-
## การเผชิญหน้า (The Collision Point) กลางปี 2017 ที่ร้านคราฟท์เบียร์เล็ก ๆ ในย่านเกาะเกร็ด นนทบุรี อากาศร้อนจนเครื่องปรับอากาศ (ที่ยังไม่มี) ในร้านทำงานหนักแทบไหม้ ***"แจ๊ก กู้ดเดย์"*** (Jakk Goodday) นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่เจ้าของร้านกันไว้ให้เป็นประจำ ราวกับเขาเป็นลูกค้าขาประจำระดับวีไอพี กลิ่นกาแฟคั่ว ลอยผสมกับไอความร้อนจากนอกหน้าต่าง _(ผิดร้านหรือเปล่า?)_ เกิดเป็นบรรยากาศขมติดปลายลิ้นชวนให้คนจิบแล้วอยากถอนใจ เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง.. เห็นแสงแดดแผดเผาราวกับมันรู้ว่าสงคราม Blocksize กำลังคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง ![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1736318737316-YAKIHONNES3.webp) บรรยากาศนอกหน้าต่างกับใน **_ฟอรัม Bitcointalk_** ช่างเหมือนกันจนน่าขนลุก มันร้อนแรง ไร้ความปรานี แจ๊กเปิดแล็ปท็อป กดเข้าเว็บฟอรัม พอเสียงแจ้งเตือน _“—ติ๊ง”_ ดังขึ้น คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย คล้ายได้กลิ่นดินปืนกลางสนามรบ “**โรเจอร์ แวร์** (Roger Ver) ไลฟ์เดือดลั่นเวที!” “**ปีเตอร์ วูเล** (Pieter Wuille) โต้กลับเรื่อง SegWit!” “Hard Fork ใกล้ถึงจุดปะทะแล้ว!” แจ๊กคลิกเข้าไปในลิงก์ของไลฟ์ทันที เหมือนมือของเขาไม่ต้องการคำสั่งจากสมอง ความคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้บอกเขาว่า _นี่ไม่ใช่ดีเบตธรรมดา แต่มันอาจเปลี่ยนอนาคตของ Bitcoin ได้จริง ๆ_ เห็นแค่พาดหัวสั้น ๆ แต่ความตึงเครียดก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ทุกข้อความเหมือนสุมไฟใส่ใจกองหนึ่งที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ โทรศัพท์ของแจ๊กดังพร้อมปรากฏชื่อ ***แชมป์ ‘PIGROCK’*** ลอยขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมารับทันที “ว่าไงวะแชมป์… มีอะไรด่วนหรือเปล่า?” น้ำเสียงแจ๊กฟังดูเหมือนง่วง ๆ แต่จริง ๆ เขาพร้อมจะลุกมาวิเคราะห์สถานการณ์ให้ฟังทุกเมื่อ “พี่แจ๊ก.. ผมอ่านดีเบตเรื่อง SegWit ในฟอรัมอยู่ครับ บางคนด่าว่ามันไม่ได้แก้ปัญหาจริง ๆ บ้างก็บอกถ้าเพิ่ม Blocksize ไปเลยจะง่ายกว่า... ผมเลยสงสัยว่า Hard Fork ที่เค้าพูดถึงกันนี่คืออะไร ใครคิดอะไรก็ Fork กันได้ง่าย ๆ เลยเหรอ" "แล้วถ้า Fork ไปหลายสาย สุดท้ายเหรียญไหนจะเป็น ‘Bitcoin ที่แท้จริง’ ล่ะพี่?” “แล้วการ Fork มันส่งผลกับนักลงทุนยังไงครับ? คนทั่วไปอย่างผมควรถือไว้หรือขายหนีตายดีล่ะเนี่ย?” แจ๊กยิ้มมุมปาก ชอบใจที่น้องถามจี้จุด “เอางี้… การ Fork มันเหมือนแบ่งถนนออกเป็นสองสาย ใครชอบกติกาเก่าก็วิ่งถนนเส้นเก่า ใครอยากแก้กติกาใหม่ก็ไปถนนเส้นใหม่" "แต่ประเด็นคือ... นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมีผลต่ออัตลักษณ์ของ Bitcoin ทั้งหมดเลยนะมึง—ใครจะยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ” "คิดดูสิ ถ้าครั้งนี้พวกเขา Fork จริง มันอาจไม่ได้เปลี่ยนแค่เครือข่าย แต่เปลี่ยนวิธีที่คนมอง Bitcoin ไปตลอดกาลเลยนะ" **_"แล้วใครมันจะอยากลงทุนในระบบที่แตกแยกซ้ำแล้วซ้ำเล่าวะ?"_** “งั้นหมายความว่าตอนนี้ก็มีสองแนวใหญ่ ๆ ชัวร์ใช่ไหมครับ?” แชมป์ถามต่อ “ฝั่ง โรเจอร์ แวร์ ที่บอกว่าต้องเพิ่ม Blocksize ให้ใหญ่จุใจ กับฝั่งทีม Core อย่าง ปีเตอร์ วูเล ที่ยืนยันต้องใช้ SegWit ทำให้บล็อกเบา ไม่กระทบการกระจายอำนาจ?” “ใช่เลย” แจ๊กจิบกาแฟดำเข้ม ๆ ผสมน้ำผึ้งไปหนึ่งอึก “โรเจอร์นี่เขาเชื่อว่า Bitcoin ต้องเป็นเงินสดดิจิทัลที่ใช้จ่ายไว ค่าธรรมเนียมไม่แพง ส่วนปีเตอร์กับ Bitcoin Core มองว่าการเพิ่มบล็อกเยอะ ๆ มันจะไปฆ่า Node รายย่อย คนไม่มีทุนก็รัน Node ไม่ไหว สุดท้าย Bitcoin จะกลายเป็นระบบกึ่งรวมศูนย์ ซึ่งมันผิดหลักการเดิมของ ***ซาโตชิ*** ไงล่ะ” “ฟังแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะพี่… งั้นที่ผมได้ยินว่า ***จิฮั่น อู๋*** (Jihan Wu) เจ้าของ Bitmain ที่ถือ Hashrate เกินครึ่งนี่ก็มาอยู่ฝั่งเดียวกับโรเจอร์ใช่ไหม?" "เพราะยิ่งบล็อกใหญ่ ค่าธรรมเนียมยิ่งเพิ่ม นักขุดก็ได้กำไรสูงขึ้นใช่ป่ะ?” “ไอ้เรื่องกำไรก็ส่วนหนึ่ง...” แจ๊กถอนหายใจ “แต่ที่สำคัญกว่านั้นคืออำนาจต่อรอง… ตอนประชุมลับที่ฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว พี่เองก็ถูกชวนให้เข้าไปในฐานะคนกลาง เลยเห็นภาพน่าขนลุกอยู่หน่อย ๆ" "จิฮั่นนั่งไขว่ห้างด้วยสีหน้ามั่นใจมาก ด้วย Hashrate ราว 60% ของโลก สั่งซ้ายหันขวาหันเหมือนเป็นแม่ทัพใหญ่ได้เลย พอโรเจอร์ก็ไฟแรงอยู่แล้ว อยากให้ Bitcoin ครองโลกด้วยวิธีของเขา สองคนนี่จับมือกันทีจะเขย่าชุมชน Bitcoin ได้ทั้งกระดาน” "พี่รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในศึกชิงบัลลังก์ยุคใหม่ คนหนึ่งยึดพลังขุด คนหนึ่งยึดความศรัทธาในชื่อ Bitcoin แต่สิ่งที่พี่สงสัยในตอนนั้นคือ… พวกเขาสู้เพื่อใครกันแน่?" แชมป์เงียบไปครู่เหมือนกำลังประมวลผล “แล้วตอนนั้นพี่คิดยังไงบ้างครับ? รู้สึกกลัวหรือว่ายังไง?” “จะไม่กลัวได้ไง!” แจ๊กหัวเราะแห้ง ๆ แวบหนึ่งก็นึกถึงสีหน้าที่ยิ้มเยาะของทั้งคู่ตอนประกาศความพร้อมจะ Fork “พี่อดคิดไม่ได้ว่าถ้า Core ยังไม่ยอมขยายบล็อก พวกนั้นจะลากนักขุดทั้งกองทัพแฮชเรตไปทำเครือข่ายใหม่ให้เป็น _‘Bitcoin สายใหญ่’_ แล้วทิ้งเครือข่ายเดิมให้ซวนเซ" "แค่คิดก็นึกถึงสงครามกลางเมืองในหนังประวัติศาสตร์แล้วน่ะ.. แตกเป็นสองฝ่าย สุดท้ายใครแพ้ใครชนะ ไม่มีใครทำนายได้จริง ๆ” ![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1736319396895-YAKIHONNES3.webp) พูดจบ.. เขาเปิดฟอรัมดูไลฟ์ดีเบตจากงานในปี 2017 ต่อ โรเจอร์ แวร์ กำลังพูดในโทนร้อนแรง “Bitcoin ไม่ใช่ของคนรวย! ถ้าคุณไม่เพิ่ม Blocksize คุณก็ทำให้ค่าธรรมเนียมพุ่งจนคนธรรมดาใช้ไม่ได้!” ขณะเดียวกัน ปีเตอร์ วูเล่ ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าเยือกเย็นราวกับตั้งรับมานาน “การเพิ่มบล็อกคือการทำลายโครงสร้าง Node รายย่อยในระยะยาว แล้วมันจะยังเรียกว่ากระจายอำนาจได้หรือ?” "ถ้าคุณอยากให้ Bitcoin เป็นของคนรวยเพียงไม่กี่คน ก็เชิญขยายบล็อกไปเถอะนะ แต่ถ้าอยากให้มันเป็นระบบที่คนทุกระดับมีส่วนร่วมจริง ๆ ..คุณต้องฟังเสียง Node รายเล็กด้วย" ปีเตอร์กล่าว เสียงผู้คนในงานโห่ฮากันอย่างแตกเป็นสองฝ่าย บ้างก็เชียร์ความตรงไปตรงมาของโรเจอร์ บ้างก็เคารพเหตุผลเชิงเทคนิคของปีเตอร์ ข้อความจำนวนมหาศาลในฟอรัมต่างโหมกระพือไปต่าง ๆ นานา มีทั้งคำด่าหยาบคายจนแจ๊กต้องเบือนหน้า ตลอดจนการวิเคราะห์ลึก ๆ ถึงอนาคตของ Bitcoin ที่อาจไม่เหมือนเดิม ในระหว่างนั้น.. แชมป์ส่งข้อความ Discord กลับมาอีก “พี่ ถ้า Fork จริง ราคาจะป่วนแค่ไหน? ที่เขาว่าคนถือ BTC จะได้เหรียญใหม่ฟรี ๆ จริงไหม? ผมกลัวว่าถ้าเกิดแบ่งเครือข่ายไม่รู้กี่สาย ตลาดอาจมั่วจนคนหายหมดก็ได้ ใช่ไหมครับ?” "แล้วถ้าเครือข่ายใหม่ล้มเหลวล่ะครับ? จะส่งผลอะไรต่อชุมชน Bitcoin เดิม?" "ไอ้แชมป์มึงถามรัวจังวะ!?" แจ๊กสบถเพราะเริ่มตั้งรับไม่ทัน “ก็ขึ้นกับตลาดจะเชื่อว่าสายไหนเป็น ‘ของจริง’ อีกนั่นแหละ” แจ๊กพิมพ์กลับ “บางคนถือไว้เผื่อได้เหรียญใหม่ฟรี บางคนขายหนีตายก่อน" "พี่เองก็ยังไม่กล้าการันตีเลย แต่ที่แน่ ๆ สงครามนี้ไม่ได้มีแค่ผลกำไร มันกระทบศรัทธาของชุมชน Bitcoin ทั้งหมดด้วย" "ถ้าชาวเน็ตเลิกเชื่อมั่น หรือคนนอกมองว่าพวกเราทะเลาะกันเองเหมือนเด็กแย่งของเล่น ต่อให้ฝั่งไหนชนะ ก็อาจไม่มีผู้ใช้เหลือให้ฉลอง” แล้วสายตาแจ๊กก็ปะทะกับกระทู้ใหม่ที่เด้งขึ้นมาบนหน้าฟอรัม **“โรเจอร์ แวร์ ประกาศ: ถ้าไม่เพิ่ม Blocksize เราจะฟอร์กเป็น Bitcoin ที่แท้จริง!”** ตัวหนังสือหนาแปะอยู่ตรงนั้นส่งแรงสั่นสะเทือนราวกับจะดึงคนในวงการให้ต้องเลือกข้างกันแบบไม่อาจกลับหลังได้ แจ๊กเอื้อมมือปิดแล็ปท็อปช้า ๆ คล้ายยอมรับความจริงว่าหนทางประนีประนอมอาจไม่มีอีกแล้ว.. “สงครามนี่คงใกล้ระเบิดเต็มทีล่ะนะ” เขาลุกจากเก้าอี้ สะพายเป้ พึมพำกับตัวเองขณะมองกาแฟดำที่เหลือครึ่งแก้ว “ถ้าพวกเขาฟอร์กจริง โลกคริปโตฯ ที่เราเคยรู้จักอาจไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป” เขามองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดที่แผดเผาราวกับกำลังบอกว่า.. อนาคตของ Bitcoin อยู่ในจุดที่เส้นแบ่งระหว่างชัยชนะกับความล่มสลายเริ่มพร่าเลือน... และอาจไม่มีทางย้อนกลับ ก่อนเดินออกจากร้าน เขากดส่งข้อความสั้น ๆ ถึงแชมป์ “เตรียมใจกับความปั่นป่วนไว้ให้ดี ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็น Bitcoin แตกเป็นหลายสาย.. ใครจะอยู่ใครจะไปไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ แน่” แจ๊กผลักประตูออกไปพบกับแดดจัดที่เหมือนแผดเผากว่าเดิม พายุร้อนไม่ได้มาแค่ในรูปความร้อนกลางกรุง แต่มาในรูป **“สงคราม Blocksize”** ที่พร้อมจะฉีกชุมชนคริปโตออกเป็นฝักฝ่าย และอาจลามบานปลายจนกลายเป็นศึกประวัติศาสตร์ ทว่าสิ่งที่ค้างคาใจกลับเป็นคำถามนั้น… เมื่อเครือข่ายแบ่งเป็นหลายสายแล้ว เหรียญไหนจะเป็น Bitcoin จริง? หรือบางที... ในโลกที่ใครก็ Fork ได้ตามใจ เราจะไม่มีวันได้เห็น **“Bitcoin หนึ่งเดียว”** อีกต่อไป? คำถามที่ไม่มีใครตอบได้ชัดนี้ส่องประกายอยู่ตรงปลายทาง ราวกับป้ายเตือนว่า _“อันตรายข้างหน้า”_ และคนในชุมชนทั้งหมดกำลังจะต้องเผชิญ… โดยไม่มีใครมั่นใจเลยว่าจะรอด หรือจะแตกสลายไปก่อนกันแน่... ![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1736319481671-YAKIHONNES3.webp) ## สองเส้นทาง (The Forked Path) กลางปี 2017 ท้องฟ้าเหนือบุรีรัมย์ยังคงคุกรุ่นด้วยไอแดดและความร้อนแรงของสงคราม Blocksize แจ๊ก กู้ดเดย์ ก้าวเข้ามาในคาเฟ่เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในย่านเทศบาลด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาพยายามมองหามุมสงบสำหรับนั่งตั้งหลักในโลกความเป็นจริง ก่อนจะจมดิ่งสู่สงครามในโลกดิจิทัลบนฟอรัม Bitcointalk อีกครั้ง กลิ่นกาแฟคั่วเข้มลอยกระทบจมูก แจ๊กสั่งกาแฟดำแก้วโปรดแล้วปลีกตัวมาที่โต๊ะริมกระจก กระจกบานนั้นสะท้อนแสงอาทิตย์จัดจ้า ราวกับจะบอกว่าวันนี้คงไม่มีใครหนีความร้อนที่กำลังแผดเผา ทั้งในอากาศและในชุมชน Bitcoin ได้พ้น เขาเปิดแล็ปท็อปขึ้น ล็อกอินเข้า Bitcointalk.org ตามเคย ข้อความและกระทู้มากมายกระหน่ำแจ้งเตือน ไม่ต่างอะไรจากสมรภูมิคำพูดที่ไม่มีวันหลับ *“**Hong Kong Agreement** ล้มเหลวจริงหรือ?”* *“**UASF** คือปฏิวัติโดย Node?”* เหล่านี้ล้วนสะท้อนความไม่แน่นอนในชุมชน Bitcoin ที่ตอนนี้ ดูคล้ายจะถึงจุดแตกหักเต็มที... “ทั้งที่ตอนนั้นเราก็พยายามกันแทบตาย…” แจ๊กพึมพำ มองจอด้วยสายตาเหนื่อยใจพร้อมภาพความทรงจำย้อนกลับเข้าในหัว เขายังจำการประชุมที่ฮ่องกงเมื่อต้นปี 2016 ได้แม่น ยามนั้นความหวังในการประนีประนอมระหว่าง ***Big Block*** และ ***Small Block*** ดูเป็นไปได้ หากแต่กลายเป็นละครฉากใหญ่ที่จบลงโดยไม่มีใครยอมถอย... ----------- *...การประชุม Hong Kong Agreement (2016)* ภายในห้องประชุมหรูของโรงแรมใจกลางย่านธุรกิจฮ่องกง บรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าการเจรจาสงบศึกในสมัยโบราณ **โรเจอร์ แวร์** ยืนเสนอว่า “การเพิ่ม Blocksize สำคัญต่ออนาคตของ Bitcoin — เราอยากให้คนทั่วไปเข้าถึงได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแพง ๆ” “**จิฮั่น อู๋** (Jihan Wu)” จาก Bitmain นั่งฝั่งเดียวกับโรเจอร์ คอยเสริมว่าการเพิ่มบล็อกคือโอกาสสำหรับนักขุด และหากทีม Core ไม่ยอม พวกเขาก็พร้อม *“ดัน Fork”* ขึ้นได้ทุกเมื่อ ด้วย Hashrate มหาศาลที่พวกเขาคุมไว้ ฝั่ง **ปีเตอร์ วูเล** (Pieter Wuille) กับ **เกร็ก แมกซ์เวลล์** (Greg Maxwell) จาก Bitcoin Core เถียงกลับอย่างใจเย็นว่า “การขยายบล็อกอาจดึงดูดทุนใหญ่ ๆ แล้วไล่ Node รายย่อยออกไป ชุมชนอาจไม่เหลือความกระจายอำนาจอย่างที่ Satoshi ตั้งใจ” สุดท้าย บทสรุปที่เรียกว่า Hong Kong Agreement ลงนามได้ก็จริง แต่มันกลับเป็นแค่ลายเซ็นบนกระดาษที่ไม่มีฝ่ายไหนเชื่อใจใคร ![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1736320429901-YAKIHONNES3.webp) แจ๊กเบือนสายตาออกนอกหน้าต่าง สังเกตเห็นผู้คนเดินขวักไขว่ บ้างก็ดูรีบร้อน บ้างเดินทอดน่องเหมือนว่างเปล่า นี่คงไม่ต่างอะไรกับชาวเน็ตในฟอรัมที่แบ่งฝ่ายกันใน ***“สงคราม Blocksize”*** อย่างไม่มีทีท่าจะหยุด แค่ไม่กี่นาที... เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชื่อ ***แชมป์ ‘PIGROCK’*** โชว์หราเต็มจออีกครั้ง “ว่าไงเจ้าแชมป์?” แจ๊กกรอกเสียงในสายด้วยอารมณ์เหนื่อย ๆ ทว่าพร้อมจะอธิบายเหตุการณ์ตามสไตล์คนที่ชอบครุ่นคิด “พี่แจ๊ก.. ผมเข้าใจแล้วว่าการประชุมฮ่องกงมันล้มเหลว ตอนนี้ก็มีคนแยกเป็นสองขั้ว *Big Block* กับ *SegWit* แต่ผมเจออีกกลุ่มในฟอรัมเรียกว่า ***UASF*** (User-Activated Soft Fork) ที่เหมือนจะกดดันพวกนักขุดให้ยอมรับ SegWit..." "อยากรู้ว่าตกลง ***UASF*** มันสำคัญยังไงครับ? ทำไมใคร ๆ ถึงเรียกว่าเป็น *การปฏิวัติโดย Node* กัน?” แจ๊กอมยิ้มก่อนจะวางแก้วกาแฟลง พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “UASF น่ะหรือ? มันเปรียบได้กับการที่ *‘ชาวนา’* หรือ *‘ประชาชนตัวเล็ก ๆ’* ออกมาประกาศว่า **‘ฉันจะไม่รับบล็อกของนักขุดที่ไม่รองรับ SegWit นะ ถ้าแกไม่ทำตาม ฉันก็จะตัดบล็อกแกทิ้ง!’** เสมือนเป็นการปฏิวัติที่บอกว่าแรงขุดมากแค่ไหนก็ไม่สำคัญ **ถ้าคนรัน Node ไม่ยอม… เชนก็เดินต่อไม่ได้**” “โห… ฟังดูแรงจริง ๆ พี่ แล้วถ้านักขุดไม่ร่วมมือ UASF จะเกิดอะไรขึ้น?” แชมป์ถามต่อเสียงสั่นนิด ๆ “ก็อาจเกิด ***‘Chain Split’*** ยังไงล่ะ" "แยกเครือข่ายเป็นสองสาย สุดท้ายเครือข่ายเดิม กับเครือข่ายใหม่ที่รองรับ SegWit ไม่ตรงกัน คนอาจสับสนหนักยิ่งกว่า Hard Fork ปกติด้วยซ้ำ" "แต่นั่นแหละ... มันแสดงพลังว่าผู้ใช้ทั่วไปก็มีสิทธิ์กำหนดทิศทาง Bitcoin ไม่ได้น้อยไปกว่านักขุดเลย” “เข้าใจแล้วครับพี่… เหมือน *การปฏิวัติโดยประชาชนตาดำ ๆ* ที่จับมือกันค้านอำนาจทุนใหญ่ใช่ไหม?” แชมป์หยุดครู่หนึ่ง “ผมเคยคิดว่า Node รายย่อยน้อยรายจะไปสู้อะไรไหว แต่ตอนนี้ดูท่าจะเปลี่ยนเกมได้จริงว่ะพี่…” “ใช่เลย” แจ๊กตอบ **“นี่เป็นความพิเศษของ Bitcoin ที่บอกว่า *‘เราคุมเครือข่ายร่วมกัน’* แม้แต่ Bitmain ที่มี Hashrate มากกว่า 50% ก็หนาวได้ถ้าผู้ใช้หรือ Node รายย่อยรวมพลังกันมากพอ”** แชมป์ฟังด้วยความตื่นเต้นปนกังวล “แล้วแบบนี้ เรื่อง SegWit กับ Blocksize จะจบยังไงครับ? เห็นข่าวว่าถ้านักขุดโดนกดดันมาก ๆ คนอย่าง จิฮั่น อู๋ อาจออกไปสนับสนุน ***Bitcoin Cash*** ที่จะเปิดบล็อกใหญ่” แจ๊กเลื่อนดูฟีดข่าวในฟอรัม Bitcointalk อีกครั้ง ก็เห็นพาดหัวชัด ๆ **“Bitmain ประกาศกร้าวพร้อมหนุน BCH เต็มพิกัด!”** เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ก็ใกล้เป็นจริงแล้วล่ะ… โรเจอร์ แวร์ เองก็ผลักดัน BCH ว่าคือ Bitcoin แท้ที่ค่าธรรมเนียมถูก ใช้งานได้จริง ส่วนฝั่ง BTC ที่ยึดเอา SegWit เป็นหลัก ก็ไม่ยอมให้ Blocksize เพิ่มใหญ่เกินจำเป็น.." "ต่างคนต่างมีเหตุผล... แต่อุดมการณ์นี่คนละทางเลย” “แล้วพี่คิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะครับ?” “เฮ้ย.. มึงถามยากไปหรือเปล่า” แจ๊กหัวเราะหึ ๆ “ทุกคนมีโอกาสได้หมด และก็มีโอกาสพังหมดเหมือนกัน ถ้า UASF กดดันนักขุดให้อยู่กับ Core ได้ พวกเขาอาจยอมแพ้ แต่ถ้า Bitmain เทใจไป BCH นักขุดรายใหญ่คนอื่น ๆ ก็คงตาม" "แล้วถ้าฝั่ง BCH เริ่มได้เปรียบ... อาจดึงคนไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะเหลือไหมล่ะฝั่ง SegWit ตัวจริง?” “งั้น Node รายย่อยจะยืนอยู่ตรงไหนล่ะครับพี่?” แชมป์ถามอย่างหนักใจ “Node รายย่อยและชุมชนผู้ใช้นี่แหละ คือ *ตัวแปรชี้ขาด* ทุกวันนี้คนกลุ่ม ***UASF*** พยายามโชว์พลังว่าตัวเองมีสิทธิ์ตั้งกติกาเหมือนกัน ไม่ใช่แค่นักขุด" "อย่างที่บอก.. มันคือการ ***‘ลุกขึ้นปฏิวัติ’*** โดยชาวนา ต่อสู้กับเจ้าที่ที่ถือ *‘แฮชเรต’* เป็นอาวุธ” แจ๊กตบบ่าตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย **“นี่แหละความมันของ Bitcoin ไม่มีเจ้าไหนสั่งได้เบ็ดเสร็จจริง ๆ ทุกฝั่งต่างถือไพ่คนละใบ สงครามยังไม่รู้จะจบยังไง ถึงอย่างนั้นมันก็สะท้อนวิญญาณ *‘decentralization’* ที่แท้จริง กล้ายอมรับสิทธิ์ทุกฝ่ายเพื่อแข่งขันกันตามกติกา”** ![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1736320468146-YAKIHONNES3.webp) จู่ ๆ ในหน้าฟอรัมก็มีกระทู้ใหม่เด้งเด่น **“Bitmain หนุน Bitcoin Cash ด้วย Hashrate กว่า 50%! สงครามเริ่มแล้ว?”** ข้อความนั้นดังโครมครามเหมือนระเบิดลงกลางวง แจ๊กนิ่งไปชั่วขณะ สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนที่กำลังปะทุขึ้นอีกครั้ง เหงื่อบางเบาซึมบนหน้าผากแม้อากาศในคาเฟ่จะเย็นฉ่ำ เขาหันมองโทรศัพท์ที่ยังค้างสายกับแชมป์ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่ล่ะ.. จุดเริ่มของสองเส้นทางอย่างชัดเจน… บล็อกใหญ่จะไปกับ BCH ส่วน SegWit ก็อยู่กับ BTC แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายไม่คิดถอยง่าย ๆ นักขุดจะเลือกข้างไหน? Node รายย่อยจะยอมใคร?" "เมื่อสงครามครั้งนี้นำไปสู่การแบ่งเครือข่าย *ใครกันแน่จะเป็นผู้ชนะตัวจริง?* หรืออาจไม่มีผู้ชนะเลยก็เป็นได้” ปลายสายเงียบงัน มีแต่เสียงหายใจของแชมป์ที่สะท้อนความกังวลปนอยากรู้อย่างแรง “พี่… สุดท้ายแล้วเรากำลังยืนอยู่บนรอยแยกที่พร้อมจะฉีกทุกอย่างออกเป็นชิ้น ๆ ใช่ไหมครับ?” “อาจจะใช่ก็ได้... หรือถ้ามองอีกมุม อาจเป็นวัฏจักรที่ Bitcoin ต้องเจอเป็นระยะ ทุกคนมีสิทธิ์ Fork ได้ตามใจใช่ไหมล่ะ? ก็ขอให้โลกได้เห็นกันว่าชุมชนไหนแน่จริง” แจ๊กพูดทิ้งท้ายก่อนจะแย้มยิ้มเจือรอยอ่อนล้า ภาพบนจอคอมพิวเตอร์ฉายกระทู้ถกเถียงกันไม่หยุด ประหนึ่งเวทีดีเบตที่ไม่มีวันปิดไฟ แจ๊กจิบกาแฟอึกสุดท้ายเหมือนจะเตรียมพร้อมใจก่อนเข้าสู่สนามรบครั้งใหม่ สงครามยังไม่จบ.. ซ้ำยังดูหนักข้อยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาลุกขึ้นจากโต๊ะ ชำเลืองมองแสงแดดจัดจ้าที่สาดลงมาไม่หยุด เปรียบเหมือนไฟแห่งข้อขัดแย้งที่เผาผลาญทั้งชุมชน Bitcoin ไม่ว่าใครจะเลือกอยู่ฝั่งไหน ***กลุ่ม UASF***, ***กลุ่ม Big Block***, หรือ ***กลุ่ม SegWit*** ทางเดินข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน “สุดท้ายแล้ว… เมื่อกระดานแบ่งเป็นสองเส้นทางอย่างเด่นชัด ***สงคราม Blocksize*** จะจบลงด้วยใครได้บทผู้ชนะ?" "หรือบางที… มันอาจไม่มีผู้ชนะที่แท้จริงในระบบที่ใครก็ Fork ได้ตลอดเวลา” คำถามนี้ลอยติดค้างอยู่ในบรรยากาศยามบ่ายที่ร้อนระอุ ชวนให้ใครก็ตามที่จับตาดูสงคราม Blocksize ต้องฉุกคิด เมื่อไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin อย่างสมบูรณ์ ทุกคนจึงมีสิทธิ์บงการและเสี่ยงต่อการแตกแยกได้ทุกเมื่อ แล้วท้ายที่สุด ชัยชนะ–ความพ่ายแพ้ อาจไม่ใช่จุดสิ้นสุดของโลกคริปโตฯ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการวิวัฒน์ที่ไม่มีวันจบสิ้น… ![image](https://yakihonne.s3.ap-east-1.amazonaws.com/d830ee7b7c30a364b1244b779afbb4f156733ffb8c87235086e26b0b4e61cd62/files/1736320687931-YAKIHONNES3.webp) ## เมาท์แถมเรื่อง UASF (User-Activated Soft Fork) นี่สนามรบยุคกลางที่ดูเหมือนในหนังแฟนตาซี ทุกคนมีดาบ มีโล่ แต่จู่ ๆ คนตัวเล็กที่เราไม่เคยสังเกต—*พวกชาวนา ช่างไม้ คนแบกน้ำ*—กลับรวมตัวกันยกดาบบุกวังเจ้าเมือง พร้อมตะโกนว่า “พอเถอะ! เราก็มีสิทธิ์เหมือนกัน!” มันอาจจะดูเวอร์ ๆ หน่อยใช่ไหมครับ? แต่ในโลก Bitcoin ปี 2017 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในรูปแบบ ***“User-Activated Soft Fork”*** หรือ ***UASF*** การปฏิวัติด้วยพลังโหนด ซึ่งทำให้นักขุดยักษ์ใหญ่ตัวสั่นงันงกันมาแล้ว! ### แล้ว UASF มันคืออะไรล่ะ? “User-Activated Soft Fork” หรือเรียกย่อ ๆ ว่า **“UASF”** ไม่ใช่อัปเกรดซอฟต์แวร์สวย ๆ แต่เป็น *“ดาบเล่มใหม่”* ที่คนตัวเล็ก—หมายถึง โหนด รายย่อย—ใช้ต่อรองกับนักขุดรายใหญ่ โดยกติกาคือ.. ถ้านักขุดไม่ทำตาม (เช่น ไม่รองรับ SegWit) โหนดก็จะปฏิเสธบล็อกของพวกเขาอย่างไม่เกรงใจใคร สมมุติว่าคุณคือโหนด.. คุณรันซอฟต์แวร์ Bitcoin คอยตรวจสอบธุรกรรม วันดีคืนดี คุณประกาศ **“ต่อไปถ้าใครไม่รองรับ SegWit ฉันไม่ยอมรับบล็อกนะ!”** นี่ล่ะครับ **“UASF”** ตัวเป็น ๆ คำขวัญสุดฮิตของ UASF > “No SegWit, No Block” หรือแปลว่าถ้าบล็อกไม่รองรับ SegWit ก็เชิญออกไปเลยจ้า.. มันเหมือนการที่ชาวนาโผล่มาตบโต๊ะอาหารท่านขุนว่า “นายใหญ่จะปลูกอะไรก็ปลูกไป แต่ไม่งั้นฉันไม่รับผลผลิตนายนะ!” ### ความเชื่อมโยงกับ BIP 148 ถ้าจะพูดถึง UASF ต้องรู้จัก ***BIP 148*** ไว้นิดนึง มันเปรียบเหมือน ***“ธงปฏิวัติ”*** ที่ตีตราว่าวันที่ **1 สิงหาคม 2017** คือเส้นตาย! BIP 148 บอกไว้ว่า.. ถ้าถึงวันนั้นแล้วยังมีนักขุดหน้าไหนไม่รองรับ SegWit บล็อกที่ขุดออกมาก็จะถูกโหนดที่ใช้ UASF *“แบน”* หมด ผลลัพธ์ที่ตั้งใจ นักขุดไม่อยากโดนแบนก็ต้องทำตาม UASF กล่าวคือ “นายต้องรองรับ SegWit นะ ไม่งั้นอด!” หลายคนกลัวกันว่า “อ้าว ถ้านักขุดใหญ่ ๆ ไม่ยอมแล้วหันไปขุดสายอื่น จะไม่กลายเป็นแยกเครือข่าย (Chain Split) หรือ?” ใช่ครับ.. มันอาจเกิดสงครามสายใหม่ทันทีไงล่ะ ### ทำไม UASF ถึงสำคัญ? ย้อนกลับไปก่อนปี 2017 Bitcoin มีปัญหาโลกแตกทั้งค่าธรรมเนียมแพง ธุรกรรมหน่วง บวกกับความขัดแย้งเรื่อง *“จะเพิ่ม Blocksize ดีไหม?”* ทางกลุ่มนักขุดรายใหญ่ (นำโดย Bitmain, Roger Ver ฯลฯ) รู้สึกว่า *“SegWit ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง”* แต่อีกฝั่ง (ทีม Core) ชี้ว่า **“Blocksize ใหญ่มากไปจะรวมศูนย์นะ โหนดรายย่อยตายหมด”** UASF เลยโผล่มา เหมือนชาวนาตะโกนว่า > “หุบปากได้แล้วไอ้พวกที่สู้กัน! ถ้าพวกแกไม่รองรับ SegWit พวกข้า (โหนด) ก็จะไม่เอาบล็อกแก” สาระก็คือ.. มันคือตัวบ่งชี้ว่าคนตัวเล็กอย่างโหนดรายย่อยก็มีพลังต่อรอง เป็นกลไกที่ดึงอำนาจจากมือทุนใหญ่กลับสู่มือชุมชน (Decentralization ที่แท้ทรู) ### วิธีการทำงานของ UASF ลองจินตนาการตาม.. 1. การกำหนดเส้นตาย BIP 148 ประกาศไว้ “ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2017 ถ้านายยังไม่รองรับ SegWit โหนด UASF จะไม่รับบล็อกนาย” 2. ถ้าคุณเป็นนักขุด… คุณขุดบล็อกออกมา แต่ไม่ได้ตีธง *“ฉันรองรับ SegWit”* UASF โหนดเห็นปุ๊บ พวกเขาจะจับโยนทิ้งไปเลย 3. ผลกระทบ? นักขุดที่ไม่ยอมทำตามจะเจอปัญหา บล็อกที่ขุดออกมาไม่มีใครรับ—เสียแรงขุดฟรี อาจเกิด ***Chain Split*** คือ แยกเครือข่ายเลย ถ้านักขุดเหล่านั้นไปตั้งสายใหม่ ### ความสำเร็จและความท้าทายของ UASF ความสำเร็จ.. หลังการรวมพลังผู้ใช้ โหนดรายย่อยกดดันนักขุดได้ไม่น้อย จนกระทั่ง **SegWit เปิดใช้งานจริงใน Bitcoin วันที่ 24 สิงหาคม 2017** ช่วยให้ธุรกรรมเร็วขึ้น แก้ Transaction Malleability และเปิดทางสู่ Lightning Network ในอนาคต ความท้าทาย.. นักขุดบางค่ายไม่โอเค.. โดยเฉพาะ Bitmain ซึ่งคาดว่าจะสูญรายได้บางส่วน ก็นำไปสู่การสนับสนุน **“Bitcoin Cash (BCH)”** แยกสาย (Hard Fork) ของตัวเองตั้งแต่วันที่ **1 สิงหาคม 2017** นั่นเอง ว่าแล้วก็เปรียบง่าย ๆ UASF เหมือนปฏิบัติการยึดคฤหาสน์เจ้าเมืองมาเปิดให้ชาวบ้านเข้าอยู่ฟรี.. แต่อีกฝ่ายบอก “งั้นฉันออกไปตั้งคฤหาสน์ใหม่ดีกว่า!” บทเรียนสำคัญ **UASF** เป็นตัวอย่างชัดว่า ***“ผู้ใช้”*** หรือ โหนดรายย่อย สามารถสร้างแรงกดดันให้นักขุดต้องยอมเปลี่ยนได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ยอมรับเงื่อนไขที่ขุดกันมา ผลกระทบระยะยาวหลังจากนั้นล่ะ? SegWit ถูกใช้งาน ทำให้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมลดลง (ช่วงหนึ่ง) เกิด **Lightning Network** เป็น Layer 2 สุเฟี้ยวของ Bitcoin เกิด BCH (Bitcoin Cash) เป็นสายแยกที่อ้างว่า Blocksize ใหญ่คือทางออก สรุปแล้ว UASF ทำให้โลกได้รู้ว่า.. > Bitcoin ไม่ใช่ของนักขุด หรือของฝ่ายพัฒนาใดฝ่ายเดียว แต่มันเป็นของทุกคน! “Bitcoin เป็นของทุกคน” ไม่มีใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าคุณจะถือ Hashrate มากแค่ไหน ถ้า Node ทั่วโลกไม่เอา ก็จบ! “แรงขุดใหญ่แค่ไหน ก็แพ้ใจมวลชน!” *(น่าจะมีตอนต่อไปนะ.. ถ้าชอบก็ Zap โหด ๆ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ)*