-
@ HereTong
2025-05-09 01:07:20ถ้าย้อนกลับไป 50 ปีก่อน ถ้าเฮียถามคำนี้กับลุงชาวนาคนหนึ่ง เขาคงหัวเราะแล้วตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “ก็เจ้าของที่นาไงไอ้ทิด จะมีใครล่ะ?”
แต่พอมาในวันนี้ ถ้าเฮียถามคำเดิมในซูเปอร์มาร์เก็ต คงไม่มีใครกล้าตอบแบบนั้นอีกแล้ว เพราะแค่ในชั้นวางโยเกิร์ตเดียวกัน เฮียอาจเห็นยี่ห้อต่างกัน 10 ยี่ห้อ แต่ทั้งหมดอาจเป็นของบริษัทแม่เพียงเจ้าเดียว
ในศตวรรษที่ 21 อาหารไม่ใช่ของคนทำอาหาร แต่มันกลายเป็นของ บริษัทผู้ครอบครองข้อมูล พันธุกรรม และระบบการกระจายสินค้า โลกวันนี้ไม่ได้มีเกษตรกรล้อมวงเคี้ยวหมาก แต่มีบริษัทเทคโนโลยีจับมือกับนักลงทุนระดับโลก ถือครองเมล็ดพันธุ์ เป็นเจ้าของสิทธิบัตรจุลินทรีย์ในลำไส้ และมีอำนาจเสนอว่า “อาหารแบบไหนควรได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ”
บริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนแวลลีย์บางแห่ง ไม่ได้แค่ผลิตซอฟต์แวร์อีกต่อไป แต่เริ่มทำ "อาหารจากโค้ด" โปรตีนสังเคราะห์ที่ได้จากการแทรกยีน หรือแม้แต่ “อาหารจากคาร์บอนในอากาศ” ที่สร้างโดย AI เขาไม่ได้ปลูกข้าว แต่เขาเขียนสูตรให้เครื่องจักรสร้างอาหารในถัง
ใครมีสิทธิบัตร…คนนั้นคือเจ้าของ ใครควบคุมข้อมูลสุขภาพ…คนนั้นคือนายทุนแห่งความหิว และใครสามารถชี้นิ้วให้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายอาหารโรงเรียน…คนนั้นคือเจ้าของอนาคตของเด็กทั้งประเทศ
มันฟังดูเวอร์ใช่ไหม? แต่ลองดูดี ๆ…ใครเป็นเจ้าของฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ โรงฆ่าสัตว์? หลายแห่งไม่ได้เป็นของชาวบ้านอีกต่อไป แต่เป็นของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังทั้งอาหารในซูเปอร์ และเม็ดวิตามินในกระปุกเฮียด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของตัวจริงไม่ได้อยู่ในร้านของชำ แต่ซ่อนตัวอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทเกษตรข้ามชาติ ในเวทีประชุมเศรษฐกิจโลก และในห้องประชุมที่ตัดสินว่า “อาหารจากวัว” ควรถูกเก็บภาษีคาร์บอนเพิ่มหรือไม่
เมื่อก่อนเฮียเคยคิดว่า ถ้าเราปลูกผักเอง ก็คุมอาหารตัวเองได้ แต่พอระบบเริ่มขับไล่เมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมให้สูญพันธุ์ ถ้าไม่มีใบอนุญาตปลูกพืช GMO หรือไม่มีเงินซื้อปุ๋ยจากบริษัทเดียวที่ยังอยู่รอด เกษตรกรจะเป็นเจ้าของอะไรกันแน่?
และคำว่า “อาหารอิสระ” ในยุคนี้ อาจไม่ใช่แค่การไม่พึ่งพาซูเปอร์ แต่มันคือ “การตื่นรู้ว่าใครเป็นคนจัดเกม และใครเป็นคนตั้งกฎ”
เพราะในยุคที่ทุกอย่างแปรรูปเป็นดิจิทัล แม้แต่อาหารก็อาจมีเจ้าของเพียงไม่กี่ราย และสิ่งที่น่ากลัวกว่าผูกขาด…คือการ “ผูกอนาคต” ของเราทั้งมื้อ
#pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก #siamstr