-

@ Jakk Goodday
2025-03-01 10:52:17
JAKK NEWS - สกู๊ปพิเศษ
วอชิงตัน วินาศกรรมทางการทูต
เมื่อเซเลนสกี “ดึงพรม” กลางห้องทำงานรูปไข่
"ทุกอย่างพังลงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และนั่นอาจเปลี่ยนชะตากรรมของยูเครนไปตลอดกาล"
https://nostr.download/f1793fb30d2889769d133b7c1a171153788b5a6786f604e60eed02c3fb46933f.webp
28 กุมภาพันธ์ 2025
วันเปลี่ยนโลกในทำเนียบขาว
เสียงฝีเท้าของโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ก้าวออกจากทำเนียบขาวอย่างหนักอึ้ง
เขาขึ้นรถโดยไม่มีการแถลงข่าว ไม่มีการจับมือ ไม่มีแม้แต่เอกสารที่เซ็นเรียบร้อยแล้วในมือ
นี่คือภาพสะท้อนของการเจรจาที่ยุติลง ไม่ใช่ด้วยข้อตกลง แต่ด้วยความขัดแย้ง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และทีมทำเนียบขาว ยืนมองอย่างเย็นชา ข้อตกลงแร่ธาตุหายากที่คิดว่าปิดดีลแล้ว ถูกพลิกกระดานในนาทีสุดท้าย
แต่ทำไม?
ทำไมเซเลนสกีที่เดินทางมาเพื่อ “ปิดดีล” ถึงกลายเป็นฝ่ายที่เดินจากไปมือเปล่า?
อะไรคือจุดแตกหักที่ทำให้วอชิงตันกลายเป็นเวทีแตกหักระหว่างพันธมิตรสองชาติ?
ย้อนกลับไปก่อนเกิดวิกฤติ มันมีดีลที่ทุกคนเชื่อว่ามัน “จบแล้ว”
หลายเดือนก่อนหน้าการเดินทางมาของเซเลนสกี ทีมเจรจาของเขาและ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้พูดคุยถึงโครงสร้างของข้อตกลงใหม่
สาระสำคัญของดีลมีดังนี้
- ยูเครนจะเปิดให้สหรัฐฯ เข้าถึงสิทธิการทำเหมืองแร่ธาตุหายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของอุตสาหกรรมโลก
- สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจแก่ยูเครน แต่ไม่ใช่แบบ “เช็คเปล่า” อีกต่อไป ต้องมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้
- เป้าหมายคือการทำให้สหรัฐฯ มี “ส่วนได้ส่วนเสีย” กับความมั่นคงของยูเครน โดยหวังว่าโมเดลนี้จะทำให้การสนับสนุนจากวอชิงตันมีเสถียรภาพ
ทรัมป์เชื่อว่า “ถ้าผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ถูกผูกไว้กับยูเครน ความมั่นคงของยูเครนก็จะได้รับการคุ้มครองโดยปริยาย”
ในทางกลับกัน เซเลนสกีต้องการมากกว่านั้น
เขาต้องการ “หลักประกันความมั่นคง” ที่เป็นรูปธรรม
แต่ทุกฝ่ายยังเชื่อว่า พวกเขาจะหาทางออกกันได้
จนกระทั่ง... ทุกอย่างพังลงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
วินาทีแตกหัก
เมื่อเซเลนสกี “พลิกโต๊ะ” กลางห้องทำงานรูปไข่
ในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 เซเลนสกีเดินเข้าทำเนียบขาวโดยมีตารางนัดหมายชัดเจน
พิธีลงนามข้อตกลงแร่ธาตุหายาก ถูกกำหนดไว้ในช่วงบ่าย
แต่เมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะประชุม ทุกอย่างเปลี่ยนไป
เซเลนสกีเพิ่มเงื่อนไขใหม่
- เขาต้องการให้สหรัฐฯ ให้ “หลักประกันความมั่นคง” ที่เป็นลายลักษณ์อักษร
- เขาต้องการให้มีการส่งกำลังทหารอเมริกันเข้ามาในยูเครน (Boots on the ground) อย่างน้อยในรูปแบบ “ที่ปรึกษาทางทหาร”
- เขาประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงใด ๆ หากไม่มีข้อผูกพันที่เป็นทางการจากวอชิงตัน
รูบิโอและรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มองหน้ากันอย่างงุนงง
นี่มันไม่ใช่ข้อตกลงที่เราตกลงกันไว้นี่หว่า..
จนกระทั่ง.. การเผชิญหน้าที่เดือดสุดขีด
ทรัมป์-เซเลนสกี ปะทะกลางห้องประชุม
ทรัมป์ (เสียงแข็ง): “ยูเครนอยากให้เราช่วย แต่พวกคุณยังอยากเพิ่มเงื่อนไขอีกเรื่อย ๆ ใช่ไหม?”
เซเลนสกี (กดดันกลับ): “ไม่มีข้อตกลงหยุดยิงใดปลอดภัย ถ้าไม่มีหลักประกันจากพันธมิตร”
แวนซ์ (ประชด): “คุณเคยพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ สักครั้งไหม ตั้งแต่มานั่งที่นี่?”
เซเลนสกี (หันไปที่แวนซ์): “คุณเคยไปยูเครนหรือเปล่าล่ะ?”
แวนซ์: “เคยไป”
เซเลนสกี: “แค่ครั้งเดียวน่ะเหรอ?”
นี่ไม่ใช่แค่การหารือ แต่มันกลายเป็น “ศึกปะทะ” ระหว่างผู้นำทั้งสองชาติ
ความตึงเครียดพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเมื่อ ทรัมป์ เริ่มตัดบท
ทรัมป์ (เสียงแข็งขึ้น): “คุณกำลังเดิมพันด้วยชีวิตของประชาชนนับล้าน คุณกำลังเดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่สาม!”
เซเลนสกี (ตอบกลับ): “เราต้องการยุติสงคราม แต่ต้องมีการรับประกัน”
ทรัมป์ : “คุณไม่มีไพ่ในมือเลย และถ้าไม่มีเรา คุณไม่มีทางชนะ”
เมื่อทุกอย่างพังทลาย ทรัมป์จึงประกาศ “ดีลล่ม”
- พิธีลงนามถูกยกเลิกทันที
- เซเลนสกีออกจากทำเนียบขาว โดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ ติดมือ
- สื่อมวลชนถูกเชิญออกจากห้องประชุมก่อนกำหนด
- วอชิงตันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการทูตระหว่างสองประเทศ
ผลกระทบของเหตุการณ์นี้
อนาคตของยูเครนและสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร?
สหรัฐฯ กำลังลดระดับการสนับสนุนยูเครน
ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวไปฟลอริดาพร้อมให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้ายูเครนไม่ร่วมมือ พวกเขาอาจต้องสู้กันเองต่อไป”
ฝ่ายรีพับลิกันสายอนุรักษ์นิยมเช่น ลินด์ซีย์ เกรแฮม ระบุว่า “เซเลนสกีไม่ใช่พันธมิตรที่สหรัฐฯ ควรลงทุนด้วย”
ส่วนยูเครนอาจถูกบีบให้หันไปพึ่งพายุโรปมากขึ้น
สหภาพยุโรปต้องรับบทหนักขึ้นในแง่การสนับสนุนทางการเงินและอาวุธ
NATO อาจต้องเร่งหาทางออกที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ
สงครามยังดำเนินต่อไป แต่ยูเครนต้องเผชิญอนาคตที่ไม่แน่นอน
หากวอชิงตันลดการสนับสนุน ยูเครนจะต้องต่อสู้โดยมีทรัพยากรที่จำกัดมากขึ้น
ปูตินอาจมองว่านี่เป็น “ช่องโหว่” ที่สามารถใช้กดดันยูเครนได้มากขึ้น
“นี่ไม่ใช่แค่ดีลที่ล้มเหลว”
แต่มันคือจุดเปลี่ยนของสงคราม
เมื่อเซเลนสกี “ดึงพรม” วอชิงตันก็ถอนมือออกจากเกม
..และตอนนี้ ยูเครนต้องเผชิญอนาคตที่ยากกว่าที่เคย
#JAKKNEWS
#Siamstr
https://nostr.download/08af1feccef87c63978686b9969669dcf8d8cebe74afd46672fd0c36ba552f83.webp
สกู๊ปพิเศษไปอีก..
หากมีใครที่รู้สึก “ถูกหักหลัง” มากที่สุดจากเหตุการณ์นี้ หนึ่งในนั้นต้องเป็นมาร์โก รูบิโอ
ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รูบิโอเป็นตัวกลางของดีลนี้มาตั้งแต่แรก เขาเดินสายพูดคุยกับทั้งยูเครนและยุโรป พยายามสร้าง “ฉันทามติ” ที่สามารถโน้มน้าวทุกฝ่ายให้เห็นว่าข้อตกลงที่สหรัฐฯ เสนอ เป็นทางออกที่ดีที่สุดของสงคราม
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวอชิงตัน ทำให้รูบิโอหมดความอดทน
💬 รูบิโอ (ให้สัมภาษณ์กับ CNN หลังการประชุมล่ม):
“ผมคิดว่าเซเลนสกีทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมากกว่าที่ควรจะเป็น”
💬 “สิ่งที่เขาควรขอโทษคือการทำให้เรื่องนี้พังทลายลง”
รูบิโอรู้สึกว่าเซเลนสกี เล่นเกมการเมืองกลางเวทีโลก
และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เขาพยายาม “รีเนก” (Renegotiate) ข้อตกลงกลางที่ประชุม
ในทางการทูต นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของความเห็นต่าง
แต่มันเป็น การกระทำที่ถูกมองว่า “ไม่จริงใจ” ในสายตาของวอชิงตัน
พรรครีพับลิกันเริ่มแข็งกร้าวขึ้นต่อยูเครน
วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม (พรรครีพับลิกัน) ถึงกับระบุว่า
“ถ้าเซเลนสกีคิดว่าเขาสามารถเล่นเกมนี้กับสหรัฐฯ ได้... เขาคิดผิดแล้ว”
รองประธานาธิบดีแวนซ์
“ผมคิดว่าเขาควรจะขอบคุณเรา มากกว่าที่จะมานั่งบ่นใส่เราในห้องทำงานรูปไข่”
มีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมสายแข็งให้ “ลดระดับความช่วยเหลือ” แก่ยูเครน
นี่คือจุดเปลี่ยนทางการทูตที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้.. ยูเครนได้รับการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขจากสหรัฐฯ
หลังจากนี้.. วอชิงตันอาจไม่เต็มใจสนับสนุนยูเครนแบบ “เปิดเช็คเปล่า” อีกต่อไป
ในทางปฏิบัติ นี่หมายความว่า...
+ การช่วยเหลือทางทหารอาจถูกลดลง
+ การเงินสนับสนุนยูเครนอาจมาพร้อมเงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้น
+ สหรัฐฯ อาจกดดันยูเครนให้เดินหน้า “การเจรจาสันติภาพ” มากกว่าที่เคย
และที่สำคัญ...
รูบิโออาจกลายเป็น “สายแข็ง” ที่กดดันยูเครนหนักขึ้นในอนาคต
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป?
- เซเลนสกีจะพยายาม “กู้สถานการณ์” กับวอชิงตันหรือไม่?
- ทรัมป์จะใช้โอกาสนี้กดดันให้ยูเครนเข้าสู่โต๊ะเจรจากับรัสเซียหรือเปล่า?
- พันธมิตรยุโรปจะรับภาระมากขึ้น หรือพวกเขาจะพยายามกดดันสหรัฐฯ ให้กลับมาเป็นแนวหน้าของการสนับสนุน?
สิ่งเดียวที่แน่นอนในตอนนี้คือ...
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยูเครน
เซเลนสกีอาจเดินจากไปโดยไม่มีข้อตกลงติดมือ
แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังคือ ความไม่ไว้วางใจระหว่างพันธมิตรเดิม
วอชิงตันและเคียฟอาจยังเป็นพันธมิตร
แต่พวกเขา ไม่ใช่พันธมิตรที่ไม่มีเงื่อนไขอีกต่อไป
และสงครามยังไม่จบ... แต่มันได้เข้าสู่ “เฟสใหม่” อย่างเป็นทางการ