [http] starting 4 worker threads
2023-01-28T03:43:39Z Using wallet directory /lotsofspace/bitcoin/wallets
2023-01-28T03:43:39Z init message: Verifying wallet(s)…
2023-01-28T03:43:39Z Using BerkeleyDB version Berkeley DB 4.8.30
2023-01-28T03:43:39Z Using /16 prefix for IP bucketing
2023-01-28T03:43:39Z init message: Loading P2P addresses…
2023-01-28T03:43:39Z Loaded 63866 addresses from peers.dat 114ms
[... more startup messages ...]
```
คุณสามารถกด Ctrl-C เพื่อหยุดกระบวนการเมื่อคุณพอใจว่ากำลังโหลดการตั้งค่าที่ถูกต้องและทำงานตามที่คาดหวัง
เพื่อรัน Bitcoin Core ที่พื้นหลังเป็นโพรเซส ให้เริ่มด้วยตัวเลือก daemon เช่น bitcoind -daemon
เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าและสถานะการทำงานของโหนด Bitcoin ให้เริ่มในโหมด daemon แล้วใช้คำสั่ง bitcoin-cli getblockchaininfo:
```
$ bitcoin-cli getblockchaininfo
{
"chain": "main",
"blocks": 0,
"headers": 83999,
"bestblockhash": "[...]19d6689c085ae165831e934ff763ae46a2a6c172b3f1b60a8ce26f",
"difficulty": 1,
"time": 1673379796,
"mediantime": 1231006505,
"verificationprogress": 3.783041623201835e-09,
"initialblockdownload": true,
"chainwork": "[...]000000000000000000000000000000000000000000000100010001",
"size_on_disk": 89087,
"pruned": false,
"warnings": ""
}
```
นี่แสดงโหนดที่มีความสูงของ blockchain เป็น 0 บล็อก และ 83,999 เฮดเดอร์ โหนดจะดึงเฮดเดอร์ของบล็อกจากเพียร์ของตนก่อนเพื่อค้นหา blockchain ที่มีหลักฐานการทำงานมากที่สุด จากนั้นจึงดำเนินการดาวน์โหลดบล็อกเต็มโดยตรวจสอบความถูกต้องไปพร้อมกัน
เมื่อคุณพอใจกับตัวเลือกการกำหนดค่าที่เลือก คุณควรเพิ่ม Bitcoin Core ลงในสคริปต์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ เพื่อให้มันทำงานอย่างต่อเนื่องและรีสตาร์ทเมื่อระบบปฏิบัติการรีสตาร์ท คุณจะพบสคริปต์เริ่มต้นตัวอย่างสำหรับระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ในไดเรกทอรีซอร์สของ Bitcoin Core ภายใต้ contrib/init และไฟล์ README.md ที่แสดงว่าระบบใดใช้สคริปต์ใด
### Bitcoin Core API
Bitcoin Core ใช้อินเทอร์เฟซ JSON-RPC ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยใช้เครื่องมืออย่าง bitcoin-cli ซึ่งช่วยให้เราสามารถทดลองใช้งานความสามารถต่างๆ แบบโต้ตอบได้ ซึ่งความสามารถเหล่านี้ยังสามารถใช้งานได้ผ่านทาง API ในรูปแบบโปรแกรม เพื่อเริ่มต้น ให้เรียกใช้คำสั่ง help เพื่อดูรายการคำสั่ง Bitcoin Core RPC ที่มีอยู่:
```
$ bitcoin-cli help
+== Blockchain ==
getbestblockhash
getblock "blockhash" ( verbosity )
getblockchaininfo
...
walletpassphrase "passphrase" timeout
walletpassphrasechange "oldpassphrase" "newpassphrase"
walletprocesspsbt "psbt" ( sign "sighashtype" bip32derivs finalize )
```
คำสั่งแต่ละรายการอาจต้องการพารามิเตอร์หลายตัว เพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม คำอธิบายโดยละเอียด และข้อมูลเกี่ยวกับพารามิเตอร์ต่างๆ ให้เพิ่มชื่อคำสั่งหลังคำว่า help ตัวอย่างเช่น เพื่อดูความช่วยเหลือเกี่ยวกับคำสั่ง RPC getblockhash:
```
$ bitcoin-cli help getblockhash
getblockhash height
Returns hash of block in best-block-chain at height provided.
Arguments:
1. height (numeric, required) The height index
Result:
"hex" (string) The block hash
Examples:
> bitcoin-cli getblockhash 1000
> curl --user myusername --data-binary '{"jsonrpc": "1.0", "id": "curltest",
"method": "getblockhash",
"params": [1000]}' -H 'content-type: text/plain;' http://127.0.0.1:8332/
```
ในส่วนท้ายของข้อมูลคำสั่ง help คุณจะเห็นตัวอย่างสองตัวอย่างของคำสั่ง RPC ซึ่งใช้ตัวช่วย bitcoin-cli หรือ HTTP client curl ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณอาจเรียกใช้คำสั่งได้อย่างไร ลองคัดลอกตัวอย่างแรกและดูผลลัพธ์:
```
$ bitcoin-cli getblockhash 1000
00000000c937983704a73af28acdec37b049d214adbda81d7e2a3dd146f6ed09
```
ผลลัพธ์คือแฮชของบล็อก ซึ่งจะอธิบายในรายละเอียดเพิ่มเติมในบทต่อไป แต่ในตอนนี้ คำสั่งนี้ควรให้ผลลัพธ์เหมือนกันบนระบบของคุณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโหนด Bitcoin Core ของคุณกำลังทำงาน กำลังรับคำสั่ง และมีข้อมูลเกี่ยวกับบล็อก 1,000 ที่จะส่งกลับมาให้คุณ
### การรับข้อมูลสถานะของ Bitcoin Core
Bitcoin Core ให้รายงานสถานะเกี่ยวกับโมดูลต่างๆ ผ่านอินเตอร์เฟส JSON-RPC คำสั่งที่สำคัญที่สุดรวมถึง getblockchaininfo, getmempoolinfo, getnetworkinfo และ getwalletinfo
คำสั่ง RPC getblockchaininfo ของ Bitcoin ได้ถูกแนะนำไปก่อนหน้านี้แล้ว คำสั่ง getnetworkinfo แสดงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสถานะของโหนดเครือข่าย Bitcoin ใช้ bitcoin-cli เพื่อรันคำสั่งนี้:
```
$ bitcoin-cli getnetworkinfo
{
"version": 240001,
"subversion": "/Satoshi:24.0.1/",
"protocolversion": 70016,
"localservices": "0000000000000409",
"localservicesnames": [
"NETWORK",
"WITNESS",
"NETWORK_LIMITED"
],
"localrelay": true,
"timeoffset": -1,
"networkactive": true,
"connections": 10,
"connections_in": 0,
"connections_out": 10,
"networks": [
"...detailed information about all networks..."
],
"relayfee": 0.00001000,
"incrementalfee": 0.00001000,
"localaddresses": [
],
"warnings": ""
}
```
ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จะถูกส่งคืนในรูปแบบ JavaScript Object Notation (JSON) ซึ่งเป็นรูปแบบที่สามารถ "อ่าน" ได้อย่างง่ายดายโดยทุกภาษาโปรแกรมมิ่ง และยังเป็นรูปแบบที่มนุษย์อ่านได้ง่ายอีกด้วย ในข้อมูลนี้เราเห็นหมายเลขเวอร์ชันสำหรับซอฟต์แวร์ Bitcoin Core และโปรโตคอลบิตคอยน์เราเห็นจำนวนการเชื่อมต่อในปัจจุบันและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเครือข่ายบิตคอยน์และการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับโหนดนี้
>TIP: จะใช้เวลาสักระยะ อาจมากกว่าหนึ่งวัน สำหรับ bitcoind ในการอัพเดทให้ทันกับบล็อกล่าสุดของบล็อกเชนปัจจุบัน ในขณะที่มันดาวน์โหลดบล็อกจากโหนดอื่นๆ และตรวจสอบความถูกต้องของทุกธุรกรรมในบล็อกเหล่านั้น—ซึ่งมีเกือบหนึ่งพันล้านธุรกรรม ณ เวลาที่เขียนนี้ คุณสามารถตรวจสอบความคืบหน้าโดยใช้ getblockchaininfo เพื่อดูจำนวนบล็อกที่ทราบ ตัวอย่างในส่วนที่เหลือของบทนี้สมมติว่าคุณอยู่อย่างน้อยที่บล็อก 775,072 เนื่องจากความปลอดภัยของธุรกรรมขึ้นอยู่กับจำ
### มาสำรวจและถอดรหัสธุรกรรมของบิตคอยน์กันเถอะ!!
อย่างในบทที่สอง อลิซได้ซื้อสินค้าจากร้านของบ็อบและธุรกรรมของเธอถูกบันทึกลงในบล็อกเชนของบิตคอยน์ โดยเราสามารถใช้ API เพื่อดึงและตรวจสอบธุรกรรมนั้นได้โดยการใช้ txid เป็นพารามิเตอร์:
```
$ bitcoin-cli getrawtransaction 466200308696215bbc949d5141a49a4138ecdfdfaa2a8029c1f9bcecd1f96177
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
01000000000101eb3ae38f27191aa5f3850dc9cad00492b88b72404f9da13569
8679268041c54a0100000000ffffffff02204e0000000000002251203b41daba
4c9ace578369740f15e5ec880c28279ee7f51b07dca69c7061e07068f8240100
000000001600147752c165ea7be772b2c0acb7f4d6047ae6f4768e0141cf5efe
2d8ef13ed0af21d4f4cb82422d6252d70324f6f4576b727b7d918e521c00b51b
e739df2f899c49dc267c0ad280aca6dab0d2fa2b42a45182fc83e81713010000
0000
```
> TIP: txid ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเชื่อถือได้ขนาดนั้น เพราะการไม่มี txid ในบล๊อกเชนของบิตคอยน์นั้นไม่ได้หมายความว่าธุรกรรมไม่ได้ถูกประมวลผล โดยสิ่งนี้เรียกว่า "transaction malleability" (ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงธุรกรรม) เพราะธุรกรรมสามารถถูกแก้ไขก่อนการยืนยันในบล็อก ซึ่งเปลี่ยน txid ของพวกมัน หลังจากธุรกรรมถูกรวมอยู่ในบล็อกแล้ว txid ของมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก เว้นแต่จะมีการจัดระเบียบบล็อกเชนใหม่และบล็อกนั้นถูกลบออกจากบล็อกเชนที่ดีที่สุด โดยการจัดระเบียบใหม่เกิดขึ้นได้ยากหลังจากธุรกรรมได้รับการยืนยันหลายครั้งแล้ว
คำสั่ง getrawtransaction จะส่งคืนธุรกรรมที่เข้ารหัสในรูปแบบเลขฐานสิบหกและเพื่อถอดรหัสนั้น เราใช้คำสั่ง decoderawtransaction โดยส่งข้อมูลเลขฐานสิบหกเป็นพารามิเตอร์ คุณสามารถคัดลอกเลขฐานสิบหกที่ส่งคืนโดย getrawtransaction และวางเป็นพารามิเตอร์ให้กับ decoderawtransaction ได้:
```
$ bitcoin-cli decoderawtransaction 01000000000101eb3ae38f27191aa5f3850dc9cad00492b88b72404f9da135698679268041c54a0100000000ffffffff02204e0000000000002251203b41daba4c9ace578369740f15e5ec880c28279ee7f51b07dca69c7061e07068f8240100000000001600147752c165ea7be772b2c0acb7f4d6047ae6f4768e0141cf5efe2d8ef13ed0af21d4f4cb82422d6252d70324f6f4576b727b7d918e521c00b51be739df2f899c49dc267c0ad280aca6dab0d2fa2b42a45182fc83e817130100000000
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
{
"txid": "466200308696215bbc949d5141a49a4138ecdfdfaa2a8029c1f9bcecd1f96177",
"hash": "f7cdbc7cf8b910d35cc69962e791138624e4eae7901010a6da4c02e7d238cdac",
"version": 1,
"size": 194,
"vsize": 143,
"weight": 569,
"locktime": 0,
"vin": [
{
"txid": "4ac541802679866935a19d4f40728bb89204d0cac90d85f3a51a19...aeb",
"vout": 1,
"scriptSig": {
"asm": "",
"hex": ""
},
"txinwitness": [
"cf5efe2d8ef13ed0af21d4f4cb82422d6252d70324f6f4576b727b7d918e5...301"
],
"sequence": 4294967295
}
],
"vout": [
{
"value": 0.00020000,
"n": 0,
"scriptPubKey": {
"asm": "1 3b41daba4c9ace578369740f15e5ec880c28279ee7f51b07dca...068",
"desc": "rawtr(3b41daba4c9ace578369740f15e5ec880c28279ee7f51b...6ev",
"hex": "51203b41daba4c9ace578369740f15e5ec880c28279ee7f51b07d...068",
"address": "bc1p8dqa4wjvnt890qmfws83te0v3qxzsfu7ul63kp7u56w8q...5qn",
"type": "witness_v1_taproot"
}
},
{
"value": 0.00075000,
"n": 1,
"scriptPubKey": {
"asm": "0 7752c165ea7be772b2c0acb7f4d6047ae6f4768e",
"desc": "addr(bc1qwafvze0200nh9vkq4jmlf4sy0tn0ga5w0zpkpg)#qq404gts",
"hex": "00147752c165ea7be772b2c0acb7f4d6047ae6f4768e",
"address": "bc1qwafvze0200nh9vkq4jmlf4sy0tn0ga5w0zpkpg",
"type": "witness_v0_keyhash"
}
}
]
}
```
การถอดรหัสธุรกรรมแสดงส่วนประกอบทั้งหมดของธุรกรรมนี้ รวมถึงอินพุตและเอาต์พุตของธุรกรรม ในกรณีนี้เราเห็นว่าธุรกรรมใช้อินพุตหนึ่งรายการและสร้างเอาต์พุตสองรายการ อินพุตของธุรกรรมนี้คือเอาต์พุตจากธุรกรรมที่ได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้ (แสดงเป็น txid ของอินพุต) เอาต์พุตทั้งสองรายการสอดคล้องกับการชำระเงินให้บ็อบและเงินทอนกลับให้อลิซ
### มาสำรวจบล็อกของบิตคอยน์กัน!!
การสำรวจบล็อกนั้นคล้ายกับการสำรวจธุรกรรม แต่อย่างไรก็ตามบล็อกสามารถอ้างอิงได้ทั้งโดยลำดับของบล็อกหรือโดยแฮชของบล็อก เราใช้คำสั่ง getblockhash ซึ่งรับลำดับของบล็อกเป็นพารามิเตอร์และส่งคืน แฮชของบล็อกนั้น:
```
$ bitcoin-cli getblockhash 123456
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
0000000000002917ed80650c6174aac8dfc46f5fe36480aaef682ff6cd83c3ca
```
ตอนนี้เรารู้แฮชสำหรับบล็อกที่เราเลือกแล้ว เราสามารถดูบล็อกนั้นได้ เราใช้คำสั่ง getblock โดยมีแฮชของบล็อกเป็นพารามิเตอร์:
```
$ bitcoin-cli getblockhash 0000000000002917ed80650c6174aac8dfc46f5fe36480aaef682ff6cd83c3ca
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
{
"hash": "0000000000002917ed80650c6174aac8dfc46f5fe36480aaef682ff6cd83c3ca",
"confirmations": 651742,
"height": 123456,
"version": 1,
"versionHex": "00000001",
"merkleroot": "0e60651a9934e8f0decd1c[...]48fca0cd1c84a21ddfde95033762d86c",
"time": 1305200806,
"mediantime": 1305197900,
"nonce": 2436437219,
"bits": "1a6a93b3",
"difficulty": 157416.4018436489,
"chainwork": "[...]00000000000000000000000000000000000000541788211ac227bc",
"nTx": 13,
"previousblockhash": "[...]60bc96a44724fd72daf9b92cf8ad00510b5224c6253ac40095",
"nextblockhash": "[...]00129f5f02be247070bf7334d3753e4ddee502780c2acaecec6d66",
"strippedsize": 4179,
"size": 4179,
"weight": 16716,
"tx": [
"5b75086dafeede555fc8f9a810d8b10df57c46f9f176ccc3dd8d2fa20edd685b",
"e3d0425ab346dd5b76f44c222a4bb5d16640a4247050ef82462ab17e229c83b4",
"137d247eca8b99dee58e1e9232014183a5c5a9e338001a0109df32794cdcc92e",
"5fd167f7b8c417e59106ef5acfe181b09d71b8353a61a55a2f01aa266af5412d",
"60925f1948b71f429d514ead7ae7391e0edf965bf5a60331398dae24c6964774",
"d4d5fc1529487527e9873256934dfb1e4cdcb39f4c0509577ca19bfad6c5d28f",
"7b29d65e5018c56a33652085dbb13f2df39a1a9942bfe1f7e78e97919a6bdea2",
"0b89e120efd0a4674c127a76ff5f7590ca304e6a064fbc51adffbd7ce3a3deef",
"603f2044da9656084174cfb5812feaf510f862d3addcf70cacce3dc55dab446e",
"9a4ed892b43a4df916a7a1213b78e83cd83f5695f635d535c94b2b65ffb144d3",
"dda726e3dad9504dce5098dfab5064ecd4a7650bfe854bb2606da3152b60e427",
"e46ea8b4d68719b65ead930f07f1f3804cb3701014f8e6d76c4bdbc390893b94",
"864a102aeedf53dd9b2baab4eeb898c5083fde6141113e0606b664c41fe15e1f"
]
}
```
รายการ confirmations บอกเราถึง ความลึก ของบล็อกนี้—มีกี่บล็อกที่ถูกสร้างทับบนบล็อกนี้ ซึ่งบ่งบอกถึงความยากในการเปลี่ยนแปลงธุรกรรมใดๆ ในบล็อกนี้ ลำดับบอกเราว่ามีกี่บล็อกที่มาก่อนหน้าบล็อกนี้ เราเห็นเวอร์ชันของบล็อก เวลาที่มันถูกสร้าง (ตามข้อมูลของนักขุด) เวลาเฉลี่ยของ 11 บล็อกที่มาก่อนหน้าบล็อกนี้ (การวัดเวลาที่นักขุดปลอมแปลงได้ยากกว่า) และขนาดของบล็อกในการวัดสามแบบต่างกัน (ขนาดดั้งเดิมที่ถูกลบข้อมูลบางส่วนออก, ขนาดเต็ม, และขนาดในหน่วยน้ำหนัก) เรายังเห็นฟิลด์บางอย่างที่ใช้สำหรับความปลอดภัยและหลักฐานการทำงาน (merkle root, nonce, bits, difficulty, และ chainwork) เราจะตรวจสอบสิ่งเหล่านี้โดยละเอียดในส่วนของการขุดในบทที่ 12
### การใช้อินเตอร์เฟสโปรแกรมของ Bitcoin Core
bitcoin-cli มีประโยชน์มากสำหรับการใช้งาน API ของ Bitcoin Core และการทดสอบฟังก์ชันต่าง ๆ แต่จุดประสงค์หลักของ API คือการเข้าถึงฟังก์ชันด้วยโปรแกรม ในส่วนนี้เราจะสาธิตการเข้าถึง Bitcoin Core จากโปรแกรมอื่น
API ของ Bitcoin Core เป็นอินเตอร์เฟส JSON-RPC โดย JSON เป็นวิธีที่สะดวกมากในการนำเสนอข้อมูลที่ทั้งมนุษย์และโปรแกรมสามารถอ่านได้ง่าย RPC ย่อมาจาก remote procedure call ซึ่งหมายความว่าเรากำลังเรียกใช้กระบวนการ (ฟังก์ชัน) ที่อยู่ห่างไกล (บนโหนด Bitcoin Core) ผ่านโปรโตคอลเครือข่าย ในกรณีนี้ โปรโตคอลเครือข่ายคือ HTTP
เมื่อเราใช้คำสั่ง bitcoin-cli เพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับคำสั่ง มันแสดงตัวอย่างการใช้ curl ซึ่งเป็นไคลเอนต์ HTTP ทางคอมมานด์ไลน์ที่ยืดหยุ่น เพื่อสร้างคำเรียก JSON-RPC เหล่านี้:
```
$ curl --user myusername --data-binary '{"jsonrpc": "1.0", "id":"curltest",
"method": "getblockchaininfo",
"params": [] }' -H 'content-type: text/plain;' http://127.0.0.1:8332/
```
คำสั่งนี้แสดงว่า curl ส่งคำขอ HTTP ไปยัง localhost (127.0.0.1) เชื่อมต่อกับพอร์ต RPC เริ่มต้นของ Bitcoin (8332) และส่งคำขอ jsonrpc โดยใช้เมธอดเป็น getblockchaininfo โดยใช้การเข้ารหัสแบบ text/plain
คุณอาจสังเกตว่า curl จะขอให้ส่งข้อมูลประจำตัวไปพร้อมกับคำขอ Bitcoin Core จะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มในแต่ละครั้งที่เริ่มต้นและวางไว้ในไดเรกทอรีข้อมูลภายใต้ชื่อ .cookie โดย bitcoin-cli สามารถอ่านไฟล์รหัสผ่านนี้โดยให้ไดเรกทอรีข้อมูล ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถคัดลอกรหัสผ่านและส่งไปยัง curl (หรือตัวครอบ Bitcoin Core RPC ระดับสูงอื่น ๆ ) ตามที่เห็นในการใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบใช้คุกกี้กับ Bitcoin Core
ตัวอย่างที่ 3. การใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบใช้คุกกี้กับ Bitcoin Core
```
$ cat .bitcoin/.cookie
__cookie__:17c9b71cef21b893e1a019f4bc071950c7942f49796ed061b274031b17b19cd0
$ curl
--user __cookie__:17c9b71cef21b893e1a019f4bc071950c7942f49796ed061b274031b17b19cd0
--data-binary '{"jsonrpc": "1.0", "id":"curltest",
"method": "getblockchaininfo",
"params": [] }' -H 'content-type: text/plain;' http://127.0.0.1:8332/
{"result":{"chain":"main","blocks":799278,"headers":799278,
"bestblockhash":"000000000000000000018387c50988ec705a95d6f765b206b6629971e6978879",
"difficulty":53911173001054.59,"time":1689703111,"mediantime":1689701260,
"verificationprogress":0.9999979206082515,"initialblockdownload":false,
"chainwork":"00000000000000000000000000000000000000004f3e111bf32bcb47f9dfad5b",
"size_on_disk":563894577967,"pruned":false,"warnings":""},"error":null,
"id":"curltest"}
```
นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งรหัสผ่านด้วยตัวเองใน ./share/rpcauth/rpcauth.py ภายในไดเรกทอรีของ Bitcoin Core
หากคุณกำลังใช้การเรียก JSON-RPC ในโปรแกรมของคุณเอง คุณสามารถใช้ไลบรารี HTTP ทั่วไปเพื่อสร้างการเรียกได้ คล้ายกับที่แสดงในตัวอย่าง curl ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม มีไลบรารีในภาษาโปรแกรมยอดนิยมส่วนใหญ่ที่ "wrap" API ของ Bitcoin Core ในลักษณะที่ทำให้การใช้งานง่ายขึ้นมาก เราจะใช้ไลบรารี python-bitcoinlib เพื่อทำให้การเข้าถึง API นั้นง่ายขึ้น โดยไลบรารีนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Bitcoin Core และจำเป็นต้องติดตั้งด้วยวิธีปกติที่คุณติดตั้งไลบรารี Python โปรดจำไว้ว่า การใช้งานนี้ต้องมีอินสแตนซ์ Bitcoin Core ที่กำลังทำงานอยู่ ซึ่งจะถูกใช้เพื่อทำการเรียก JSON-RPC
ตัวอย่างสคริปต์ Python ใน " การทำงาน getblockchaininfo ผ่าน API JSON-RPC ของ Bitcoin Core" ซึ่งทำการเรียก getblockchaininfo อย่างง่ายและพิมพ์พารามิเตอร์ block จากข้อมูลที่ส่งคืนโดย Bitcoin Core
ตัวอย่างที่ 4. การทำงาน getblockchaininfo ผ่าน API JSON-RPC ของ Bitcoin Core
```
from bitcoin.rpc import RawProxy
# Create a connection to local Bitcoin Core node
p = RawProxy()
# Run the getblockchaininfo command, store the resulting data in info
info = p.getblockchaininfo()
# Retrieve the 'blocks' element from the info
print(info['blocks'])
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
$ python rpc_example.py
773973
```
มันบอกเราว่าโหนด Bitcoin Core ในเครื่องของเรามีกี่บล็อกในบล็อกเชนของมัน ซึ่งไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง แต่มันแสดงการใช้งานพื้นฐานของไลบรารีในฐานะอินเตอร์เฟสที่ถูกทำให้ง่ายขึ้นสำหรับ API JSON-RPC ของ Bitcoin Core
ต่อไป เราจะใช้คำสั่ง getrawtransaction และ decodetransaction เพื่อดึงข้อมูลรายละเอียดของการชำระเงินจาก Alice ไปยัง Bob ในส่วนของการดึงข้อมูลธุรกรรมและการวนลูปเอาต์พุตของธุรกรรม เราจะดึงธุรกรรมของ Alice และแสดงรายการเอาต์พุตของธุรกรรม สำหรับแต่ละเอาต์พุต เราจะแสดงที่อยู่ผู้รับและมูลค่า โดยธุรกรรมของ Alice มีเอาต์พุตหนึ่งรายการที่จ่ายให้ Bob และอีกหนึ่งรายการเป็นเงินทอนกลับไปยัง Alice
ตัวอย่างที่ 5 การดึงข้อมูลธุรกรรมและการวนลูปเอาต์พุตของธุรกรรม
```
from bitcoin.rpc import RawProxy
p = RawProxy()
# Alice's transaction ID
txid = "466200308696215bbc949d5141a49a4138ecdfdfaa2a8029c1f9bcecd1f96177"
# First, retrieve the raw transaction in hex
raw_tx = p.getrawtransaction(txid)
# Decode the transaction hex into a JSON object
decoded_tx = p.decoderawtransaction(raw_tx)
# Retrieve each of the outputs from the transaction
for output in decoded_tx['vout']:
print(output['scriptPubKey']['address'], output['value'])
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
$ python rpc_transaction.py
bc1p8dqa4wjvnt890qmfws83te0v3qxzsfu7ul63kp7u56w8qc0qwp5qv995qn 0.00020000
bc1qwafvze0200nh9vkq4jmlf4sy0tn0ga5w0zpkpg 0.00075000
```
ตัวอย่างทั้งสองข้างต้นค่อนข้างง่าย คุณไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมในการรันพวกมัน คุณสามารถใช้ตัวช่วย bitcoin-cli ได้ง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างถัดไปต้องใช้การเรียก RPC หลายร้อยครั้งและแสดงให้เห็นถึงการใช้อินเทอร์เฟซเชิงโปรแกรมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในส่วนของการดึงข้อมูลบล็อกและการรวมเอาต์พุตของทุกธุรกรรม เราจะเริ่มต้นด้วยการดึงข้อมูลบล็อก จากนั้นดึงข้อมูลธุรกรรมแต่ละรายการภายในบล็อกโดยอ้างอิงถึง ID ของแต่ละธุรกรรม ต่อมา เราจะวนลูปผ่านเอาต์พุตของแต่ละธุรกรรมและรวมมูลค่าทั้งหมด
ตัวอย่างที่ 6 การดึงข้อมูลบล็อกและการรวมเอาต์พุตของทุกธุรกรรม
```
from bitcoin.rpc import RawProxy
p = RawProxy()
# The block height where Alice's transaction was recorded
blockheight = 775072
# Get the block hash of the block at the given height
blockhash = p.getblockhash(blockheight)
# Retrieve the block by its hash
block = p.getblock(blockhash)
# Element tx contains the list of all transaction IDs in the block
transactions = block['tx']
block_value = 0
# Iterate through each transaction ID in the block
for txid in transactions:
tx_value = 0
# Retrieve the raw transaction by ID
raw_tx = p.getrawtransaction(txid)
# Decode the transaction
decoded_tx = p.decoderawtransaction(raw_tx)
# Iterate through each output in the transaction
for output in decoded_tx['vout']:
# Add up the value of each output
tx_value = tx_value + output['value']
# Add the value of this transaction to the total
block_value = block_value + tx_value
print("Total value in block: ", block_value)
--ผลลัพธ์ของคำสั่ง
$ python rpc_block.py
Total value in block: 10322.07722534
```
โค้ดตัวอย่างของเราคำนวณว่ามูลค่ารวมที่ถูกทำธุรกรรมในบล็อกนี้คือ 10,322.07722534 BTC (รวมถึงรางวัล 25 BTC และค่าธรรมเนียม 0.0909 BTC) ลองเปรียบเทียบกับจำนวนที่รายงานโดยเว็บไซต์สำรวจบล็อก (block explorer) โดยการค้นหาแฮชของบล็อกหรือเลขลำดับของบล็อก เครื่องมือสำรวจบล็อกบางตัวรายงานมูลค่ารวมโดยไม่รวมรางวัลและไม่รวมค่าธรรมเนียม ลองดูว่าคุณสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้หรือไม่
### ไคลเอนต์ทางเลือก, ไลบรารี, และชุดเครื่องมือ
C/C++
Bitcoin Core:การใช้งานอ้างอิงของ Bitcoin
JavaScript
bcoin: การใช้งานโหนดแบบเต็มรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นและขยายได้พร้อม API
Bitcore: โหนดเต็มรูปแบบ, API, และไลบรารีโดย Bitpay
BitcoinJS: ไลบรารี Bitcoin ที่เขียนด้วย JavaScript ล้วนๆ สำหรับ node.js และเบราว์เซอร์
Java
bitcoinj: ไลบรารีไคลเอนต์โหนดเต็มรูปแบบที่เขียนด้วย Java
Python
python-bitcoinlib: ไลบรารี Bitcoin, ไลบรารีฉันทามติ, และโหนดที่เขียนด้วย Python โดย Peter Todd
pycoin: ไลบรารี Bitcoin ที่เขียนด้วย Python โดย Richard Kiss
Go
btcd: ไคลเอนต์ Bitcoin โหนดเต็มรูปแบบที่เขียนด้วยภาษา Go
Rust
rust-bitcoin: ไลบรารี Bitcoin ที่เขียนด้วย Rust สำหรับการจัดรูปแบบข้อมูล, การแยกวิเคราะห์, และการเรียกใช้ API
Scala
bitcoin-s: การใช้งาน Bitcoin ที่เขียนด้วย Scala
C#
NBitcoin: ไลบรารี Bitcoin ที่ครอบคลุมสำหรับเฟรมเวิร์ก .NET
ยังมีไลบรารีอีกมากมายในภาษาโปรแกรมมิ่งอื่น ๆ อีกหลากหลาย และมีการสร้างขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา
หากคุณทำตามคำแนะนำในบทนี้ ตอนนี้คุณมี Bitcoin Core ที่ทำงานอยู่และได้เริ่มสำรวจเครือข่ายและบล็อกเชนโดยใช้โหนดของคุณเอง จากนี้ไปคุณสามารถใช้ซอฟต์แวร์ที่คุณควบคุมได้โดยอิสระ—บนคอมพิวเตอร์ที่คุณควบคุม—เพื่อตรวจสอบว่า bitcoin ใด ๆ ที่คุณได้รับปฏิบัติตามกฎทุกข้อในระบบ Bitcoin โดยไม่ต้องไว้วางใจองค์กรภายนอกใด ๆ ในบทต่อไป เราจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎของระบบและวิธีที่โหนดและกระเป๋าเงินของคุณใช้กฎเหล่านั้นเพื่อรักษาความปลอดภัยของเงินของคุณ ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ และทำให้การใช้จ่ายและการรับเงินสะดวกสบาย
ฮึ่ ๆ หลาม ๆ มาอีกแล้ว จริง ๆ เนื้อหาของบทที่สามมันจบลงตรงนี้แหละ แต่ว่าถ้าสมมุตืว่าใครลองไปทำตามจริง ๆ แล้วอยากรู้ว่าเราสามารถทำอะไรจาก node ของเราได้อีกบ้าง เลยมีกิจกรรมขำ ๆ มาให้ทำครับ โดยความยากจะมีทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้
- ง่าย (สามารถหาคำตอบได้ด้วย bitcoin-cli command เดียว)
1. แฮชของบล๊อก 774698 คืออะไร?
2. signature ของข้อความจาก address นี้ถูกต้องหรือไม่
```
address: 1E9YwDtYf9R29ekNAfbV7MvB4LNv7v3fGa
message: 1E9YwDtYf9R29ekNAfbV7MvB4LNv7v3fGa
signature:HCsBcgB+Wcm8kOGMH8IpNeg0H4gjCrlqwDf/GlSXphZGBYxm0QkKEPhh9DTJRp2IDNUhVr0FhP9qCqo2W0recNM=
```
- ทำได้แหละ (สามารถหาคำตอบได้ด้วย bitcoin-cli command เดียว หรืออาจจะมากกว่าหนึ่ง)
3. มี output ใหม่กี่อันที่เกิดในบล๊อก 774698 ?
4. ใช้ wallet descriptors หา taproot address ที่ 100 จาก extended public key ที่กำหนดให้ xpub6DLd5RvY42Q5HAmBhHPUbDGdeS9VvsYNauiuN8r6NzbiXSSNWpNVrDGTUScJ9fS2orMtuB3VdxMdUH83fPtwbrizfJg9LwWnGqtL7RTs5h1
5. สร้าง multisig address แบบ P2SH แบบ 1-of-4 จาก publickey ในอินพุตทั้งสี่ของธุรกรรมนี้:37d966a263350fe747f1c606b159987545844a493dd38d84b070027a895c4517
- ต้องคิดเชิงตรรกะได้เล็กน้อย (สามารถหาคำตอบได้ด้วย bitcoin-cli command และพวก if-else/loop)
6. tx ใดในบล็อก 257,343 ที่ใช้เอาท์พุตของ coinbase ของบล็อก 256,128?
7. มีเอาต์พุตเดียวที่ยังไม่ได้ใช้งานจากบล็อก 123,321 เอาต์พุตดังกล่าวถูกส่งไปที่ address ไหน
8. public key ใดที่ลงนามอินพุต 0 ใน tx นี้:e5969add849689854ac7f28e45628b89f7454b83e9699e551ce14b6f90c86163
ใครทำได้พร้อมแชร์วิธีการใต้โพสต์นี้เดี๋ยวจะมีไดโนเสาร์ส่งแซตเป็นกำลังใจให้เล็กน้อยครับ