-
@ HereTong
2025-04-27 05:37:41"นมดีจริง หรือแค่เรากลัว?" นม = อาหารของสัตว์ในวัยทารก จริงๆประโยคเดียว ก็น่าจะเข้าใจนะครับว่าทำไม ผมไม่ตอบเม้นท์เลย ว่าถ้างั้นเราดื่มนมอะไรดี
ในวันที่นมยึดครองชั้นวางห้าง นมวัว นมแพะ นมอัลมอนด์ นมโอ๊ต นมข้าว นมพิสตาชิโอ วางตัวสวยๆ พร้อมข้อความชวนฝันว่า "ดีต่อใจ" "เพื่อสุขภาพ" คนก็แห่กันถามว่า นมอะไรดีที่สุด ดื่มนมอันไหนแล้วสุขภาพดี กินนมแล้วจะได้ไม่ขาดสารอาหาร
แต่...ลองหยุดถาม แล้วตั้งใจฟังตัวเองสักนิดว่า จริงๆ แล้ว นมดีกว่า real food อย่างไข่ หรือเนื้อสัตว์ ตรงไหน?
ตอนเด็ก เราถูกสอนว่า ดื่มนม = แข็งแรง ตอนโต เราถูกล่อด้วยโฆษณาว่า นมพืช = สุขภาพดี ยั่งยืน รักษ์โลก เราถูกปลูกฝังจนแทบไม่เคยสงสัยเลยว่า นม มันดียังไงกันแน่?
เราลองมาเปิดหน้ากาก "นม" ทีละชั้นกันครับ นมวัว : มีโปรตีนกับไขมันอยู่บ้าง แต่ก็มีน้ำตาลแลคโตสที่คนส่วนใหญ่ย่อยไม่ดี นมพืช : โปรตีนต่ำจนน่าใจหาย วิตามินแร่ธาตุก็ใส่สังเคราะห์เอาทีหลังทั้งนั้น
"นม" ไม่ว่าจะวัว แพะ หรือพืช ความจริงที่เราไม่ค่อยอยากมอง คือ นมเป็นอาหารที่อ่อนด้อยเรื่องสารอาหารอย่างสิ้นเชิง โปรตีนในนมพืช ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเมื่อเทียบกับแค่ ไข่ นมวัวมีแก้วละ 6กรัม นมโอ้ตมีแก้วละ 3กรัม ในขณะที่ไข่เพียง 1ฟอง มีโปรตีน 6-7กรัม หรือจะเอาแคลเซียม ที่อ้างกันนัก นมแก้วนึง(200ml) มีแคลเซียม 123mg ในขณะที่ไข่แค่4ฟอง มีไปแล้ว 100mg ส่วนใครยังกลัวไข่เพราะมีคอเลสเตอรอล คุณปิดโพสได้เลย คุณเชยไปแล้วครับเขา move on เรื่องไข่กันไปนานแล้ว รบกวนหาข้อมูล แถมแคลเซียมที่กินไป ถ้าไม่ทำ xxxxx xxxx รู้ไหมว่ามันจะไปสะสมที่หลอดเลือด นี่ละตัวตันเลย ไม่ใช่คอเลสเตอรอล ส่วน xx นั้นถ้ายังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องทำเพื่อจัดการแคลเซียม ก็ยิ้มให้กับตัวเองเลยครับ ดื่มนมเพราะแคลเซียมนี่เนอะ 55555
นอกจากนี้ นมทุกชนิดยังเต็มไปด้วย "คาร์บ" แบบต่างๆ ทั้งน้ำตาลแลคโตสในนมวัว และแป้งเชิงซ้อนในนมพืช ส่วนตัวไหนคาร์บต่ำ ทุกอย่างก็ต่ำไปหมด เทียบเป็น น้ำเปล่าขุ่นๆ ราคาแพง
บางคนบอกว่า "นมพืชดี๊ดี กินแล้วน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งเลยนะ" ฟังดูเหมือนดีนะ แต่...แค่ตัวเลขน้ำตาลในเลือดเฉียบพลันไม่กระโดด
จะบอกว่านั่นไม่ได้แปลว่าร่างกายปลอดภัยจริงๆ นะแค่ค่าน้ำตาลในเลือดมันเป็นแค่จุุดพอสังเกต เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเราดื่มนมพืช โดยเฉพาะนมโอ๊ต คือ คาร์บแฝงที่จะค่อยๆ แตกตัวระหว่างการย่อย ร่างกายอาจจะไม่ช็อคน้ำตาลทันที แต่จะ กระตุ้นอินซูลิน ให้ทำงานหนักขึ้นแบบเนียนๆ อินซูลินสูงเรื้อรังโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นเส้นทางลัดไปสู่ไขมันสะสม การอักเสบ และเบาหวานชนิดที่ 2 ในระยะยาว
ภัยเงียบที่น่ากลัวที่สุดของนมโอ๊ต จึงไม่ใช่แค่เรื่องน้ำตาล แต่คือ "ภาวะอินซูลินสูงแบบไร้อาการ" (Silent Hyperinsulinemia) เป็นอาการอินซูลินมันพุ่งสูง แบบที่ตรวจเฉพาะน้ำตาลจะไม่เห็น ต้องเจาะเฉพาะระดับอินซูลิน (Insulin test) ถึงจะรู้ บั่นทอนสุขภาพทีละน้อย เหมือนเชื้อไฟใต้เถ้า ที่รอวันระเบิดเป็นโรคเรื้อรังในอีก 10 ปีข้างหน้า
แล้วทำไมเราถึงศรัทธา "นม" จนหมดใจ? คำตอบคือ..."สงคราม"
Fiat system เก่งมากนะครับที่ไม่ได้แค่พิมพ์นมขึ้นมาจากอุตสาหกรรมเหลือทิ้ง หลังสงครามโลก แต่ยังพิมพ์ "ความกลัว" ลงในใจพวกเราว่า "ถ้าไม่ดื่มนม คุณจะไม่แข็งแรง"
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกามีนมล้นตลาดจากโครงการป้อนเสบียงกองทัพ เมื่อสงครามยุติ นมจึงเหลือกองมหึมา ถ้าไม่หาทางระบาย ก็ขาดทุนยับเยิน รัฐจึงออก โครงการนมโรงเรียน บังคับให้เด็กในโรงเรียนต้องดื่มนมวันละแก้วทั่วประเทศ พร้อมเทงบสนับสนุนงานวิจัยที่บอกว่า "นมดีต่อกระดูก ดีต่อสุขภาพ" แต่จริงๆ งานวิจัยเหล่านั้นหลายชิ้น ก็เต็มไปด้วย bias และ เงินทุนจากอุตสาหกรรมนม นั่นเอง
"เราไม่ได้เลือกนมด้วยความเข้าใจ เราแค่เกิดมาในยุคที่นมล้นตลาด" เริ่มต้นจากเด็กในโรงเรียน ถูกเลี้ยง ถูกล้างสมอง จนคิดว่านมคือสัญลักษณ์ของการดูแลตัวเองที่ดี
เวลาผ่านไป โลกเปลี่ยน เด็กโตขึ้นมา เริ่มแพ้นมวัวกันเยอะขึ้น คนก็หันมาหาทางเลือกใหม่...นมพืช
แต่ระบบ Fiat Food ก็ยังทำงานแบบเดิม ผลิตนมพืชจากพืชเหลือทิ้งราคาถูก เช่น ข้าวโอ๊ต เสริมวิตามินแต่งหน้าตา ทำโฆษณาน่ารักๆ ว่า รักษ์โลก ใส่ใจสุขภาพ ดื่มแล้วเป็นทางเลือกของคนฉลาด ทางออกของคนย่อยแลคโตสไม่ได้
จากนั้นบุกเข้าโรงเรียนอีกครั้ง เสนอ "นมโอ๊ตโรงเรียน" แทนนมวัว ครอบเจนฯใหม่ทั้งกระบิทีเดียวเลย ใช้วิจัยใหม่ที่ เน้นเฉพาะข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมหรือ sustainability สร้างความเป็นผู้มีความรู้ในความเป็นคนรักโลก แต่หลีกเลี่ยงไม่พูดถึงสารอาหารจริงๆ
แล้วเด็กๆ ก็กำลังถูกปลูกฝังรอบใหม่อีกครั้ง...ว่า นมโอ๊ต = ทางเลือกสุขภาพ ติดสมองไปอีกหลายเจนฯ ทั้งที่...
นมโอ๊ตอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตแตกตัวง่าย ที่ทำให้อินซูลินพุ่งเรื้อรังแบบไร้สัญญาณเตือน โปรตีนต่ำจนไร้ความหมายในแง่สร้างกล้ามเนื้อหรือภูมิคุ้มกัน วิตามินแร่ธาตุที่เติมแต่ง เป็นสารสังเคราะห์ที่ดูดซึมได้ยากกว่าวิตามินจาก real food หลายเท่า
โลกหมุนเร็วขึ้น แต่ Fiat Food ยังวนลูปที่เดิม เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนฉลาก แต่ยังคง "ขายของเหลือ" ผ่านการล้างสมองทางโภชนาการอย่างแนบเนียน ในวันที่โอ้ตล้นโลกจน USDA ต้องหาทางออกให้ มิเช่นนั้นจะต้องเป็นฝ่ายดึงภาษีมาโอบอุ้มเสียเอง
ดังนั้น นมสัตว์ นมพืช ไม่ได้ต่างกันในด้านการครอบความคิด จะต่างกันแค่ผลทางการทำร้ายสุขภาพแบบเงียบๆระยะยาว โปรดเข้าใจประเด็นว่าไม่ใช่จะว่านมโอ้ตแล้วชูนมวัว
ไทม์ไลน์ย่อ "จากนมวัวล้นตลาด สู่แผนบุกนมโอ๊ตโรงเรียน" 1940s (WWII): อเมริกาขยายอุตสาหกรรมนมเพื่อเลี้ยงกองทัพ 1945: สงครามจบ นมล้นตลาด ต้องระบาย 1950: เปิด "โครงการนมโรงเรียน" (School Milk Program) บังคับเด็กดื่มนม พร้อมอุดหนุนฟาร์มนมอย่างลับๆ 1950s-1970s: ใช้งบวิจัยหนุนว่า "นมดีต่อสุขภาพ" ทั่วสหรัฐฯ และโลกตะวันตก 1980s: ปัญหาแพ้นม (Lactose Intolerance) โผล่มากขึ้น แต่โครงการยังเดินหน้าต่อ 2010s: กระแสนมพืชมาแรง ผู้คนตื่นตัวเรื่องแพ้แลคโตส และสิ่งแวดล้อม 2020s: อุตสาหกรรมนมพืชเร่งบุกโรงเรียน เสนอ "นมโอ๊ตโรงเรียน" เพื่อปลูกฝังตั้งแต่เล็กๆ ผ่านโฆษณา "ทางเลือกเพื่อโลก" (ซึ่งซ้ำรอยวิธีเดียวกับที่เคยผลักดันนมวัวเมื่อ 70 ปีก่อนแทบทุกประการ)
สุดท้าย ถามตัวเองอีกครั้ง... นมที่เราดื่มทุกเช้า มาจากความต้องการของร่างกาย หรือมาจากการตลาดที่ชนะสงครามไปตั้งแต่เรายังไม่เกิด?
เราดื่มนมไปทำไมวะ?????
เลือกเองอย่างเข้าใจธรรมชาติ แล้วคุณจะไม่ต้องตื่นขึ้นมาไล่ตามนมอีกเลย วันหยุดนี้ เข้าซุปเปอร์มาร์เกต แล้วดูฉลากโภชนาการกันสิ ว่าได้อะไรจากการดื่มนม
ถามว่าอ่านถึงตรงนี้ ผมเกลียดนมไหม บ้า ใครจะไปเกลียดนม เหตุผลเดียวเลยที่ผมยกให้นมคือ "อร่อย" นมอร่อย ไอติมอร่อย ลาเต้ดีงาม แต่มันคือความอร่อยที่ให้สารอาหารนิดหน่อย ผมไม่ได้เกลียดนม แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าเรา "ต้อง" จะเป็นจะตายเพื่อหานมมาดื่ม ไม่ต้องไปทุรนทุรายว่า เห้ย ทำไมฉันไม่ได้ดื่มนมนะ OMG ชั้นจะป่วยแน่ๆ ชั้นจะไม่แข็งแรงแน่ๆ
ผมเกลียด fiat ที่ครอบหัวคนมากี่รุ่นว่า ถ้าไม่ดื่มนม จะไม่แข็งแรง get มะ 5555
แต่ผมไมได้บอกว่าผมถูกนะ ใครมีเหตุผลที่สนับสนุนว่าเรา "ต้อง" ดื่มนมแบบ “เด็ดขาด” “ห้ามขาดการดื่มนม” มาแชร์กัน ผมยินดีเรียนรู้นะ แต่ประเภทว่า ดื่มแล้วไม่เห็นเป็นไร สะดวกดีบางทีกินง่าย น้องดื่มแล้วตัวสูง ฉันดื่มแล้วตัวสูง อะไรพวกนี้ไม่เอานะ มัน emotion
#pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก #siamstr